อื่นๆ
ผีต่อเพลง
ผีต่อเพลง
ที่บ้านของฉันเป็นสวนดอกจำปี ซึ่งพ่อปลูกมาเป็น 10 ปีแล้ว ดอกจำปีหอมกรุ่นยามค่ำคืน เป็นสิ่งที่ฉันชอบมากๆ ดูน่าจะเป็นการทำสวนที่มีความสุข
แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ชอบเอาซะเลยในการทำอาชีพนี้ นั่นก็คือ การออกไปเก็บดอกจำปีทุกวันในเวลากลางคืน หากใครไม่รู้คงสงสัยว่าทำไมต้องออกไปเก็บกลางค่ำกลางคืน นั่นก็เพราะดอกจำปีจะบานตอนกลางคืน เช่นเดียวกับดอกมะลิ ที่ต้องออกไปเก็บตอนกลางคืนเหมือนกัน
(รูปสวนจำปีที่เกิดเหตุจริง)
ตอนเด็ก หลังจากกลับจากโรงเรียนและทำการบ้านเรียบร้อยแล้ว ฉันก็มีหน้าที่ต้องไปช่วยพ่อกับแม่เก็บจำปีในสวนด้วย โดยเฉพาะวันที่จำปีขึ้น (หมายถึงจำปีออกดอกมาก) แต่ถ้าวันไหนดอกน้อย พ่อกับแม่ก็จะไปเก็บกันสองคน
เวลาออกไปเก็บจำปีในสวน เราจะมีไฟฉายคาดหัวคนละอัน ตะกร้ายสะพายไหล่คนละใบ ไม้ตะขอขนาดเหมาะมือ ไว้เกี่ยวกิ่งจำปีที่อยู่สูง และรองเท้าบูทสำหรับป้องกันสัตว์มีพิษต่างๆ เราจะออกไปเก็บเวลาประมาณ ทุ่มครึ่ง เก็บเสร็จก็เกือบสี่ทุ่ม แล้วก็มานั่งนับดอก ถุงละ 100 ดอก แช่น้ำแข็งเอาไว้ พอประมาณตี1-ตี2 แม่ก็จะไปตลาด เพื่อเอาไปขาย
Advertisement
Advertisement
แล้วไอ้การไปเก็บจำปีตอนกลางคืนนี่เอง มันก็ทำให้ฉันเจอกับเรื่องน่าขนลุกอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกสัตว์ร้ายอย่างงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ที่ชอบมานอนพาดร่างอยู่บนกิ่งจำปี ถึงแม้พ่อจะเคยสอนว่า งูที่นอนบนกิ่งไม้จะไม่ใช่งูพิษ ให้ระวังงูที่นอนในดงหญ้าก็เถอะ แต่ขึ้นชื่อว่างู มันก็น่ากลัวทั้งนั้น เห็นทีไรก็อยากจะร้องไห้กลับบ้านทุกที
ถัดจากเรื่องงู ก็ไม่พ้นเรื่องผีล่ะสิ ก็เวลาแบบนี้ เราควรจะนอนตีพุงอยู่บ้าน แต่ฉันต้องออกมาสวน มาเก็บดอกจำปีซะอย่างนั้น ยิ่งช่วงไหนได้ข่าวว่ามีคนตายในหมู่บ้านด้วยแล้วล่ะก็ เก็บจำปีไปก็ผวาไป กันเลยทีเดียว
มีอยู่วันหนึ่ง ได้ข่าวว่าคนในหมู่บ้านเสียชีวิต ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล แต่เป็นเจ้าของสวนจำปีติดกับสวนของบ้านฉันนี่เอง แล้วก็มีเหตุบังเอิญที่วันนั้น แม่เกิดไม่สบาย ท้องเสีย พ่อเลยบอกให้ฉันไปเก็บจำปีกับพ่อแค่สองคน
Advertisement
Advertisement
พอไปถึงสวนจำปี ปกติแล้วฉันจะเก็บในร่องเดียวกับแม่ เดินคู่กันไปคนละฝั่ง ส่วนพ่อจะเก็บอีกร่องสวนนึง วันนี้แม่ไม่มา พ่อเลยถามฉันว่า
“เก็บคนละร่องกับพ่อเลยได้มั้ย จะได้เสร็จเร็วๆ”
“กะ... ก็ ได้ มั้ง พ่อ”
จริงๆ แล้วฉันก็กลัว แต่ก็แข็งใจบอกพ่อไป เพราะถ้าเก็บด้วยกันกว่าจะเสร็จก็คงดึก ต่างคนต่างเก็บไปเลยคนละร่องเดี๋ยวก็คงจะเสร็จ
ระหว่างที่ฉันเก็บดอกจำปีอยู่อีกร่องสวนนึงกับพ่อ ซึ่งมีร่องน้ำกั้นกลาง ฉันก็พยายามสอดส่องสายตามองพ่อตลอด ว่าพ่อเก็บถึงไหนแล้ว เพื่อที่จะเดินเก็บตามให้ทัน ฉันพยายามชวนพ่อคุย แต่พ่อไม่ค่อยคุยด้วย เพราะว่าเวลาเก็บจำปี พ่อจะนับดอกไปด้วย พ่อก็สอนฉันให้ทำแบบนั้น ใจจะได้ไม่วอกแวกไปคิดเรื่องอื่น แต่ฉันก็ทำไม่ค่อยได้ นับๆ ไปแล้วก็ลืมทุกที
