“คนเราย่อมมีเรื่องไม่อยากเอ่ยถึง..ด้วยกันทั้งนั้น” - ฮิมูระ เคนชินสวัสดีผู้อ่านทุกคนนะครับ พบกับ D.O.M Movie Review อีกเช่นเคย เนื่องด้วยตอนนี้ภาพยนตร์ชุด ซามูไรพเนจร หรือ Rurouni Kenshin ฉบับ Live Action ได้เดินทางมาถึงภาคที่ 5 แล้ว โดยภาคนี้ใช้ชื่อว่า “The Beginning” หรือชื่อไทย คือ “ปฐมบท” ซึ่งจะเป็นเรื่องราวที่เล่าย้อนอดีตของเคนชินสมัยที่ยังเป็นมือพิฆาตบัตโตไซอยู่ จนถึงช่วงที่เขาร่วมรบในสงครามสมรภูมิฟูบะโทชิมิ ที่เป็นการสิ้นสุดเส้นทางของมือสังหารสุดเลือดเย็น และเปิดเผยที่มาของรอยแผลเป็นรูปกากบาทที่แก้มซ้ายของเขา รูโรนิ เคนชิน ภาคปฐมบทนี้จะเป็นอย่างไร จะสนุกน่าติดตามขนาดไหน เราไปอ่านรีวิวกันเลย..!!!1. การดำเนินเรื่องการดำเนินเรื่องของภาคนี้เป็นไปในทิศทางที่ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน ไม่มีการตัดสลับฉาก flash back สลับกับปัจจุบัน หรือมีฉากที่ตัดสลับช่วงเวลากัน จึงทำให้เรารู้สึกว่าการดำเนินเรื่องลื่นไหลไม่สะดุด แม้เราจะรู้อยู่แล้วว่าตอนจบจะต้องเป็นอย่างไร แต่เนื้อเรื่องก็พาเราให้ชวนติดตามอยู่เสมอ โดยในช่วงแรกๆ จะพูดถึงชีวิตการเป็นมือพิฆาตบัตโตไซของเคนชิน จนเขาได้พบกับโทโมเอะ อดีตภรรยาที่เคนชินพูดถึงในภาคที่ 4 พี่สาวสุดที่รักของเอนิชิ และก็ได้มีเหตุการณ์ที่กลุ่มคณะปฏิวัติของเขาถูกตามล่าโดยหน่วยชินเซ็นกุมิ ซึ่งมีไซโต ฮาจิเมะ ที่ภายหลังได้กลายเป็นสันติบาลอยู่ในสังกัดด้วย จึงทำให้เคนชินต้องหลบหนีไปอยู่สวนและได้มีโอกาสสร้างโมเม้นน่ารักๆ กับโทโมเอะด้วย ถ้าหากใครยังไม่เคยดูก็สามารถรับชมภาคนี้ได้อย่างเข้าใจและสนุกไปกับเนื้อเรื่องได้โดยที่ไม่ต้องย้อนไปดูภาคก่อนๆ เลย2. ตัวละครภาคนี้ยังคงได้พระเอกคนเดิมอย่าง “ทาเครุ ซาโต้” มารับบทเป็น “ฮิมูระ เคนชิน” หรือในภาคนี้คือ “มือพิฆาตบัตโตไซ” ต้องขอบอกเลยว่าแม้กาลเวลาจะผ่านไปแต่พระเอกของเราก็ยังคงความพริ้วในการต่อสู้ สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือ ความเลือดเย็นในการสังหารศัตรู โดยในภาคนี้เราจะได้เห็นเคนชินในรูปแบบที่คล้ายกับเครื่องจักรสังหาร ที่มองดูแล้วไม่มีความรู้สึก แต่แท้จริงแล้วเขาก็มีความรู้สึก และมีหัวใจ ซึ่งเขาได้มอบหัวใจให้กับโทโมเอะ หญิงสาวที่เขาได้ช่วยเหลือไว้จากขี้เหล้า 2 คนในโรงเตี๊ยม และชะตาลิขิตให้เขาและเธอได้มีโอกาสอยู่ร่วมกัน แต่ท้ายที่สุดหัวใจของเคนชินก็ต้องสลายเมื่อรู้ว่าหญิงที่เขามอบให้ทั้งใจถูกศัตรูส่งมาให้สืบหาจุดอ่อนของเขา และสุดท้ายโทโมเอะก็ต้องจบชีวิตลงด้วยคมดาบของเขา พร้อมทั้งน้ำตาของมือสังหารเลือดเย็นคนนี้ แหม่..