อื่นๆ

คุณนายราตรี

คุณนายราตรี

   ภาพประกอบของผู้เขียน

               ผู้หญิงคนนั้นมักปรากฏกายหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน เธอสวย แต่งตัวดี ทุกคนจึงเรียกเธอว่าคุณนายราตรี เมื่อมีคนพึงใจแอบตามเธอไปที่บ้านจึงรู้ความจริงว่าเธอคือใคร

                 บางกอก เมื่อ 70 ปีที่แล้ว ยังมีความเป็นชนบทอยู่มาก โดยเฉพาะรอบนอก หลังพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนจะดับไฟแล้วพากันเข้านอน นอกจากมีงานวัด ชาวบ้านจะพากันแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าใหม่แล้วออกมาเที่ยวอย่างสนุกสนาน

                งานวัดแห่งหนึ่งจัดกัน 7 วันเจ็ดคืน มีมหรสพหลายอย่าง พ่อค้าแม่ค้าต่างพากันตั้งร้านขายของกิน ของใช้ ตามแต่ว่าใครมีอะไรมาจำหน่าย

               หนุ่ม ๆ แต่งตัวโก้พากันจับกลุ่มคอยมองสาวสวยที่เดินผ่าน บางครั้งก็แซวจนสาวเจ้าอาย รีบเร่งฝีเท้าออกไปหรือบางคนมากับเพื่อนจึงกล้าต่อปากต่อคำกับบรรดาชายหนุ่ม หากว่าถูกตาต้องใจ ผู้ชายก็จะเลี้ยงขนมและตามไปส่งถึงบ้าน

Advertisement

Advertisement

               ทุกๆ คืน บรรดาพ่อค้าแม่ค้า พากันเฝ้ารอการมาของสตรีนางหนึ่ง เธอสวย รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว แต่งตัวดี ใครทักก็จะโปรยยิ้มหวาน ๆ ให้

ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใคร แต่เธอมาในยามค่ำคืนอย่างนี้ พวกเขาจึงเรียกเธอว่า คุณนายราตรี

               ความสวยและดูดีของเธอถูกตาต้องใจอัศวิน ชายหนุ่มรูปงาม ฐานะดี เขาเป็นลูกชายเจ้าของร้านขายผ้าไหม ร้านอยู่ใกล้วัด ทุกครั้งที่คุณนายราตรีมา เธอจะเดินผ่านหน้าร้าน

               กลิ่นน้ำอบ น้ำปรุงหอมฟุ้ง คือสัญลักษณ์ว่าราตรีมาแล้ว อัศวินจะกระวีกระวาดออกจากร้านแล้วเดินตามเธอไป

               ราตรีจะเลือกซื้อของกินใส่ตะกร้าหวาย และจ่ายเงินอย่างไม่เสียดาย บ่งบอกว่าเป็นคนมีฐานะ  อัศวินรู้ว่าเธอมาคนเดียวจึงเข้าใจว่าเธอไม่มีคู่ ทั้งที่อายุก็ประมาณ 30 ปี ซึ่งพอ ๆ กับเขา

               อัศวินหลงรักราตรี อยากจะสานความสัมพันธ์ เขาคิดว่าถ้าคืนนี้เธอมา เขาจะตามเธอไปที่บ้าน ดูให้รู้แน่ชัดว่าเป็นลูกสาวบ้านไหน

Advertisement

Advertisement

ทางกลางป่า   ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Pixabay

              น้ำอบ น้ำปรุงส่งกลิ่นฟุ้งมาอีกแล้ว อัศวินสูดกลิ่นหอมเข้าปอดอย่างเต็ม ๆ เมื่อเห็นร่างอรชรสวมชุดสวยงามเดินผ่านหน้าร้าน ใจเขาเต้นแรงอย่างมีความสุข จึงเดินตามราตรีไม่ให้คลาดสายตา เขาเห็นเธอจ่ายเงินซื้อของหลายอย่าง

               เธอไม่ดูการละเล่นใด ๆ เมื่อซื้อของเสร็จก็เรียกรถเจ๊ก (รถลาก) แล้วขึ้นไปนั่ง อัศวินจึงเดินตามไปเรื่อย ๆ เห็นว่าทางไปบ้านเธอนั้นออกห่างจากพระนคร ไปยังด้านนอกซึ่งสองทางเต็มไปด้วยป่ารก บรรยากาศยามค่ำคืนน่ากลัว เสียงหมาหอนเป็นระยะ เขาแปลกใจที่เจ๊กลากรถไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด

               เมื่อรถเจ๊กจอด ราตรีส่งเงินให้ อัศวินหลบเข้าหลังต้นไม้ และรถเจ๊กผ่านไปแล้ว เขามองร่างงามที่เดินไปตามทางเล็ก ๆ ซึ่งแยกออกจากถนนใหญ่

               อัศวินกำลังก้าวตามไป พลัน! สะดุ้งกับเสียงนกฮูกที่เกาะกิ่งไม้ มันร้องน่ากลัวมาก จนขนเขาลุกซู่

Advertisement

Advertisement

               แต่ไม่มีอะไรหยุดยั้งความตั้งใจของเขาได้ อัศวินเดินตามราตรี เหมือนเธอรู้ตัวจึงหันกลับมา ส่งยิ้มให้

               คุณพระช่วย!

               อัศวินแข็งไปทั้งตัว เมื่อเห็นใบหน้าราตรีเขียวและเรืองแสง เธอก้าวเข้ามาหาเขาอย่างช้า ๆ ผิวเธอเริ่มเปื่อยยุ่ยและหลุดร่วงออกทีละชิ้น

               และแล้วเธอกระโจนเข้าหาอย่างรวดเร็ว อัศวินรู้วว่าอยู่ไม่ได้แล้ว เขาหันหลังกลับแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เสียงหัวเราะดัง ๆ ตามมา น่ากลัวเสียจนสติแทบแตก และเขาสะดุดขาตัวเองล้มลง ทว่าราตรีกระโดดตัวลอยคร่อมร่างเขาไว้ ใบหน้าเน่า ๆ ก้มลงมาใกล้ ๆ ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง

               อัศวินร้องสุดเสียงและสติดับวูบไป

               เขาฟื้นขึ้นมาเมื่อตะวันส่อง เขามองไปรอบ ๆ ตัวที่เต็มไปด้วยป่า เขาลุกขึ้นแล้วกลับไปที่ร้าน  พ่อแม่พากันเข้ามาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

อัศวินเล่าให้ทุกคนฟังว่าถูกผีหลอกและบอกว่าผู้หญิงสวยๆ ท่าทางเป็นผู้ดีคนนั้นคือผี แม่เขาจึงบอกว่า ได้ยินพวกพ่อค้าแม่ค้าบ่นว่า มีใบไม้ปนอยู่กับเงิน

               อัศวินรู้ว่าราตรีคงเอาใบไม้ซื้อของ กลางคืนทุกคนจะเห็นเป็นเงิน แต่พอกลางวันกลับกลายเป็นใบไม้

               จากเหตุการณ์ครั้งนั้น อัศวินกลัวกลิ่นน้ำอบ น้ำปรุง ได้กลิ่นแล้วหลอนจนต้องหนีห่างไปไกล ๆ

               เรื่อง : จรรยา เลิศพงษ์ไทย