วันนี้ผมจะพาไปบุกส่องสัตว์แอฟริกา "Kruger National Park" ประเทศแอฟริกาใต้ ครับ เป็นทริปสั้น ๆ ภายในหนึ่งวัน ผมมีโอกาสขับรถตะลุยตามหาสัตว์เองเลย มือหนึ่งก็จับพวงมาลัย มือหนึ่งก็จับมือถือ สายตาก็ต้องรอบทิศทางหาสัตว์ ภาพอาจได้ไม่เยอะ ไม่สวยเท่าไหร่ ใครสนใจเรื่องราว กดเข้าไปอ่านกันได้เลยครับผ๊มมมม จุดเริ่มต้นของทริปนี้ ออกเดินทางจากสถานทูตไทย ณ กรุงมาปูโต ประเทศโมซัมบิก ตอนเวลา 9.00 น. เราจองออนไลน์เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าก่อน 2 วัน ของหน้าเวปครูเกอร์ ประตูเปิดให้เข้าชมตอน10.00 น. นุ้นเลย ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางพอสมควรครับ การเดินทางครั้งนี้ของเราใช้รถยนต์ส่วนตัว ผู้ร่วมทริปครั้งนี้ 5 คน ก่อนเดินทางก็ต้องโหลดแผนที่พื้นที่ของอุทยานมาศึกษาวางแผนเส้นทางการตะลุยบุกส่องสัตว์ล่วงหน้าก่อนการเดินทาง จะเห็นได้ว่าพื้นที่อุทยานใหญ่มากกกกก ให้ครบทั้งหมดคงใช้เวลาเกือบอาทิตย์เลยครับ เส้นระบายสีคือแผนเส้นทางของทริปนี้ เห็นได้ว่าเป็นแค่ติ่งเล็ก ๆ ของอุทยานเลยครับ เรามีแผนเข้าตรงประตู 4 Crocodile Bridge ประตูทางเข้ามีเยอะมากครับ หากใครเริ่มต้นที่ประเทศแอฟริกาใต้โดยตรงก็อาจจะเข้าตรงประตูอื่นที่สะดวก วิวระหว่างทาง คูล ๆ ขับรถมาสักพักประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็ต้องไปสแตมป์พาสปอร์ตขาออกตรงด่านเข้า-ออก ของประเทศโมซัมบิกก่อนเดินทางออกนอกประเทศครับ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที เสร็จจากด่านเข้า-ออก ของโมซัมบิก ก็ต้องมาสแตมป์พาสปอร์ตขาเข้าของประเทศแอฟริกาใต้ต่อ แถวจะยาวหน่อยครับเพราะคนโมซัมบิกกับคนแอฟริกาใต้จะเดินทางเข้าออกไปทำงาน จับจ่ายซื้อของระหว่างกัน และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายของเราตอนเวลาประมาณ 11.30 น.ครับ ยื่นเอกสารการจองให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูทางเข้า เขียนชื่อ-สกุล เลขพาสปอร์ต ทะเบียนรถ ของเราให้เรียบร้อย ก็พร้อมลุยทริปนี้กันได้เลย อย่างที่บอกว่าทริปนี้ผมเป็นคนขับรถเองเลย ก็เกร็ง ๆ นิดหน่อย แต่เมื่อเริ่มขับเลี้ยวมายังไม่ถึง 500 เมตร เจอฝูงกวางอิมพาลาเพศเมียประมาณ 20 ตัว มาต้อนรับ (1 ฝูงจะมีอิมพาลาตัวผู้เป็นจ่าฝูงดูแลอยู่ 1 ตัว) เริ่มต้นก็ตื่นเต้น ตื่นใจ ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้ววันนี้เราจะเจอตัวอะไรอีกบ้าง แค่คิดก็สนุกแล้วครับ ระยะถ่ายประมาณ 50 เมตร มันนิ่งกันมาก แบบไม่กลัวรถ กลัวคนเลยครับ เหมือนอารมณ์มาดูฉันหรอ ฉันขอกินหญ้าแบบชิล ๆ อยู่บ้านฉันนะ แต่เราพยามไม่รบกวนเค้า ชมแบบเงียบ ๆ แต่ก็มีเสียงวู๊ ๆ ว๊าว ๆ นั่นนี่ เวลาเจอตัวแปลก ๆ ระหว่างทริปครับ ฮ่า ๆ ขับมาอีกนิดสัก 100 เมตรได้ รอบนี้ม้าลายกินหญ้าแบบระยะประชิดกับรถของเราเลย พึ่งเคยเห็นม้าลายแบบใกล้ ใกล้มาก ครั้งแรกในชีวิตก็คราวนี้แหละครับ สภาพพื้นที่ถนนและวิวโดยรอบของอุทยาน ขับรถไปก็มีโยกหัว โยกตัว กันนิด ๆ ครับ จุดไหนมีหลุมมีบ่อก็ค่อยหลบค่อยเลี้ยวกันไป ระหว่างขับรถไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางที่วางแผนไว้ พี่กิ๊กก็บอก ชะลอ ๆ ดับรถเลยน้องนุ ยีราฟ เจ้ายีราฟคอยาวกำลังกินยอดไม้ และกำลังจะกินน้ำ เราก็ลุ้น ตั้งใจรอดูภาพที่หาดูได้ยากของการกินน้ำของยีราฟ (การกินน้ำของยีราฟจะแยกขาด้านหลังทั้ง 2 ข้างของมันและก้มตัว ยื่นคอลง พูดคุยกันเล่น ๆ ก็คงเป็นวิธีแบบนี้แหละ ดูชีวิตลำบากเนาะ) แต่แล้วก็รอคอยนานแสนนาน แค่หลอกให้เราลุ้นรอดู เดินไปเดินมา ไม่กินน้ำสักที แล้วก็เดินเข้าป่าจากเราไป ตัวดำ ๆ เห็นเด่นสะดุดตามาแต่ไกล ก็ค่อย ๆ ขับ เจอสัตว์ซิกเนเจอร์ชนิดนึงของอุทยานแล้ว ช้างแอฟริกาเพศผู้ 🐘 ถือว่าระยะประชิดพอตัวครับ แอบหวั่น ๆ อยู่เหมือนกัน ข้อสังเกตุที่เราพูดคุยและให้ข้อมูลร่วมกันว่า หูช้างแอฟริกาจะมีรูปร่างลักษณะเหมือนผืนทวีปแอฟริกาเลยนะ ใกล้แม่น้ำเจอฝูงน้องเต่ากำลังจะข้ามสะพานไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ เจอประมาณ 6-7 ตัว เดินคลานต้วมเตี้ยมตาม ๆ กันมา ที่จริงก่อนจะมาเจอน้องเต่าเราขับไปยัง Hippo River ชื่อก็บอกแล้วครับว่าจะเจอตัวอะไร ระยะที่เราเห็นมันไกลไปหน่อย ต้องใช้กล้องส่องทางไกล ภาพไม่ค่อยสวย เลยไม่ได้ลงรูปให้ดู เจอฮิปโป 2 ตัว อยู่คนละฝั่งของแม่น้ำ มีว่ายน้ำอวดโชว์เราอยู่ในน้ำอีก 3-4 ตัว มีจระเข้อ้าปากรับลมแดด นอนแผ่ในแม่น้ำอีก 1 ตัว ขับรถชมสัตว์จนเพลิน ถึงจุดแวะพักทานข้าวก็ปาเข้าไปเกือบบ่าย 2 บริเวณจุดที่พักจะมีร้านขายของที่ระลึกของอุทยาน ขนม เครื่องดื่มต่าง ๆ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว โซนเขตร้านอาหารที่มีบริการ เผื่อไม่มีเวลาเตรียมอาหารไป เติมพลังอิ่มท้องเรียบร้อย เราก็พร้อมลุยต่อครับ สายตาทุกคนสอดส่อง ขอให้เจอ สิงโต เสือดาว ไฮยีน่า กระทิง ความป่า สัตว์ซิกเนเจอร์อื่น ๆ เห้อ แต่ว่าช่วงหลังนี่เหมือนวางแผนผิด ขับไปนานสองนาน แทบไม่ได้เจอน้องสัตว์ตัวใดเลย เจอแต่ทุ่งหญ้า 😭😭 หยุดเจอฝูงหมูป่าแก้ขัดพอให้ใจชื้นได้บ้าง 🐗🐗 ภายในความโชคร้าย ที่ไม่ได้เจอสัตว์ซิกเนเจอร์ เรายังมีความโชคดีที่เจอสัตว์เฉพาะถิ่นอย่างเจ้าตัวกูดูเพศผู้ (Kudu) ตัวใหญ่สวยงาม สมบูรณ์เลยทีเดียวครับ รอบนี้ต้องดับรถเพื่อถ่ายรูป เพราะดูเหมือนมันจะตื่น ๆ เรานิดหน่อย แต่สุดท้ายก็เดินแบบชิลๆ ผ่านหน้ารถหายลับไปในพงหญ้า วิลเดอบีสต์ หรือ นู, วัวป่า นั่นเอง เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทหนึ่ง รูปร่างหน้าตาของมันอัปลักษณ์ ถือเป็นแอนทีโลปขนาดใหญ่ และจัดเป็นแอนทีโลปที่สามารถพบได้ง่ายที่สุดในทวีปแอฟริกา มีพฤติกรรมอาศัยอยู่รวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ บางฝูงอาจถึงหลักหมื่นตัว โดยมีตัวผู้ที่แข็งแรงเป็นจ่าฝูง ผมชอบภาพนี้เป็นพิเศษ บริเวณนี้เราพบสัตว์ 3 ชนิดกินหญ้าอยู่ใกล้กัน คือตัวม้าลาย วิลเดอบีสต์ และอิมพาลา แต่ในภาพถ่ายติดมาแค่ 2 ตัว ตัดกับภาพแบล็คกราวน์ด้านหลังเป็นการเล่นสีสันของท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เป็นความรู้สึกประทับใจและสวยลงตัวมากครับ ขับจนเพลิน เวลาประมาณ 5 โมงกว่า ๆ พี่กิ๊กบอกว่าเร่งหน่อยนะครับ เพราะเดี๋ยวอุทยานจะปิดแล้ว รถจะติดเอาได้ เลยเก็บภาพบรรยากาศก่อนพระอาทิตย์ตกดินมาฝากก่อนเร่งสปีดสู่ถนนหลักประตูทางออกครับ ถนนหลักรถติดจริง ๆ ด้วยครับ เพราะอุทยานกำหนดเวลาเข้าชมถึง 6 โมงเย็น รถทุกคันเลยมุ่งสู่ประตูทางออกเป็นแถวยาวเลยทีเดียว ก่อนถึงประตูทางออกประมาณ 4-5 กิโลเมตร เห็นรถด้านหน้าเลียบชิดกว่ากัน ก็อดสงสัยเค้าแวะดูอะไรกัน เห็นไกล ๆ ดำ ๆ ก็เดาว่าช้าง ไม่ได้สนใจก็เคยเห็นแล้ว แต่ด้วยรถติดยาวเลยแวะถาม สรุปมันคือ แรด ครับ ถือได้ว่าเป็นสัตว์ซิกเนเจอร์ของที่นี่อีกชนิดนึง ปกติเราจะเจอแรดได้ยากพอสมควรเพราะเค้าเป็นสัตว์ค่อนข้างขี้อาย ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็นสักเท่าไหร่ พวกเราก็เลยฟินกันไปก่อนกลับถึงแม้จะได้เห็นเค้าในระยะไกลหน่อยก็ตาม ปิดท้ายด้วนรูปน้องหมาตรงปั๊มน้ำมันละกันครับ ฮ่า ๆ เดินทางถึงที่พักมาปูโต โมซัมบิก ประมาณ 20.30 น. ทริปนี้เหนื่อยใช่เล่นแต่ก็รู้สึกโครตประทับใจ ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ เป็นการเปิดประสบการณ์ที่ดีเลยทีเดียว ขอบคุณที่เลื่อนมาจนถึงรูปสุดท้ายครับผม หวังว่าคงพอเป็นแนวทางสำหรับคนที่สนใจมาตะลุยบุกส่องสัตว์แอฟริกาไม่ได้มากก็น้อยนะครับ *สรุปค่าเข้าชมตกเฉลี่ยคนละประมาณ 1,200 บาท ไม่รวมค่าเดินทาง ราคาอาจดูสูงไปสักหน่อย แต่รับรองคุ้มค่าแน่นอนครับ คอนเฟิร์ม 😊 # บันทึกตะนุในต่างแดน