หลายๆคนอาจจะมีความฝันอยากไปเรียนต่อ ส่วนตัวก็เป็นอีกคนหนึ่งค่ะ แต่ที่จะเล่าต้องย้อนกลับไปที่ปี 2005 (2548) สมัยที่มี Hi5 My Space และ MSNนะคะใครๆจะไปเรียนต่อต่างประเทศคือใช้เอเจนซี่ในการเรียนต่อต่างประเทศกันแทบทั้งนั้น เพราะจะต้องติดต่อทุกๆหน่วยงานเองไม่ว่าจะจองตั๋วเครื่องบินสมัครเรียน สอบภาษาต่างประเทศ(ขึ้นกับประเทศที่เราจะไป)เพื่อสำหรับสมัครเรียน ขอวีซ่า หรือหาครอบครัวที่เราจะไปอยู่ด้วยชั่วคราว หากใครไม่อยากอยู่กับครอบครัวอุปถัมป์ ก็ต้องหาหอพัก หรือ อาพารท์เม้นต์เอง ใดๆคือยุ่งยากมากจ้าคือใดๆเนื่องจากความงก ทั้งที่ผู้จ่ายก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่เราคิดว่าเราทำงานสายเลขาฯมานานเตรียมเอกสารไม่อยาก (มโนเองเก่งเองจบ) ขอไล่เป็น Timeline แบบง่ายๆ เริ่มต้นจากนี้เลยจ้าเตรียมตัวเตรียมใจหาที่เรียนสำรวจที่ๆจะไปโจทย์ง่ายมากพ่อเลี้ยงเป็นชาวอเมริกัน(มันจะมีงานงอกจากตรงบิดาเลี้ยงเนี้ยแหละ) ดังนั้นง่ายมากค่ะ อเมริกาแน่นอน มาที่รัฐที่จะไปด้วยความมั่นใจเลือกเลย อยากเรียน Harvardคิดได้เนอะ สรุปโดนปัดตก เพรราะค่าเรียนต่อเทอมซื้อบ้านได้เลย มาเหลือที่ Oregon หรือ Alaska คิดไม่ยากเลยค่ะ Oregon เพราะไม่อยากติดหิมะ 8 แดด 4 เนอะ อีกอย่าง Oregon เป็นรัฐที่เป็นต้นกำเนิดของ Brand ดังอย่าง Nike และมีบริษัทดังๆมากมายเปิดด้วยไม่ว่าจะ Columbia Sportwear, Intel, Yahoo(ตอนนั้นยังไม่โดนยุบ) , The North Face, Texas Instrument รวมถึง Oregon Scientificพอตัดสินใจเลือกรัฐที่จะไปได้แล้วก็เลือกที่เรียน จะไปเรียนปริญญาโทเลยก็พื้นฐานคณิตศาสตร์ สถิติ บัญชี การเงินไม่มีค่ะ แถมไปเรียนรัฐที่บริหารเป็นวิทยาศาสตร์ Master of Science ค่ะ ชาวบ้านอย่างเรา คิดๆต้องเรียนพื้นฐานเลยค้นหา เจอเป้าหมายแล้ว คือ Portland Community College ใดๆอย่าลืม อยู่ในยุค2G นะคะ ลองส่ง e-mail ไปถาม กราบตัวเองที่เลืกเรียนเอกภาษาอังกฤษเลยมีความมั่นสอบตามรายละเอียด ซึ่งทางโน้นแนะนำช่วยเหลือดีมากค่ะ เริ่มจากส่งในสมัครผ่านออนไลน์ทั้งหมด เอกสารบางส่วน ส่ง FAX(สมัยนี้อาจจะไม่เห็นแล้ว) ใครสนใจ อ่านต่อขั้นตอนได้ https://www.pcc.edu/international-students/admissions/อ๋อลืมบอก เลือกเรียนการตลาด ตอนแรกกะว่าจะเรียนแค่ Marketing Certification แต่เรียนไปได้1เทอม คิดว่าเออ เรียน Associate Applied Science (ปวส หรืออนุปริญญา บ้านเรา) แต่เลือกวิชาที่เรียน เป็น E-commerce, E- retailing, Online Marketing ซึ่งตอนนั้น ยุค Dot com ยังไม่บูมเลย โดนเหยียดๆเล็กน้อยว่าเรียนทำไมแต่เราก็เฉยๆไปก่อนนั่นแหละใดๆสถานฑูตจะเตือนไว้เลยว่า “There is no guarantee you will be issued a visa. Do not make final travel plans or buy tickets until you have a