ทางออกหนี้ "บัตรเครดิต"

ในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่ามีผู้คนมากมายที่ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย เนื่องจากมีวัตถุสิ่งของต่าง ๆ ที่ล่อตาล่อใจ อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋า รองเท้า นาฬิกาและอื่น ๆ โดยในวันนี้ผมก็จะมาเล่าประสบการณ์ของตัวผมเอง กับการเป็นหนี้บัตรเครดิต จนแทบจะไม่มีเงินจ่าย เริ่มจากตอนที่ตัวผมเองเรียนจบมาใหม่ ๆ ก็ได้เข้าทำงานกับบริษัทแห่งนึง มีเงินเดือนหลักหมื่นต้น ๆ ในตอนนั้นผมต้องเช่าห้องพักอยู่ด้วย ทำให้หักค่าใช้จ่ายแล้วก็คงเหลือใช้เพียงไม่กี่บาท เวลาผมอยากได้อะไรก็ต้องเก็บเงินซื้อ ซึ่งกว่าจะซื้อได้ก็ต้องใช้เวลา วันนึงผมได้คุยกับรุ่นพี่ในบริษัท รุ่นพี่ได้แนะนำให้ทำบัตรเครดิต โดยบอกกับผมว่า เมื่อเรามีบัตรเครดิตแล้ว เวลาจะซื้ออะไรก็สามารถซื้อได้เลย แล้วเราก็ค่อยเอามาจ่ายคืนทีหลัง

หลังจากวันนั้นผมก็เลยลองสมัครบัตรเครดิต โดยมีรุ่นพี่คนนี้แนะนำ ผมได้บัตรเครดิตใบแรก วงเงินบัตร 1 หมื่นบาท ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจที่มีบัตรเครดิตกับเค้าแล้ว คราวนี้เมื่อผมเจอของอะไรที่อยากได้ ผมก็ไม่ต้องมานั่งเก็บเงินแล้ว แค่ใช้บัตรรูดซื้อไปก่อนแล้วก็ค่อยมาจ่ายคืนทีหลัง

ที่มาภาพ https://www.freepik.com/free-photo/credit-card

ในแต่ละเดือนที่ผมต้องจ่าย ผมใช้วิธีการหมุนเงิน โดยการที่เมื่อจ่ายบัตรใบนี้แล้ว จ่ายเสร็จผมก็จะกดเงินจากบัตรมาจ่ายอีกใบ หมุนไปหมุนมา แต่ก็เรียกว่าไม่มีเงินเหลือเลย ในแต่ละเดือนต้องกินอย่างประหยัด ซื้ออะไรก็ไม่ได้แล้ว ผมใช้ชีวิตแบบนี้ไปสักพัก จนวันนึงผมรู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว คงต้องหาวิธีที่จะจ่ายหนี้พวกนี้ให้ลดลงไปบ้าง

เริ่มจากผมเริ่มมองสิ่งของรอบ ๆ ตัวก่อน อะไรที่ก่อนหน้านี้เคยซื้อมาแล้วพอจะมีราคา ผมก็เอาไปขายเพื่อหาเงินไปจ่าย แต่ขายจนไม่มีอะไรจะขายแล้ว หนี้ก็ยังเหลือเยอะอยู่ และผมคิดว่าคงต้องหารายได้เพิ่มไม่อย่างนั้นคงอยู่ไม่ได้ ด้วยการที่ทำงานเข้าเช้าเลิกเย็น การจะหางานทำก็คงยากแล้วผมนั่งคิดอยู่หลายวันว่าจะทำงานอะไรดี และผมก็คิดขึ้นได้ว่าผมมีรถหนิ ผมจึงใช้รถเพื่อหาเงิน โดยผมไปสมัครเป็นคนขับแกรป เมื่อเลิกงานผมก็จะใช้เวลาตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงประมาณ 5 ทุ่ม เพื่อขับแกรปหาเงิน จนผมเริ่มมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

คราวนี้ผมก็มาเริ่มจัดการบริหารการจ่ายเงิน เริ่มแรกผมจะจ่ายเงินทุกบัตร แล้วกดเงินออกจากบัตร แต่จะเหลือ 1 ใบที่ผมจะไม่กดเงินออก ผมจ่ายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนบัตรใบแรกจ่ายหนี้จนหมด ผมก็เริ่มทำแบบเดิมกับบัตรใบที่ 2 โดยจ่ายทุกบัตรแล้วกดเงินออก แต่จะเหลือ 1 ใบที่ไม่กด ทำแบบนี้จนปลดหนี้ไปได้ทีละใบ 

ที่มาภาพ https://www.freepik.com/free-photo/cropped-image-person-paying-with-credit

แล้วก็ถึงวันที่ผมหมดหนี้ ผมใช้เวลาหลายปีกว่าจะปลดหนี้ทั้งหมดได้ ผมจึงไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีก ผมเลยปิดบัตรเครดิตไปเกือบหมด เหลือไว้ใช้ยามฉุกเฉินแค่ใบเดียวเท่านั้น หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าเพราะผมมีเงินเดือนตั้ง 25,000 บาท แถมมีรถด้วย ก็เลยมีทางออกปลดหนี้ได้ ความจริงแล้ว ผมแค่อยากจะบอกว่า ไม่ว่าเราจะมีมากหรือมีน้อย มันก็ต้องมีทางออกในการปลดหนี้เสมอ อยู่ที่ว่าจะปลดหนี้ได้เร็วหรือช้าเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าเราไม่พยายามจะปลดหนี้มันก็คงจะไม่มีทางปลดหนี้ได้

แต่ก็ใช่ว่าบัตรเครดิตจะไม่มีข้อดีเลย เพราะถ้าเราใช้อย่างถูกต้องถูกวิธีมันก็มีประโยชน์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อยามฉุกเฉินที่เราต้องใช้จริง ๆ แล้วไม่มีเงินสด หรืออาจจะเป็นการซื้อแล้วได้ส่วนลด ทำให้ซื้อได้ถูกกว่าใช้เงินสดและไหนจะได้คะแนนเพื่อแลกของรางวัลได้อีก

สุดท้ายนี้ผมอยากจะให้กำลังใจสำหรับใครที่ยังเป็นหนี้บัตรเครดิต ผมอยากให้คุณค่อย ๆ คิดทุกอย่างมันมีทางออกของมันเสมอ และผมอยากขอเตือนสำหรับคนที่กำลังอยากมีบัตรเครดิต หรือกำลังทำบัตรเครดิตว่า คุณต้องมีวินัยและต้องคอยเตือนสติของตัวเองอยู่เสมอ เพราะการใช้บัตรเครดิตมันก็เหมือนการดึงเงินจากอนาคตมาใช้ การสร้างหนี้มันง่าย แต่การที่จะปลดหนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นขอให้ทุกคนใช้เงินอย่างมีสติ

ที่มาภาพปก https://www.freepik.com/free-photo/credit-card-payment