ช่วงรอยต่อระหว่างฤดูหนาวไปจนถึงปลายฤดูร้อน เป็นสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงการเกิดไฟป่าสูงมากในประเทศไทย เนื่องจากฤดูหนาวทำให้ใบไม้แห้งกรอบ ผลัดใบร่วงตาย สภาพผิวดินแห้งแล้ง และมีลมพัดแรง ไฟป่าเกิดได้จากทั้งวิถีทางธรรมชาติ อย่างเช่น ฟ้าผ่า กิ่งไม้เสียดสีกันจนเกิดลุกไหม้จากการสันดาป แสงแดดตกกระทบจนทำให้เกิดความร้อน และเกิดได้จากน้ำมือของมนุษย์ ที่เผาจุดไฟเพื่อทำไร่ กำจัดวัชพืช ล่าสัตว์ หรือเข้าไปหาของป่า เก็บเห็ด หาน้ำผึ้ง หาไข่มดแดง ไฟป่าเป็นตัวการทำลายธรรมชาติอย่างรุนแรง นอกจากส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์แล้ว ยังเป็นตัวการทำให้เกิดหมอกควัน ส่งผลถึงมลภาวะทางอากาศ และทัศนวิสัยที่เลวร้ายหากเกิดหมอกควันปกคลุม การป้องกันการเกิดไฟป่า จะช่วยในการอนุรักษ์ป่าไม้ให้มีความยั่งยืน และการควบคุมเฝ้าระวังไฟป่าทางหน่วยงานของรัฐอาจมีเจ้าหน้าที่เข้าไปไม่เพียงพอ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ร่วมกันเป็นอาสาสมัครสนับสนุนงานของเจ้าหน้าที่ด้วย ทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและหน่วยงานควบคุมไฟป่า ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงได้ร่วมมือกันจัดอบรมให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องไฟป่าให้กับประชาชนในทุก ๆ ปี ขอบคุณภาพประกอบจาก pxhere สาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดไฟป่าในประเทศไทยนั้น จากการเก็บสถิติโดยรวมแล้วพบว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ถึงร้อยละ 80 ความเสี่ยงและผลกระทบจากไฟป่านั้นเกิดขึ้นทุกปี หากเกิดแล้วก็ควบคุมได้ลำบาก และมีโอกาสลุกลามทำความเสียหายเป็นวงกว้างได้ง่าย สิ่งหนึ่งที่ประชาชนทุกคนทำได้ในเบื้องต้นก็คือ การรู้วิธีปฏิบัติและป้องกันไฟป่าอย่างปลอดภัยด้วยการ เพิ่มความระมัดระวังในการจุดไฟ ตามปกติรัฐมีมาตรการควบคุมการเผาในช่วงหน้าแล้งอยู่แล้ว แต่ก็ทำได้ไม่ทั่วถึง หากคนในสังคม ในชุมชน ไม่ร่วมมือกันดูแลเป็นหูเป็นตา การก่อกองไฟเพื่อหุงหาอาหาร การทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นหญ้าเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ดูให้แน่ใจว่าไฟดับสนิทแล้ว เพราะใบไม้แห้งกรอบและมีลมพัดกระพือให้ลุกลามได้ หยุดเผาขยะ หรือเศษพืชไร่ อาจจะเกิดจากทั้งความตั้งใจลักลอบเผา และประมาทเลินเล่อ จนทำให้เกิดลุกลามเกินควบคุม ปกติการเผาในหน้าแล้งไม่สามารถทำได้ในบางพื้นที่ และการจุดไฟเผาในแต่ละครั้งต้องมีความพร้อม ทั้งคนคอยดูแลหรือจัดเตรียมอุปกรณ์ดับไฟ อย่างเช่น ถังบรรจุน้ำ หรือทราย ขอบคุณภาพประกอบจาก pxhere นอกจากไม่ประมาทแล้วนั้น การป้องกันก็จะช่วยไม่ให้เกิดไฟป่าได้ ด้วยการ ดูแลพื้นที่ชายป่า ดูแลเก็บกวาดใบไม้ กิ่งไม้ หรือพวกหญ้าแห้งต่าง ๆ เพราะหากเกิดการลุกไหม้สิ่งเหล่านี้ก็จะกลายเป็นชนวนเชื้อเพลิงดี ๆ นี่เอง นอกจากดูแลพื้นที่ติดชายป่าให้โล่งเตียนแล้วนั้น การช่วยกันทำแนวกันไฟ เพื่อสกัดไฟลุกลามต่อเนื่อง ก็เป็นเรื่องจำเป็น ปกติชุมชนต่าง ๆ ที่อยู่ร่วมกับผืนป่า ก็จะมีอาสาสมัครคนในพื้นที่ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทำแนวกันไฟกันทุกปีอยู่แล้ว การถางร่องดิน การขุดหลุมฝังกลบ ถากไม้ที่ล้มหักกองสุม จะช่วยป้องกันการเกิดไฟป่าในวงกว้างได้ ขอบคุณภาพประกอบจาก pxhere การให้ความรู้เกี่ยวกับไฟป่าและผลกระทบ ยังคงต้องทำกันอย่างต่อเนื่อง การดูแลเรื่องการทำไร่เลื่อนลอย หรือลักลอบเผาป่า ยังทำได้ไม่ทั่วถึง ต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดจากไฟป่า สร้างความตื่นตัวที่จะช่วยกันเป็นหูเป็นตาและสอดส่องดูแล สร้างสำนึกรักป่า รักสิ่งแวดล้อม คำรณรงค์ที่ว่า “เมื่อไฟมา ป่าก็หมด” เป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่แค่ป่าหมดเท่านั้น สัตว์ก็ตาย ธรรมชาติก็เสียหายจนยากจะฟื้นฟู แหล่งน้ำก็จะแห้งแล้ง และเมื่อเกิดสิ่งเหล่านั้นผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ ก็หนีไม่พ้นมนุษย์ เพราะทุกอย่างเชื่อมร้อยกันเป็นวัฏจักรชีวิต หากเราไม่ดูแลธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะไม่ดูแลเราเช่นกัน ขอบคุณภาพปกจาก pxhere