visa.” ต่อให้เราได้ I-20มาสมัครวีซ่าแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะโบยบินได้ไปนะคะสิ่งที่ต้องกรอก คือ Form DS-160 เอกสารใดๆที่เรามีว่าเราไปเรียนการเงินไม่ขัดสน แต่ทางเรามีเพิ่มเติมเนื่องจากผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการเป็นชาวอเมริกันดังนั้นเอกสารจะมาท่วมท้น ต้องกรอก Affidavit of Support Form นั่นคือ I-134 Affidavit of Support Form ต้องส่งไปให้ธนาคารที่อเมริกาการันตีมาและพ่อเลี้ยงก็ต้องเซ็นต์ให้เขาตรวจสอบว่าไม่ค้ามนุษย์ใช่ไหมใดๆอีกมากมาย แนะนำนะคะ ใครมีญาติ บิดา-มารดาทำราชการซีสูงๆในไทยใช้การันตีจะดีมากค่ะ มีสิทธิ์ที่วีซ่าจะผ่านง่าย ไปวัดตอนสัมภาษณ์ แทน ผ่านขั้นตอนเอกสารคาดว่ายุค4G ค้นหาง่ายกว่าอดีตแหละมาถึงตอนไปยื่นยุคอดีตไม่มีค่ะนัดออนไลน์ไฮเทค ไปค่ะเข้าแถวตี4-5รอสถานฑูตเปิด 10โมงปิดรับคิวใครไม่ทันรอวันถัดไป เจ้าหน้าที่ตรวจๆ ดึงอะไรที่ไม่ใช้ออก ได้บัตรคิวนับจากวันยื่น1 อาทิตย์ แต่เขาถามจะว่ามาสัมภาษณ์ไทยหรืออังกฤษ ตอบไปอย่างมั่นใจค่ะ ภาษาอังกฤษ ก็จะไปเรียนบ้านเขานิเนอะ ถึงวันสัมภาษณ์เอาจริงๆนะคะ เขาสัมภาษณ์ง่ายมาก ไปเรียนทำไม คนที่ส่งเรียนเป็นใคร คิดว่าจะเรียนกี่ปี ทำไมเลือกที่รัฐนี้ (คนไทยส่วนใหญ่ไป แคลิฟอร์เนียไง) แล้วจบกลับบ้านในเวบไซต์บอกรอ 1เดือน ฉันผู้ไม่รอ2อาทิตย์โทรไปสถานฑูตถาม เขาบอกวีซ่าผ่านจ้า มารับได้นัดวันเลย ไปรับวีซ่าตามด้วยไปจ่ายเงินค่าตั๋วที่จองไว้ออกตั๋วเลย ด้วยความรวดเร็วก่อนสิ่งอื่นใดสถานฑูตจะเตือนไว้เลยว่า “There is no guarantee you will be issued a visa. Do not make final travel plans or buy tickets until you have a visa.” ต่อให้เราได้ I-20มาสมัครวีซ่าแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะโบยบินได้ไปนะคะ เราต้องกรอกสิ่งแร คือ Form DS-160 แต่ทางเราต้องแสดงให้ทางสถานฑูตรู้ว่าเราไปเรียนจริงๆไม่คิดโดดดึ๋ง และ การเงินไม่ขัดสน ส่วนตัวต้องเพิ่มเอกสารเพราะเนื่องจากผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการเป็นชาวอเมริกันดังนั้นเอกสารจะมาท่วมท้น ต้องกรอก Affidavit of Support Form นั่นคือ I-134 Affidavit of Support Form ต้องส่งไปให้ธนาคารที่อเมริกาการันตีมาและพ่อเลี้ยงก็ต้องเซ็นต์ให้เขาตรวจสอบว่าไม่ค้ามนุษย์ใช่ไหมใดๆอีกมากมาย แนะนำนะคะ ใครมีญาติ บิดา-มารดาทำราชการซีสูงๆในไทยใช้การันตีจะดีมากค่ะ มีสิทธิ์ที่วีซ่าจะผ่านง่าย ไปวัดตอนสัมภาษณ์ แทน ผ่านขั้นตอนเอกสารคาดว่ายุค5G ค้นหาง่ายกว่าอดีตแหละ มาถึงตอนไปยื่นยุคอดีตไม่มีค่ะนัดออนไลน์ไฮเทค ไปค่ะเข้าแถวตี 4-5รอสถานฑูตเปิด 10โมงปิดรับคิวใครไม่ทันรอวันถัดไป ที่สถานฑูตนั่นเจ้าหน้าที่ตรวจๆ ดึงอะไรที่ไม่ใช้ออก ได้บัตรคิวนับจากวันยื่น1 อาทิตย์ แต่เขาถามจะว่ามาสัมภาษณ์ไทยหรืออังกฤษ ตอบไปอย่างมั่นใจค่ะ ภาษาอังกฤษ ก็จะไปเรียนบ้านเขานิเนอะ ถึงวันสัมภาษณ์เอาจริงๆนะคะ เขาสัมภาษณ์ง่ายมาก ไปเรียนทำไม คนที่ส่งเรียนเป็นใคร คิดว่าจะเรียนกี่ปี ทำไมเลือกที่รัฐนี้ (คนไทยส่วนใหญ่ไป แคลิฟอร์เนียไง) แล้วจบกลับบ้าน ในเวบไซต์บอกรอ 1เดือน ฉันผู้ไม่รอ2อาทิตย์โทรไปสถานฑูตถาม เขาบอกวีซ่าผ่านจ้า มารับได้นัดวันเลย ไปรับวีซ่าตามด้วยไปจ่ายเงินค่าตั๋วที่จองไว้ออกตั๋วเลย ด้วยความรวดเร็ว ขั้นตอนหาที่ซุกหัวนอนจะไปอยู่ที่โน้นนอกจากที่เรียนแล้ววีซ่าผ่านแล้ว ที่ซุกหัวนอนลงหลักปักฐานก็สำคัญค่ะ เราผู้ไปอย่างโดดเดี่ยว หอมสำภาระทุกอย่างบินตรงจาก อุดรธานี เดินแดนทางเหนือ (ขอนแก่น) ก็ต้องแสวงหาที่อยู่เอง ไปครั้งแรกจะเก่งกล้านอนอาพารท์เม้นต์เลยไม่ ไม่สิเราต้องมีที่พึ่งพาเช่นหาเราไปเที่ยวได้ใช่ค่ะ หา Family ทางวิทยาลัยมีแนะนำไว้เลย กดหาหน้า International Student แล้วไปที่ Resourcesเขาจะมีข้อมูลให้เรารู้อีกมากมาย ไม่ว่าจะประกันสุขภาพ, หางาน,แบบฟอร์มต่างๆที่ต้องใช้ รวมไปถึงหาที่อยู่จ้า เลือก Locations ได้ตาม Campus ที่เราเรียน ส่วนตัวเลือก Rock Creek Campus เพราะอะไรเหรอ ไม่ดูในเมืองเกินไปและใกล้ Nike Headquarters จ้า คือใฝ่ฝันจะได้เข้าไปทำงานเนอะ แต่เรื่องจริงเป็นยังไง รอดูค่ะร่ายมายามเราเลือกพักกับ Homestay ซึ่งคิดไม่ผิดเลยที่เลือกแบบนี้ เพราะครวบครัวที่เราไปอยู่ ปัจจุบันนี้ผ่านมาหลายสิบปีเราก็ยังติดต่อกันตลอดเวลา และการอยู่กับครอบครัวเป็นข้อดีคือเราฝึกภาษาได้เร็วขึ้นแถมไม่เหงาอีกด้วยกิจกรรมกับครอบครัวมีอยู่ตลอด แต่ถ้าใครเจอครอบครัวที่ไม่โอเค หรือแปลกๆรายงานผู้ดูแลเขาจะเปลี่ยนครอบครัวให้ค่ะไม่ต้องทนนะคะวันที่เราเดินทางมาถึงครอบครัวก็มารับเราที่สนามบิน สบายมากค่ะ แต่เราคือมนุษย์ที่ไม่มีอาการ Jet lack เลยตื่นมาทำ Cupcakes ช่วยเขาเราที่บ้านจัด Garage Sale (เอาของที่เราไม่ใช้แล้วมาขายจ้า) คงตั้งคำถามทำไมไม่อยู่อาพาร์ทเม้นต์ล่ะ อย่างแรกคือเราไม่รู้จักถนหนทาง แถมมาคนเดียวอีก ย้อนกลับไปเกือบ20ปี การเดินทางคนเดียวก็แปลกสำหรับหลายคนเพราะบางคนพ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้า น้าอามาส่งยันเมืองที่มาเรียนด้วยซ้ำ เพื่อความสบายใจและรวดเร็วในการทำตัวให้ชินกับเจ้าของภาษาและ การเรียนรู้อยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์คือทางออกที่ดี แต่เทียบกับยุค5G เอาที่เราสะดวกค่ะ ขอจบ EP1 ไว้ตรงที่ได้ที่ซุกหัวนอนก่อนนะคะ EP.2 จะมาเล่าถึงการเดินทาง การเรียน หางานทำ จนถึงฝึกงาน และอะไรสนุกๆมากมายตลอดเวลาที่อยู่ โอเรกอน ให้ทุกคนลองอ่าน หรือใครสนใจไปเรียนต่อสอบถามมาได้นะคะhttps://intrend.trueid.net/post/333255 รูปภาพทั้งหมดโดยครีเอเตอร์เอง