“ ไบโพลาร์หรอ ” “ โอ้ย ไบโพลาร์มาแม่ ” “ กูนี่ยังกับไบโพลาร์แน่ะ “ ฯลฯ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเดี๋ยวนี้เราใช้คำว่า ไบโพลาร์ กันบ่อยทั้งกับตัวเองและกับคนรอบข้าง หรือได้ยินกันบ่อยขึ้น ละครก็นำเอาโรคนี้มาอยู่ในฉากทำให้คนเข้าใจผิดกันมากมาย เราเองก็ใช้คำนี้เพื่อแสดงถึงอาการ ความรู้สึกที่สลับไปมาอย่างรวดเร็วอย่างเกลื่อนกลาดจนอาจทำให้เข้าใจผิดกันไปได้ว่าไอ้อารมณ์สวิงขึ้นลงฉับพลันเนี่ยมันคือ ไบโพลาร์ แล้วถ้าอย่างนั้นไบโพลาร์คืออะไรล่ะ เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันดีกว่า ไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์สองขั้ว คือ โรคทางอารมณ์โรคหนึ่ง ที่มีโหมดของอารมณ์สลับกันไปมาคือ ช่วงซึมเศร้า และ ช่วงคึกคักหรือเมเนีย โดยที่แต่ละช่วงเกิดขึ้นยาวนานเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นปี โรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งจากสารสื่อประสาทที่อยู่ในสมองเราทำงานผิดปกติไป พันธุกรรม หรือจากความผิดหวัง การใช้สารเสพติด หรือสมองได้รับการกระทบกระเทือนเป็นต้น โดยไบโพลาร์ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์จากเกณฑ์และแบบทดสอบ โรคนี้นับว่าเป็นโรคพี่น้องกับโรคซึมเศร้าก็ว่าได้ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าช่วงแต่ละช่วงมันต่างกันยังไงล่ะ เราสามารถอธิบายช่วงแต่ละช่วงได้ง่ายๆเลย ถ้าเป็นช่วงซึมเศร้าอาการจะเหมือนภาวะซึมเศร้าหรือโรคซึมเศร้าเลย นั่นก็คือ จะไม่มีสมาธิ , รู้สึกซึมเศร้าหดหู่ , น้ำหนักเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน , ความสุข ความสนใจในสิ่งต่างๆลดลง , อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง , รู้สึกว่าตนเองไม่มีค่า , นอนไม่หลับหรือหลับมากไปทุกวัน , คิดถึงเรื่องการตาย , กระสับกระส่ายหรือเชื่องช้าลง โดยมีอย่างน้อย 5 อาการขึ้นไปติดต่อกัน 2 อาทิตย์ แต่ก่อนจะสลับไปช่วงเมเนียมันมีช่วงแอบแฝงด้วยล่ะสิคราวนี้ ช่วงที่ว่าก็คือ ช่วง “ ไฮโปเมเนีย “ เรียกว่าเป็นกลางทางของสองช่วงนี้ โดยอาการจะเหมือนช่วงเมเนียหรือช่วงคึกคักเลยแต่จะเกิดในนะยะเวลาสั้นกว่าแค่ 3-4 วัน คราวนี้ไปดูกันบ้างว่าช่วงเมเนียหรือช่วงคึกคักเนี่ยมีอาการยังไง ช่วงคึกคักนี้จะพบอาการหงุดหงิดฉุนเฉียวได้ตลอดเวลาเป็นปกติ และมักจะมีอาการอย่างน้อย 3 อย่าง (ถ้านับรวมหงุดหงิดตลอดเวลาเป็นปกติด้วยก็ 4 อย่าง) เป็นติดต่อกันอย่างน้อย 1 อาทิตย์ อาการที่ว่าก็จะมีตั้งแต่ เชื่อมั่นมากกว่าปกติ , ต้องการนอนลดลง เช่น นอนวันละแค่ 3 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว , พูดมากกว่าปกติหรือพูดไม่หยุดปาก , ความคิดแล่นเร็ว , วอกแวก , มีจุดหมายเพิ่มขึ้นมากหรือกระสับกระส่าย , หมกมุ่นกับกิจกรรมที่ทำให้เพลิดเพลิน เช่น ใช้จ่ายเงินเกินตัว เป็นต้น เอาเป็นว่าคราวนี้เราก็เข้าใจถูกเกี่ยวกับไบโพลาร์กันแล้วว่าไม่เหมือนอย่างในละครที่สับสวิตซ์อารมณ์ได้ปุ้บปั้บเหมือนหลอดไฟ ส่วนใครที่เริ่มสงสัยว่าตัวเองเข้าข่ายจะเป็นจริงๆ หรือเปล่าก็ไปปรึกษาคุณหมอกันนะจะได้ไม่สายเกินไป เพราะโรคนี้รักษาหายได้