ช่างน่าสงสารซะเหลือเกิน ต้องขอชื่นชมนักแสดงที่เข้าถึงบทบาทได้ถึงขนาดนี้ ทำให้คนดูอย่างเราอินสุดๆ เลยต่อมาเลยที่จะพูดถึงคือ ตัวนางเอก อย่าง “โทโมเอะ” ซึ่งเปิดตัวมาได้อย่างน่าสนใจด้วยปมที่แค้นอยู่ในใจ แต่ต้องปิดบังความรู้สึกเอาไว้เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ แม้เธอจะสามารถแก้แค้นให้กับอดีตคู่หมั้นได้ แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเธอรักเคนชิน และตอนสุดท้ายเธอก็ได้ลบล้างคำสาปแผลที่แก้มซ้ายของเคนชิน ด้วยการใช้มีดกรีดที่แก้มของเคนชินทับรอยเดิมที่อดีตคู่หมั้นของเธอฝากรอยแผลไว้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการอภัยยุติความเคียดที่มีต่อกัน จะสังเกตได้ว่านางไม่ยิ้มเลยตลอดทั้งเรื่อง แสดงให้เห็นถึงว่านางมีความโศกเศร้าอะไรในใจอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งนางเป็นตัวละครที่น่าสงสารมากเลย คู่หมั้นถูกฆ่าตาย แล้วต้องแฝงตัวเข้ามาเพื่อหาจุดอ่อนของคนที่ฆ่าคู่หมั้น แต่กลายเป็นตกหลุมรักคนนั้นซะอย่างนั้น สุดท้ายก็กลับใจมาช่วยเหลือพระเอกและยอมจบชีวิตลงเพื่อยุติความแค้นทั้งหมดพูดถึงตัวละครอื่นๆ กันบ้าง กลุ่มแรกเลยคือ กลุ่มคณะปฏิวัติของเคนชิน ที่ตอนแรกดูจะมีบทบาทมากในเรื่องแต่กลับกลายเป็นบทน้อยซะอย่างนั้น มีบทสำคัญจริงๆ แค่ช่วงแรกของเรื่อง โดยเฉพาะตัวหัวหน้าที่ดูจะเก่งเอาเรื่องอยู่แต่เราก็ไม่เห็นฝีมือที่แท้จริงของเขาเลยแม้แต่ฉากเดียวต่อมาเลยคือ กลุ่มชินเซ็นกุมิ ผู้ภักดีต่อโชกุนโทกูงาวะ ที่มีหัวหน้าอย่าง “คอนโดะ อิซึมิ” และ หัวหน้าหน่วย 1 อย่าง “โอคิตะ โซจิ” ซึ่งตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมี “ไซโต ฮาจิเมะ” ที่ต่อมาได้เป็นสันติบาลให้กับรัฐบาลใหม่ เรียกได้ว่าตัวละครเหล่านี้แย่งซีนพระเอกเต็มๆ ทั้งโอคิตะผู้มาพร้อมกับทรงผมสุดเฟี้ยวบวกกับความสามารถที่สู้กับเคนชินได้สูสี ถ้าเขาไม่ป่วยเราอาจจะได้เห็นการดวลดาบของเขากับเคนชินมากกว่านี้ และไซโตที่ภาคนี้เขาไว้ผมยาว แต่ก็ยังสูบบุหรี่เหมือนเดิม ที่มีบทเกือบจะได้สู้กับเคนชินแต่ก็ไม่ได้สู้ซักทีจนจบเรื่อง รอไปสู้ในภาค 1 เอาแล้วกันเนอะที่เซอร์ไพรส์ที่สุดก็คือ “เอนิชิ” ในวัยเด็ก ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดว่าจะมีบทของเอนิชิ อยู่ในภาคนี้เลย ซึ่งภาคนี้เราก็จะเห็นเลยว่าเอนิชิไม่ชอบขี้หน้าเคนชินตั้งแต่ก่อนที่โทโมเอะจะตายแล้ว แล้วยิ่งรู้ว่ามือพิฆาตบัตโตไซเป็นคนสังหารพี่สาวสุดที่รักของเขาความแค้นก็ยิ่งทวีคูณ เป็นเหตุให้ต้องแก้แค้นในภาคที่ 4ส่วนตัว Last Boss ของภาคนี้กระจอกมาก ไม่สมกับเป็น Last Boss เลยจริงๆ เพราะที่ผ่านมาทั้งชิชิโอและเอนิชิ ต่างมีความโหดและน่ากลัวเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังฝีมือการต่อสู้ที่แทบจะเหนือกว่าพระเอกของเราด้วยซ้ำไป แต่พอภาคนี้ตัว Last Boss เป็นคนส่งโทโมเอะให้มาสืบหาจุดอ่อนของเคนชิน ซึ่งฝีมืองั้นๆ แถมยังให้ลูกน้องเล่นทั้งระเบิดและซุ่มโจมตี สุดท้ายก็โดนพระเอกฟันฉับเดียวตาย มีแค่แผนจัดการเคนชินเท่านั้นแหละที่โอเค ซึ่งเป็นที่น่าผิดหวังอย่างมากสำหรับภาคนี้3. ความสนุกแน่นอนเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แอคชั่น ดังนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ฉากแอคชั่นมันส์ๆ ซึ่งตอนเปิดเรื่องมานั้นถือว่าทำได้ดีเลย ทั้งลีลาในการต่อสู้ ความโหดไร้ปรานี และเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นเคนชินใช้ดาบฆ่าคนจริงๆ ทั้งตื่นเต้นเร้าใจ เลือดสาด สะใจคอหนังแอคชั่นเลย ถือว่าไม่ทิ้งลายความเป็นภาพยนตร์ชุดซามูไรพเนจรฉบับ Live Action จริงๆ มาตรฐานยังคงเดิมเหมือนภาค 1-4แต่พอมาถึงช่วงกลางเรื่องฉากแอคชั่นน้อยลง เริ่มมีบทพูดมากขึ้น กับเนื้อหาที่ซีเรียส จริงจัง และดูดราม่าแบบหม่นๆ ช่วงฉาก Climax ผมรู้สึกไม่ประทับใจเท่าไหร่ เนื่องจากมาตรฐานของฉาก Climax และ Last Boss ของภาคก่อนๆ ทำไว้ดีซะเหลือเกิน พอมาเป็นภาคนี้ที่เน้นขายความดราม่ามากกว่าจึงทำให้ความสนุก ความตื่นเต้นนั้นดรอปลงไป อีกทั้งตัวที่ควรจะเป็น Last Boss อย่างพวกชินเซ็นกุมิ กับฉาก Climax ที่เป็นสงครามสมรภูมิฟูบะโทชิมิ มีความเหมาะสมมากกว่า แต่ทางทีมงานกลับเลือกฉากการแก้แค้นเคนชินของพวกกลุ่มที่ส่งโทโมเอะมาสืบให้เป็นฉาก Climax แทน ซึ่งการต่อสู้ไม่ได้ตื่นเต้นหรือสนุกเท่าที่ควร อีกทั้งตัว Last Boss ก็ตายง่ายเกิน ขนาดโทโมเอะเอาตัวเข้ามาบังแล้ว แต่ก็ยังโดนซึ่งน่าจะบาดเจ็บน้อยกว่าโทโมเอะเสียอีก แต่กลับตายดื้อๆ ซะอย่างงั้น แล้วเน้นไปที่ซีนแสนเศร้าระหว่างเคนชินกับโทโมเอะแทน4. ภาพรวมโดยภาพรวมงานโปรดักชั่นและเนื้อเรื่องยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังคงรักษามาตรฐานความเป็นแฟรนไชส์ชุดนี้อยู่ ถึงแม้ว่าจะเน้นขายดราม่ามากกว่าแอคชั่น ที่ทำให้ดูไปแล้วรู้สึกเบื่อในบางฉากบ้าง แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่ดูภาคนี้ อย่างไรก็ตามฉาก Climax ที่ผมคิดไว้ตอนแรกว่าจะเป็นฉากมหาสงครามล้มล้างระบอบโชกุน ก็ได้มีมาให้ชมนิดหน่อยตอนท้ายเรื่อง ซึ่งเป็นฉากที่เชื่อมต่อกับตอนต้นของภาค 1 ที่เราเคยได้ดูไปและคะแนนของภาพยนตร์รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร ภาคปฐมบท D.O.M Movie Review ขอให้คะแนนไปที่ 8/10เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับการรีวิวในครั้งนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูภาคนี้ สามารถดูได้ทาง Netflix ผ่านทางกล่อง True ID TV ได้เลยนะครับ และอย่าลืมติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมทำคอนเทนต์ต่อไปด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในคอนเทนต์หน้า สวัสดีครับ…ผลงานอื่นๆ จาก D.O.Mรีวิว Rouroni Kenshin: The Final ปัจฉิมบทแห่งมือพิฆาตบัตโตไซรีวิว Kingdom: Ashin of the North จุดเริ่มต้นของผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือดสุดยอด 5 แฟรนไชส์ภาพยนตร์ฮิตตลอดกาล EP.1: 5 เรื่องที่คุณไม่ควรพลาด..!!!สุดยอด 5 แฟรนไชส์ภาพยนตร์ฮิตตลอดกาล EP.2: แอคชั่นระเบิดความมันส์เต็มพิกัดสุดยอด 5 แฟรนไชส์ภาพยนตร์ฮิตตลอดกาล EP.3: โลกจารชนและอาชญากรรม เครดิตภาพปกจาก @ruroken_movie / canva : ภาพที่1 / ภาพที่2ขอขอบคุณภาพประกอบจาก @ruroken_movieภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่7 / ภาพที่8 / ภาพที่9 / ภาพที่10 / ภาพที่11 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !