อื่นๆ

ฝันวิปลาส เพียงตื่นหนึ่ง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ฝันวิปลาส เพียงตื่นหนึ่ง

ฝันวิปลาส เพียงตื่นหนึ่ง

ในค่ำคืนเดือนมืด อากาศแห้งแล้งราวกับไม่ใช่ฤดูฝน บรรยากาศนอกหน้าต่างเงียบเชียบ ใบของต้นมะพร้าวสั่นไหวสวบสาบดูคล้ายกับปีกของสัตว์ร้ายสยายอยู่กลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ในความเงียบเชียบมีเพียงลมหายใจแผ่วเบา สะท้อนขึ้นลงทรวงอก

บนเตียงไม้สักเก่าคร่ำหลังหนึ่ง มันถูกวางไว้กลางห้องไม้สี่เหลี่ยมบนบ้านไม้สองชั้น แม้จะดูหรูหราแต่กลับแฝงไปด้วยความโดดเดี่ยว เศร้าสร้อย

ชายผู้นอนอยู่บนเตียงไม้สักหลังนั้น คล้ายกำลังอึดอัด ทรมาน เขากระสับกระส่าย ปัดป่ายแขนกระแทกหนักเบาไปบนเตียงนุ่ม ร่างกายจมลงไปบนที่นอน เห็นร่องรอยเป็นร่างกายบนเตียงที่คุ้นเคย เขานอนอยู่บนเตียงนี้มานานแล้ว

Dark
ร่างอันอึดอัดกระเด้งกระดอนอยู่ไม่คลาย ท้ายที่สุดแว่วเสียงเคาะจังหวะลงบนไม้ สติของชายคนนี้เริ่มแจ่มใส เขาพลันลืมตาขึ้น ดวงตาแดงก่ำเหนื่อยล้าปะทะกับความมืดอีกครั้งหนึ่ง แต่อากาศอันแสนอึดอัด ก็ทำให้ชายคนนั้นหยัดมือสองข้างขึ้น ผลักไม้กระดานที่กั้นเขาไว้กระดอนออกไปโดยแรง

Advertisement

Advertisement

"ว้าย" เสียงกรีดร้องของคนกลุ่มหนึ่ง ดังก้องในโสตประสาท

ชายคนนี้ลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ผู้คนกลุ่มนั้น ถลึงตามองเขาด้วยอาการสุดพรั่นพรึง ท่ามกลางแสงไฟสว่าง และกลิ่นควันธูป ผู้คนในศาลาแห่งนี้ก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกรีดร้องสุดเสียง วิ่งหนีแตกกระเจิงทันที 

"ช่วยด้วย ผีหลอก ผีหลอก" เสียงตะโกนลั่นจับไม่ได้ศัพท์ แต่ทำให้เขายิ่งตกใจ เมื่อสำรวจว่าแท้ที่จริงแล้ว ในพื้นที่คับแคบที่เขากำลังนั่งอยู่นั้น กลายเป็นโลงศพหลังหนึ่ง แข้งขาเหยียดยาวพบดอกบัวดอกหนึ่งตกอยู่ข้างกาย เขามองมันด้วยอาการใจลอย ก่อนหยัดยืนขึ้น เกาะขอบโลงศพแล้วก้าวออกมา

"อาตมา พะ มี มี พระ" พระสงฆ์สวมจีวรสีส้ม ยามนี้ยืนขวางชายหนุ่มไว้ แต่สองเท้าของพระกลับมีอาการสั่นไม่หยุด เริ่มเดินถอยหลังไปช้า ๆ

"เรา" ชายหนุ่มผู้ก้าวเท้าลงจากโลงศพ ชนเครื่องเซ่นไหว้และกระถางธูปเทียนจนล้ม พยายามเปล่งเสียงออกจากปาก แต่เขากลับรู้สึกว่ามันช่างแผ่วเบา คล้ายมีอะไรติดที่คอ คนกลุ่มนั้นไม่ได้ยินเสียงของเขา มีแต่อาการแตกตื่น

Advertisement

Advertisement

ชายหนุ่มก้าวย่างไปข้างหน้าช้า ๆ ขาอันผอมบางของไร้เรี่ยวแรง ทำให้ท่าเดินดูอ่อนล้าไปด้วย

"ไปผุดไปเกิดเถิดพ่อ" เสียงแหบแห้งแต่กังวานทรงพลัง ตรงหน้าปรากฎหลวงพ่อองค์หนึ่ง ในความทรงจำของชายหนุ่ม ท่านเป็นเจ้าอาวาสของวัดใต้หมู่บ้านแห่งนี้

"โยมตายไปแล้ว ละทิ้งทุกสิ่ง แล้วไปสู่สุคติเถิด อาตมาและชาวบ้านจะทำบุญไปให้โยมเอง" หลวงพ่อผู้ทรงเมตตา ยกมือสองข้างขึ้นประนม สวดคาถาบางอย่างพึมพำ

ในอกาศอันแผ่วเบา เสียงสวดที่ไม่มีใครได้ยิน กลับแจ่มชัดเต็มสองหู เป็นบทสวดมหาเมตตาใหญ่ คล้ายถูกปลุกพลังให้สองขาของเขามีเรี่ยวแรง แต่ขณะเดียวกันก็ฉุดรั้งชายหนุ่มให้จิตเบาบาง ราวกับวิญญาณจะหลุดรอยออกจากร่าง

"ผมตายแล้วหรือ" เขาเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เสียงนั้นมีเพียงหลวงพ่อเท่านั้นที่ได้สดับฟัง

ขณะสติกำลังจะหลุดลอยไปตามเสียงธรรมนำพา ดวงตาแดงก่ำของเขาสบเข้ากับบุคคลหนึ่ง คนผู้นี้เป็นหญิงวัยกลางคน ในดวงหน้าและดวงตา เขาจำได้ทันที นี่คือภรรยาของเขา

Advertisement

Advertisement

ภรรยาเมื่อชาติที่แล้ว ดวงตาของเธอคล้ายเป็นคนแปลกหน้า แต่เหมือนประทับอยู่ในจิตไม่เสื่อมคลาย มันติดตามวิญญาณที่กำลังลอยล่องออกจากร่าง ใช่ นี่คือสิ่งที่เขาจะนำติดตัวไปในภพหน้า

เสียงนกแสกร้องพาดผ่านเดือนมืด เรียกสติของชายหนุ่มลืมตาตื่น เขายังนอนอยู่บนเตียงไม้สักในบ้านไม้ของเขา มองเห็นหญิงผู้เป็นภรรยาถือมีดปลายแหลม เดินตรงมา ด้านหลังเป็นชายรูปร่างใหญ่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหญิงผู้นี้นัก นั่นคือชายชู้ของเธอ

ชายหนุ่มกลับมาจากฝัน หรือวิญญาณที่ตายไปแล้วกลับมาเข้าร่าง ไม่อาจรู้ได้แน่ชัด แต่เขาตื่นมาเพียงเสี้ยวหนึ่งในเวลาเพียงอึดใจ

ตื่นมาเพื่อเห็นตัวเองถูกแทงตาย บนเตียงไม้สักของเขาเอง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์