ชอบมาก...ต้องลากเสียงยาวๆ เมื่อฉันไปเยือนนครย่างกุ้ง (yangon) ประเทศเมียนมาร์ (พม่า) นครย่างกุ้ง คนไทยหลายคนก็เรียก อีกคำหนึ่งว่า "ร่างกุ้ง (rangoon) มาจากคำที่ออกเสียง ว่า ยานโกน มีความหมายว่า ศัตรู ข้าศึก หมดไป แปลเท่ๆ ว่า "อวสานสงครามหรือจุดจบแห่งสงคราม" นั่นเอง เป้าหมายแรกที่ต้องไปถึงคือเจดีย์ชเวดากอง (SHWEDAGON PAGODA) แม่เหล็กของนครย่างกุ้งที่ดึงดูดทั้งชาวเมียนมาร์และ ผู้คนทั่วโลกมายืนที่นี่หนาแน่นทุกวันคนที่ไม่เคยไปอาจจะงง นิดๆ เกี่ยวกับทางขึ้นชมพระเจดีย์ ชเวดากอง ซึ่งมีประตูทางเข้าสี่ทิศ สำหรับชาวต่างชาติต้องซื้อตั๋ว (คนไทยราคา 200 บาท) เมื่อเดินบันไดขึ้นไปถึงลานเจดีย์ จะพบร้านขายของที่ระลึก เครื่องราง ต่างๆ ด้านบนนักท่องเที่ยวจะหนาแน่นรอบเจดีย์ ส่วนชาวเมียนมาร์จะนั่งอยู่รอบๆ เพื่อบูชาเทวดาผู้พิทักษ์และสัญลักษณ์ของรูปสัตว์ต่าง ๆ แทนในแต่ละวัน เช่น ครุฑสำหรับวันอาทิตย์, เสือสำหรับวันจันทร์, สิงโตสำหรับวันอังคาร, ช้างมีงาสำหรับวันพุธครึ่งวันแรก, ช้างไม่มีงาสำหรับวันพุธครึ่งวันหลัง, หนูสำหรับวันพฤหัสบดี, หนูตะเภาสำหรับวันศุกร์และนาคสำหรับวันเสาร์ เพื่อการอธิษฐานขอในสิ่งที่ปรารถนา หลังเสร็จจากการไหว้พระ บรรยากาศรอบเจดีย์ชเวดากอง คราคร่ำไปด้วยผู้คนชาวเมียนมาร์ เข้าไปกราบไหว้ขอพรมงคลแก่ชีวิต และชาวต่างชาติที่ไปชื่นชมศิลปะที่แสดงถึงอารยธรรมของชาวเมียนมาร์มา สังเกตลายไม้ที่แกะสลักไว้เป็นส่วนประกอบของอาคารวิหาร รอบเจดีย์ มีความปราณีตอ่อนช้อย ละเอียดละออ สื่อถึงความเป็นคนใจเย็น มีความเพียรสูง คล้ายคลึงกับศิละในภาคเหนือของไทย สิ่งที่น่าสนใจ เมื่อไปเที่ยว ชเวดากอง คือ แนะนำให้ไปช่วงบ่ายแก่ๆ สามารถเดินเที่ยวเจดีย์ อีกฝั่งหนึ่งได้แล้วพอค่ำลง ก็กลับมาหาของกิน เดินเล่นที่ ถนนคนเดิน มีร้านค้า ของกินของใช้ ของที่ระลึก รายล้อมถนนด้านหน้าเจดีย์ชเวดากอง ให้ นักท่องเที่ยวได้ สัมผัสบรรยากาศตลาดกลางคืน และกินอาหารท้องถิ่น เมื่อเทียบเป็นเงินไทยแล้ว อาหารที่นั่งกินร้านเล็กๆ เป็นแบบ อาหารจานเล็กๆ สามสี่อย่าง สั่งข้าว แยก กินกัน 2 คนยังไม่เกิน 150 บาทไทย ความเห็นส่วนตัวของฉันมองว่า บรรยากาศของนครย่างกุ้ง มีความคล้ายคลึงกับ นครมุมไบ ประเทศอินเดีย นิดๆ ทั้งถนน หนทาง อาคารบ้านเรือน และ ผู้คนที่เป็นชนชาวเชื้อสายอินเดีย อาจเป็นเพราะว่า ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ประมาณกว่าครึ่งของประชากรในย่างกุ้ง เป็นชาวอินเดียหรือไม่ก็ชาวเอเชียใต้มีเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้นที่เป็นชาวพม่าที่แท้จริง นอกจากนี้ยังมีชาวกะเหรี่ยง พม่าเชื้อสายจีน และลูกครึ่งอังกฤษ-พม่าปะปนกันไป จุดเที่ยวที่ห้ามพลาดก็คือ การเดินเที่ยวตลาด ในตัวเมืองย่างกุ้ง มีบรรยากาศความเป็นท้องถิ่นทุกแนว ตั้งแต่เรื่องอาหารการกิน แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรมความเป็นอยู่ .. หาข้อมูลเอาไว้ล่วงหน้า 5 ตลาดที่ต้องปักหมุดไปเยือน 1. ตลาดโบ-ยก อองซาน (Bogyoke Aung San Market) หรือตลาดสก๊อต นับว่าเป้นตลาดใหญ่ที่สุดในย่างกุ้ง เทียบกับเมืองไทยแล้ว คล้ายกับเราไปเดินย่านสำเพ็ง เยาวราช ทะลุคลองถม สะพานเหล็กกันเลยทีเดียว ที่นี่มีตลาดพลอยใหญ่ที่สุด ซึ่งพ่อค้าพลอยจากแหล่งขุดพลอย เอามาตั้งแผงส่องหาความงาม ตั้งราคากันตามคุณภาพน้ำพลอยให้ค้าขายต่อรองกันดุเดือดเจี้ยวจ๊าว ได้บรรยากาศตลาดเป็นที่สุด ที่นี่มีห้างสรรพสินค้า ใหญ่ให้ช๊อปปิ้งแบบตากแอร์แล้ว ค่อยออกไปรับแดด ตากลม ตามร้านค้าในตรอกซอกซอย เดินกันแทบจะขาหลุดทั้งวันก็คงไม่ทั่ว เสน่ห์ที่น่าหลงไหนในตลาดนี้ คือ ร้านหาบแร่ แผงลอย ขายอาหารแบบชาวพม่า ให้ลิ้มลองกัน แต่หากใครชอบแบบจัดเต็มต้องเดินเข้าร้านคล้ายกับร้านข้าวแกงในเมืองไทย เพราะเราจะมีโอกาสได้ชิมอาหารท้องถิ่นในราคาไม่แพง มีเงิน 100 บาทไทย กินจนอิ่มแปล้ แถมมีขนมของหวานให้เป็นรางวัลก่อนลุกจากที่นั่งอีกต่างหาก มาถึงถิ่นแล้วก็ต้องลองให้สุด ส่วนตลาดอื่นๆ ก็ ยังมีอะไรให้ไปค้นหา ถ่ายภาพไปอวดเพื่อนได้ว่า ฉันมาถึงย่างกุ้งแล้ว เช่นตลาดเตงจีเซ (Theingyi Zay, Latha township) ตลาดนัดกลางคืน ถนนอนอวรธา (Anawrahta Road Night Market) ตลาดทิรี มิงกะลา (Thiri Mingalar Market) ลองค้นหาสถานที่เหล่านี้จากที่พักของคุณดูว่า ตลาดไหนใกล้สุด วิธีการเดินทางที่ดีที่สุดในนครย่างกุ้ง ว่ากันตั้งแต่สนามบิน ไปจนถึงการเที่ยวทุกโปรแกรม ไม่แนะนำให้เรียกแท็กซี่ท้องถิ่น เพราะคุณอาจจะถูกเรียกค่าโดยสารแพงเกินจริง แต่แนะนำให้ใช้ GRAP TAXI ระยะไม่เกิน 10 กม.ในเขตตัวเมือง ค่าโดยสาร ใช้เป็นเงินจ๊าดเทียบเงินไทยแล้วอยู่ราวๆ 60-100 บาทไทย เดินทาง สบายใจไร้กังวลค่ะ ทริปย่างกุ้งไปเที่ยวคนเดียวได้สบาย ลองไปเที่ยวสักครั้งแล้วจะกลับไปอีกแน่นอน