ใช่ค่ะเป็นคำถามที่ถามตัวเองว่า เราจะเรียนอย่างไรให้จบคอร์ส! จันทร์-ศุกร์ 4 สัปดาห์ 9.00-15.00 น. มาลงคอร์สเรียนก็เหมือนไปทำงานในช่วงเดือนแรกเลยค่ะ งงๆ เงอะงะ ถ้าเป็นงานที่ใช่เราจะไปต่อ อดทน ฝ่าฟันอุปสรรค จนจบ แต่ถ้ามันไม่ใช่ ฝืนเท่าไหร่ก็ไม่ไหว หรือต่อให้ใช่สิ่งที่ชอบ แต่สิ่งแวดล้อม ข้อจำกัดของเรา มันไม่อำนวยก็จะทำให้เราไปต่อไม่ได้ เหมือนเราที่ต้องจบกลางคัน เดี๋ยวจะบอกเหตุผลให้ฟังค่ะ เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลนะคะ หลังจากวิกฤตโควิด 19 จากการที่เราทำงานอยู่ที่บ้าน WFH มาตลอด จนแทบไม่อยากออกไปไหน ก็เลยลองหาอาชีพเสริม ซักหน่อย ที่เลือกอาหารคาวเพราะปกติก็ต้องทำอาหารให้ครอบครัวทานอยู่บ้าง แต่ก็อาศัยดูสูตร ดูคลิปตามอินเตอร์เน็ตเอา แต่ถ้าจะให้ไปทำขายก็ยังขาดความมั่นใจ ก็เลยลองไปศูนย์ฝึกอาชีพซักหน่อย เผื่อจะได้ไอเดียไปทำอะไรได้บ้าง ซึ่งปัจจุบันใน กทม. มีอยู่ 9 แห่ง เริ่มจากการไปขอรับใบสมัครที่ศูนย์ฝึกอาชีพใกล้บ้าน (ส่วนผู้เขียนเรียนที่ศูนย์วัดธรรมมงคลฯ) กรอกข้อมูลส่วนตัว รูป 1 ใบ พร้อมสำเนาบัตรประชาชน เลือกวิชาที่ต้องการจะเรียนมีเยอะมากๆ เลยค่ะ สมัครฟรี! ในส่วนค่าใช้จ่ายก็จะมีตอนที่เราทำอาหารเสร็จเราก็ซื้ออาหารทานได้เลย หรือจะซื้อกลับบ้านก็ได้ค่ะ สมัครเรียนล่วงหน้าไว้ 2 สัปดาห์ใจจดใจจ่อที่จะได้เรียนมาก มาดูกันว่าวันแรกทำอาหารอะไรไปบ้าง(ทั้งนี้ทั้งนั้นแต่ละศูนย์อาจจะสอนไม่เหมือนกันนะคะ ขึ้นอยู่บรรยากาศ, หลักสูตรกับอาจารย์ผู้สอนด้วย)มาเริ่มจากการเรียนทำอาหารวันแรก มีเพื่อนร่วมชั้นประมาณ 5 คนช่วงเช้าห้องเราอาจารย์จะมีทำอาหารไว้สำหรับขายนักเรียนที่มาเรียนก็จะมีอาหาร 2-3 อย่างต่อวัน อย่างวันแรกนี้ก็มีแกงเขียวหวาน หมูทอด เราก็จะไปคอยดูอาจารย์ทำ ช่วยหั่นผัก หยิบจับล้างของไป จนกระทั่งห่อข้าว วันแรกๆก็มีอาหารเงอะๆ งะๆ เพราะไม่รู้ของอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง หยิบผิดๆ ถูกๆ วางไม่เป็นที่เป็นทาง อาจารย์ก็จะบอกทุกอย่างอะไรที่เคยทำที่บ้านก็ต้องมาเปลี่ยนหมด หลายอย่างก็เป็นพื้นฐานที่ดี ครัวสะอาด งานละเอียด ข้าวของเป็นระเบียบ หั่นผักต้องหั่นแบบไหน ล้างของต้องล้างแบบไหน (มีตึงๆบ้าง เหมือนเราไปเป็นนักเรียนอีกครั้งเลย)ช่วงบ่ายหลังจากทำอาหารขายเสร็จแล้ว รับประทานอาหารแล้ว (ใครจะมาซื้ออาหารที่ขายหรือเตรียมมาเองก็ได้ค่ะ) พอมีเวลาเหลือ ก็มาเรียนสูตรเดิมให้ลองทำดู ด้วยเตาไฟฟ้าของใครของมัน ซึ่งวันแรกก็ได้ทำ แกงเขียวหวานไก่ กับผัดไทยอาจารย์จะให้เตรียมเครื่องต่างๆ บอกสูตรแล้วก็ปรุง ผัดไปทางใครทางมัน หน้าตาขั้นสุดท้ายก็จะไม่ค่อยเหมือนกันนัก แต่ก็รสชาติก็ตามมาตรฐานเพราะอาจารย์จะบอกให้ใส่อะไรบ้างตอนนั้นเลย หน้าตาดูดีมากค่ะ บอกเลยว่าเรียนวันแรกสนุกดี พรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นน่า พอจะรู้อะไรอยู่ตรงไหนบ้าง วันที่ 2 เช้ามาก็ยัง งงๆ อยู่ว่าต้องทำอะไรบ้าง ก็ต้องรอว่าจะช่วยทำอะไรได้บ้างก็ยังดูเงอะงะเด็กใหม่เหมือนเดิม วันนี้เพื่อนร่วมชั้นหายไป 1 คนซะแล้ว วันนี้อาหารที่ทำขายจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือหมูตุ๋น ก็ได้เห็นการทำจริง เตรียมของจริง เตรียมขายเป็นอย่างไร จัดของ จัดอุปกรณ์ ทุกอย่างมีเวลาของมันต้องดูตามเวลา รู้สึกเลยว่าเหนื่อยมากๆ ในการเตรียมอาหาร แต่ตอนขายแล้วมีคนมาซื้อแล้วชม มันหายเหนื่อยไปเลย (แต่ฝีมือของอาจารย์ก็อร่อยหล่ะเข้มข้น ถึงรสถึงเครื่องจริงๆ การปรุงขายจะเป็นฝีมืออาจารย์ทั้งหมด) หลังขายเสร็จช่วงบ่าย วันนี้ทำอาหาร 2 อย่างเช่นเคย แต่จริงๆ คือเริ่มหมดแรงแล้วหล่ะ แต่เอาทำไม่ยากก็ไปกันต่อ หน้าตาดูดี ทำเสร็จเอาไปกินต่อที่บ้านมื้อต่อไปได้เลยวันที่ 3 อะยังพอสู้ต่อไป ช่วงเช้าได้ทำอาหารขายหลากหลายมากขึ้น ทำอาหารขาย ประมาณ 3 อย่าง เราก็เริ่มคล่องขึ้นก็เป็นลูกมือ มือใหม่ เหมือนเด็กฝึกงานก็ยังไม่เก่งมากแต่ก็โดนดุเหมือนเดิม 555 ช่วงบ่ายวันนี้เหลือทำแค่อย่างเดียวก็คือต้มยำไก่ ถัดมาต้องลาหยุดเพราะติดภารกิจงานส่วนตัวก็เลยต้องของลา เหมือนได้หยุดพัก 1 วัน วันศุกร์เอาใหม่ กิจกรรมเหมือนเดิมแต่เพิ่มคือตอนนี้เหลือคนเดียวแล้ว กับนักเรียนเก่าอาจารย์ 2 คนที่เป็นลูกมือของอาจารย์มาตลอด เอายังไงดี สัปดาห์หน้าต้องเหนื่อยสุดๆแน่นอน แต่วันนี้ไม่มีทำอาหาร และจดสูตรแล้ว เพราะคนน้อยเราต้องทำงานหลายอย่างแทบจะไม่มีเวลาได้ถ่ายรูป หรือถามสูตรใดๆ ใช้สมองจดจำล้วนๆ จบสัปดาห์แรก จิตใจเริ่มท้อ จะไหวมั้ยนะ หยุดไปพักผ่อน เผื่อฝึกความอดทน และได้ออกกำลังกายไปในตัว เริ่มต้นสัปดาห์ที่ 2 ตอนนี้เพื่อนหายหมดแล้วเหลือเราคนเดียว เพื่อนที่ดูเหมือนจะอยู่ปรากฏว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ เอาเถอะ คิดบวกไว้ ได้รู้จักพื้นฐานครัวไว้บ้างได้ชิม ได้เห็นเมนูอาหารต่างๆ เอาไว้ทำครัวในบ้านก็ได้ ทำขายคงต้องเลือกดูอีกที สัปดาห์นี้บอกเลยว่าความรู้สึกเหนื่อยล้าถาถมเข้ามาเรื่อยๆ ใช้เวลาเป็นลูกมือจริงๆประมาณช่วง 9 โมงถึง เที่ยง จนขายอาหารหมด ก็แทบจะหมดแรงนั่งกินข้าวแบบหมดแรง