อื่นๆ
รีวิวพาผู้ชราไปพบแพทย์ตามบัตรนัด

พาผู้ชราไปพบแพทย์ รูปผู้เขียนถ่ายเอง
ผู้ชราหรือผู้สูงวัย ร่างกายจะเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย และโรคต่าง ๆ ย่อมมาเยือน ทำให้พวกท่านต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อย ๆ เพื่อตรวจร่างกาย และเอายามารับประทาน
ใครก็ตามที่อายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปถือว่าเป็นผู้ชรา ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า สมรรถภาพทางกายก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน เริ่มจากเส้นผมจะหงอกขาว ผิวเหี่ยวย่น ดวงตาเริ่มฝ้าฟาง หูได้ยินไม่ค่อยชัด ทำอะไรก็จะช้าลง แม้แต่การเดินหรือพูด
นอกจากนี้ยังมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ จนถึงขั้นเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือมีอาการสั่นที่เรียกว่าพาร์คินสัน ผู้ชราท่านนั้นน่าสงสารที่สุด และจะต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด
ถ้าในบ้านของเรามีผู้ชรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ หรือญาติผู้ใหญ่ จงช่วยกันดูแลท่าน ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ อาหารการกิน รวมทั้งพาไปพบแพทย์ตามบัตรนัด ซึ่งเราจะต้องเป็นคนพาท่านไปโรงพยาบาลทุกครั้ง
Advertisement
Advertisement
ผู้เขียนจึงขอรีวิวเกี่ยวกับการพาผู้ชราไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โดยจะไปทุก 3 เดือน ผู้เขียนจึงขอแชร์ประสบการณ์ในการไปแต่ละครั้งให้เพื่อน ๆ ได้รับทราบ ว่าเราจะต้องทำอย่างไรกันบ้าง
วัดความดัน รูปผู้เขียนถ่ายเอง
เริ่มต้นจากพาผู้ชราออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้าครึ่ง โดยพวกเราตื่นนอนตีสี่บ้าง ตีห้าบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ผู้ชราไม่งอแง หรือมีอาการง่วงหนาว หาว นอนให้เห็น
เหตุที่พวกเราต้องไปแต่เช้าก็เพราะว่าจะได้มีที่จอดรถ แล้วยื่นบัตรคิวสำหรับเข้าตรวจเป็นคิวแรก ๆ และสิ่งสำคัญที่ต้องนำติดตัวไปด้วย ลืมไม่ได้ก็คือ บัตรประจำตัวประชาชนกับบัตรนัดของผู้ป่วย
6 โมงกว่า ๆ พวกเราถึงโรงพยาบาล ทันทีที่รถจอดด้านหน้า เจ้าหน้าที่ก็เอารถเข็นมารับผู้ชราเข้าไปด้านในเพื่อวัดความดัน เราจึงเอาบัตรประจำตัวประชาชน และบัตรนัดให้เจ้าหน้าที่ดู จากนั้นก็ได้บัตรคิว
Advertisement
Advertisement
หลังจากวัดความดันเรียบร้อยแล้วก็รอคิวเจาะเลือด โดยพากันไปนั่งรอที่เก้าอี้ซึ่งอยู่หน้าห้องเจาะเลือด และรอเจ้าหน้าที่เรียกชื่อ
ข้อดีของการมาโรงพยาบาลแต่เข้าก็คือ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้คิวแรก ๆ เสมอ ทันทีที่เจ้าหน้าที่เรียกผู้ป่วยเข้าไปในห้อง เราก็พาผู้ชราเข้าไปเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจ ขณะที่รอผลตรวจเลือด พวกเราก็พากันไปรับประทานอาหาร
นั่งรอเจาะเลือด รูปผู้เขียนถ่ายเอง
อาหารของโรงพยาบาลอร่อยใช้ได้ ราคาไม่แพง บรรยากาศดี และสะอาดสะอ้าน ทุกครั้งที่ลูกค้ารับประทานอาหารเสร็จก็จะมีพนักงานเข้ามาเก็บจานออกไป
สิ่งที่ผู้เขียนชอบที่สุดก็คือ อาหารแทบทุกอย่างจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ทำให้พวกเรารับประทานอย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้น
พวกเรารับประทานอาหารเสร็จก็พากันไปนั่งรอที่ห้องตรวจ ซึ่งแพทย์ที่ทำการตรวจจะมาเวลา 8 โมงตรง วันนั้นผู้ชราของเราได้คิวตรวจเป็นคนที่ 2
Advertisement
Advertisement
รอตรวจ รูปผู้เขียนถ่ายเอง
กระทั่งเจ้าหน้าที่เรียกชื่อ ผู้ชราก็เข้าไปตรวจ แพทย์จะดูผลเลือด และถามอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ผู้ชราเป็นอัลไซเมอร์ไม่สามารถตอบได้ คนดูแลก็ต้องเป็นผู้ตอบแทน แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย จากนั้นก็สั่งยา และลงวันที่ในการนัดครั้งต่อไป
เมื่อออกมาจากห้องตรวจ เราก็เอาบัตรนัดไปสแกนคิวอาร์โค้ด หรือเอาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ป่วยเสียบเข้าไปยังที่เสียบตรงเคาน์เตอร์ เพื่อที่จะเอาบัตรคิวไปซื้อยา ทันทีที่ได้บัตรคิว เราก็จะพากันไปนั่งรอที่หน้าห้องสำหรับจ่ายยา โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี
ระหว่างนั่งรอ เราก็จะดูรายชื่อผู้ป่วยหน้าจอ ว่าเวลานี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ขณะกำลังนั่งเพลิน ๆ เจ้าหน้าที่เรียกชื่อผู้ชราของเรา และให้ไปจ่ายค่ายา
หลังจากจ่ายค่ายาเรียบร้อยก็รับยาที่อยู่ช่องถัดไป ซึ่งจบสิ้นขบวนการพาผู้ชราไปพบแพทย์ตามบัตรนัด
ห้องจ่ายยา รูปผู้เขียนถ่ายเอง
เมื่อก่อนผู้ชราคือผู้ที่เลี้ยงดูเรามาจนเติบใหญ่ วันเวลาผ่านไปท่านแก่เฒ่า และมีโรคเข้ามาเบียดเบียน เราจะต้องดูแลท่านให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ ขอให้ทุกคนมีความสุขค่ะ
จรรยา เลิศพงษ์ไทย
ความคิดเห็น