ฉันมัวแต่คิดนู่น คิดนี่ เผลอแป๊บเดียวพ่อก็เดินห่างออกไปไกลแล้ว ฉันก็พยายามจะรีบเก็บดอกไม้ เพื่อตามให้ทัน แต่จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเดินสวบๆ เข้ามาใกล้ๆ มันเหมือนเป็นเสียงเดินของคนที่เก็บจำปีอยู่ในสวดติดกับฉัน ซึ่งฉันก็จะได้ยินอยู่เป็นประจำนั่นแหละ แต่ว่าคนๆ นั้น เขาเสียชีวิตไปแล้ว ศพกำลังตั้งสวดอยู่ที่วัด
Advertisement
Advertisement
นึกขึ้นได้ดังนั้น ฉันก็ไม่กล้าหันกลับไปมอง ได้แต่คิดในแง่ดีว่า ญาติพี่น้องเขาคงจ้างคนมาเก็บแทนกระมัง คงกลัวจะเสียรายได้ ขณะที่กำลังใจตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่นั่นเอง ฉันก็พยายามหาวิธีที่ทำให้ตัวเองไม่กลัว แล้ววิธีที่ฉันนึกได้ก็คือ ส่งเสียงร้องเพลง
“ตั้งแต่เป็นสาวเต็มกาย... หาผู้ชายถูกใจไม่มี...” ฉันเริ่มครวญเพลงผู้ชายในฝัน แล้วก็ร้องต่อไปเรื่อยๆ
.....เมื่อคืนฝันดีน่าตบ ฝันๆ ว่าพบ ผู้ชายยอดดี... พาไปเที่ยวดูหนัง.... พาไปนั่งจู๋จี๋... แล้วพาไปเที่ยวชมสวน เด็ดดอกลำดวนส่งให้ด้วยซี... เสียบหูให้ตั้งหลายหน เสียบหล่นๆ ตั้ง 5-6 ที.... ต๊กใจตื่นมาซะนี่.....
พอร้องถึงตรงนี้ฉันก็หยุดพักหายใจ
“แหม! เสียดายจัง...”
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงผู้หญิง เสียงเล็กๆ แหลมๆ ร้องต่อกลับมา
ไม่ ฉันคงหูฝาดไปแน่ๆ ฉันคิด และบอกกับตัวเอง แล้วแทนที่จะเลิกร้อง ฉันกลับเปลี่ยนเพลงใหม่ เหมือนต้องการพิสูจน์
“ความรัก ความรักเจ้าขา...จู่ๆ ก็มาไม่ทันตั้งตัว” ฉันร้องแค่นี้แล้วก็หยุด
“เพียงพบหน้าตาสบตา ทำไมรักมาเข้าตามืดมัว”
มีเสียงร้องตอบกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ใกล้เหมือนอยู่ข้างๆ หู ฉันมั่นใจแล้วว่าไม่ใช่เสียงใครแน่ๆ นอกเสียจาก....
“พ่อ...ช่วยด้วย ผีหลอก ผีป้าแย้มหลอกหนู ฮือๆๆๆๆ”
ฉันตะโกนแหกปากเรียกพ่อพร้อมวิ่งไม่คิดชีวิตด้วยความกลัวสุดขีด ก็เสียงนั้นใครก็จำได้แม่นว่าเป็นเสียงป้าแย้มเจ้าของสวนข้างที่เพิ่งตายไป เวลาแกมาเก็บจำปี แกเป็นคนชอบร้องเพลง เสียงแกเพราะ เวลามาเก็บจำปี บางทีแกก็ร้องเพลงลั่นสวนด้วยความอารมณ์ดี
“เป็นอะไร วิ่งหนีอะไรมาหน้าตาตื่น”
“เมื่อกี้หนูร้องเพลงอยู่ เสียงป้าแย้มแกร้องตอบหนู หนูไม่เก็บแล้วพ่อ เสร็จรึยัง กลับบ้านกันเถอะ”
“เอ้าๆ กลับก็กลับ ไม่ต้องร้องแล้ว”
เป็นอันว่าวันนั้นฉันกับพ่อเก็บจำปีไม่เสร็จ พากันกลับบ้านเดี๋ยวนั้นเลย เพราะพ่อเองก็บอกว่ารู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน
“ก็น่าจะรู้ว่าป้าแย้มเขาชอบร้องเพลง เห็นลูกร้องเพลงแกก็นึกสนุกด้วยน่ะสิ” พ่อพูดหลังจากกลับถึงบ้าน
สำหรับคนอื่นอาจจะฟังแล้วเป็นเรื่องตลก แต่สำหรับฉัน มันเป็นเรื่อสยองที่สุดในชีวิตเลย หลังจากวันนั้น ฉันไม่ยอมไปช่วยพ่อเก็บจำปีอีกนานเลย จนกว่าข่าวเรื่องการตายของป้าแย้มจะซาลง
และถึงแม้ฉันจะกล้าไปเก็บจำปีแล้ว ฉันก็ไม่มีวันกล้าร้องเพลงในสวนจำปีอีกเป็นอันขาด ไม่อยากให้มีใครมาช่วยต่อเพลงอีกแล้ว บรื๋อ!!!!
รูปภาพจาก : https://pixabay.com/
เป็นนักข่าว นักเขียน ที่ผันตัวมาเป็นแม่ค้าขายอาหาร แต่ยังรักงานเขียนอยู่นะคะ
ความคิดเห็น