สัปดาห์นี้ไม่ได้ทำอาหารตัวต่อตัวแล้ว แต่มีลงไปช่วยผสมอาหารบ้าง ลวกเส้นบ้าง ปวดแขนสุดๆ เพราะเวลาทำของปริมาณเยอะ ไม่เหมือนกับที่เราแค่ทำในครอบครัวเลย เพราะทั้งเรื่องการจัดเตรียมแล้ว การล้างหม้อกระทะใบใหญ่ๆ บอกเลยว่า ปวดหลังมาก! เดินตลอดเวลา แทบไม่ได้นั่ง ล้างครัว ทำความสะอาดเสร็จทิ้งร่าง ไม่เหลือแรงสำหรับจดสูตรแล้วจ้า ช่วงหลังเลยขอเป็นแค่ถ่ายรูปก็พอ สัปดาห์ที่ 3-4 สัปดาห์นี้หมดแรงจริงๆ จึงต้องขอบอกลาอาจารย์ เพราะด้วยติดงานที่คั่งค้างเอาไว้ ต้องมาเคลียร์เพราะเงินใกล้จะหมด เนื่องจากในการไปเรียนทำอาหารเราต้องซื้ออาหาร (ไม่ได้บังคับ แต่ก็ต้องกินมื้อกลางวันอยู่ดี) บวกกับอาหารถ้าต้องทำส่วนตัวด้วยจะมีค่าวัตถุดิบที่เราทำไป ค่าใช้จ่ายเลยมีเพิ่มเพราะปกติทำงานอยู่ที่บ้าน ทำกับข้าวเองจะค่อนข้างประหยัด เลยต้องขอลามาหาเงินที่แน่นอนก่อน สรุปเรียนจบไปทั้งหมด 9 วัน (ลา 1 วัน) (ตามกฏปกติเรียน 20 วันลาได้ 4 วัน) เรียนไม่ครบคอร์ส ทำให้ไม่ได้รับประกาศนียบัตรในคอร์สนี้ไป สิ่งที่ได้รับจากคอร์สนี้ - ได้เห็นสูตรอาหารไทย ได้ลงครัวจริง เหมือนไปอยู่ร้านอาหาร - ได้ความรู้พื้นฐานตั้งแต่การจัดการวัตถุดิบ จนจบการขาย (แต่ยังไม่ถึงกับรู้ราคาวัตถุดิบหรือการเลือกซื้อ)- ได้ใช้พลังงาน แรงกายแรงใจขับเคลื่อน นำมาใช้ในการทำงานต่อไป- ในอนาคตอาจจะได้ต่อยอดอาหารที่ได้เรียนรู้ไปหารายได้เสริมได้ ข้อแนะนำสำหรับคนที่คิดว่าจะไปเรียน- คอร์สนี้ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุเท่าไหร่ เพราะต้องใช้พลังงานหลายอย่าง ทั้งเตรียมอาหารและการล้างอุปกรณ์หนักๆ ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง- สำหรับคนที่คิดว่าจะนำไปใช้ในต่างประเทศอาจจะต้องไปเรียนเพิ่มเติมเพราะยังไม่ค่อยได้รายละเอียดมากนัก หรือต้องเรียนมากกว่า 1 คอร์ส- คนที่มีรายได้ไม่มาก อาจจะต้องดูตามความเหมาะสม หรือเตรียมอาหารมาเอง เพราะจะมีค่าใช้จ่ายในการทำอาหาร- สำหรับใครที่คิดว่าสามารถทนต่อแรงกดดันในครัวจริงได้ ทนแต่แรงกดดันจากหัวหน้าเชฟได้ และมองว่าครัวจริงก็ต้องเจอสถานการณ์แบบนี้แหล่ะ มาลองลงเรียนกันดูค่ะ ส่วนผู้เขียนเองรอบนี้ยังไม่ไหวค่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสร่างกายจิตใจพร้อมกว่านี้ ค่อยไปลองดูใหม่! ยังมีคอร์สให้ลงเรียนนอกจากอาหารคาวแล้ว ยังมีอาหารว่าง เบเกอรี่ ด้วยนะคะ นักเรียนเต็มห้อง ว่าจะไปลองลงเรียนดูรอบหน้า! ภาพประกอบและปก โดยผู้เขียน WCKIWIหิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !