อื่นๆ

วิญญาณร้ายในบ้านเช่า

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
วิญญาณร้ายในบ้านเช่า

การเดินทาง การหางานทำ เป็นเรื่องคู่กันเสมอเมื่อเราเรียนจบ และต้องจากภูมิลำเนาเดิมเพื่อเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง แต่ผมก็เลือกหางานแถบชานเมืองกรุงเทพฯ เพราะไม่อยากอยู่ในเมืองที่แออัดจนเกินไป มีเวลาเลือกบ้านเช่าที่ถูกใจอยู่นานพอสมควรกว่าจะถึงกำหนดเริ่มงานที่สอบผ่าน แต่หลายคนคงเคยได้ยินสุภาษิตนี้มาก่อนแน่ๆ เลือกนักมักได้แร่ ! ผมเป็นหนึ่งในนั้นจริงๆ

            บ้านเช่าในซอย ก็คือบ้านเช่า ถ้าคิดจะอยู่หรูๆ คอนโดหรูก็มักไม่อยู่ในซอย บ้านเช่าหลังที่ผมเลือก เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว สภาพไม่ใหม่นัก ป้าเจ้าของห้องเช่าบอกว่า ถ้าจะเอาสภาพใหม่ๆ ก็คงไม่ได้ราคานี้ ซึ่งก็จริงของป้า ถ้าเราเน้นประหยัดเราคงเลือกที่รูปลักษณ์ไม่ได้ ผมเป็นหนุ่มโสด ไม่ค่อยคาดหวังกับบ้านหลังใหญ่โตในเวลานี้ จะเรียกว่าพอมีที่ซุกหัวนอนก็พอแล้ว  สภาพในห้อง มีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น เตียงนอนกว้างๆ ที่ติดริมหน้าต่างกระจก ถ้าไม่เปิดแอร์ เปิดหน้าต่างออกก็จะเห็นแนวรั้วและเงาต้นไม้ใหญ่นอกรั้วอีกที โต๊ะเขียนหนังสือเล็กๆ กับตู้วางทีวี ที่มีทีวีเล็กๆ เครื่องหนึ่งที่ปลายเท้า ผมทำความสะอาดแบบลวกๆ เพราะเหนื่อยกับการเดินหาบ้านเช่ามาทั้งวัน และเลือกที่จะเปิดแอร์ ให้ได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ และค่ำคืนแรกก็ผ่านไป จะด้วยผมเหนื่อยหรืออะไรก็ตาม แต่ผมก็หลับแบบรวดเดียวถึงเช้า แค่รู้สึกสะกิดใจนิดหนึ่งเมื่อก้าวออกจากบ้าน แล้วมอเตอร์ไซค์วินมองหน้าผมแปลกๆ เท่านั้น แถมยังถามว่า เจอดีบ้างยังมาเช่าบ้านหลังนี้ ! ผมส่ายหัว และไม่คิดว่าจะมีอะไร น่าจะหยอกผมเสียละมากกว่า

Advertisement

Advertisement

            แต่ค่ำคืนที่สองนี่สิ...มีเหตุการณ์ประหลาดแปลกๆ ที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ เพราะทุกครั้งที่หลับตาลงหลังปิดไฟในห้อง ผมได้กลิ่นเหมือนธูปลอยวนเวียนตลบอบอวลอยู่รอบๆ ตัวผม แรกเลยก็คิดว่าคงจะอุปทานไปเองแน่ๆ แต่จนเดินไปล้างหน้า ออกมาดื่มน้ำเย็นๆ จากในตู้เย็น ดับไฟ ก็ได้กลิ่นธูปอีก ผมถอนใจเฮือกใหญ่ แข่งกับเสียงแอร์ที่ดังกระหึ่ม ต้นไม้จากนอกรั้วแกว่งไปมา ท่าทางว่าลมจะแรง ผมก็เปิดม่านกว้างออก อย่างน้อยฝนฟ้าตกยังพอรู้บ้าง แต่ขณะที่ผมพยายามข่มตาให้หลับนั่นเอง ผมได้ยินเสียงเหมือนคนเดินอยู่รอบๆ บ้าน เดินลากกิ่งไม้หรืออะไรสักอย่างดัง ครืด...ครืด....มันดังอยู่นานจนผมมั่นใจว่าผมไม่ได้หูฝาดไปแน่ๆ ผมตัดสินใจเปิดประตูบ้านออกไปพร้อมเปิดไฟหน้าบ้าน แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ  ผมเริ่มคิดใหม่ อาจเสียงดังมาจากบ้านใกล้เรือนเคียงก็ได้ เลิกสนใจและเข้านอนน่าจะดีกว่า ผมปิดประตูห้องนอน แต่พอล้มตัวลงนอน เสียงหมานอนก็เห่าหอนกันกรูเกรียวเป็นทอดๆ ผมถอนใจ เอาผ้าห่มคลุมโปง ตั้งใจจะไม่สนใจอะไรภายนอกอีกต่อไปแล้ว แต่ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มหลับ ในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมรู้สึกได้ถึงความสั่นไหวของหน้าต่างห้องที่เหมือนใครกำลังออกแรงเขย่า มันแรงมากจนผมข่มตานอนต่อไปไม่ไหว อะไรกันหนักหนาวะ ! ผมสบถกับตัวเอง เปิดผ้าห่มที่คลุมหัวคลุมตัวออก แล้วมองไปที่หน้าต่าง ผมก็แทบผงะ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ นั่นมันอะไรกัน ที่กระจกห้องนอน มีเงาของคนร่างสูงใหญ่ มือหนาใหญ่ราวใบตาล วางแนบอยู่กับกระจกนั่น ผมอ้าปากค้าง จะร้องก็ร้องไม่ออก แว่บเลยผมพยายามนึกว่าต้องเป็นคนบ้าแน่ๆ แต่จู่ๆ เงาดำทะมึนนั่นก็ยื่นหน้าผ่านกระจกห้องเข้ามา ใกล้เข้ามา จนผมกระโดดลงจากเตียง ถอยไปจนสุดผนังห้องอีกด้าน ใบหน้านั้นเป็นใบหน้าของคนแก่โบราณ มีริ้วรอยยับตามอายุขัย ดวงตาแดงราวเลือดนก ปากของแกเคี้ยวหมากจนปากแดงหรือจะเป็นสีของเลือดก็สุดรู้ ผมรู้แต่ว่าผมอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้วแม้แต่คืนเดียว ผมเผ่นแน่บไม่คิดชีวิต รู้สึกได้ถึงขนหัวที่ลุกชูชัน ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังแล้ววิ่งไปหาพี่วินมอเตอร์ไซค์ ให้พาผมไปส่งบ้านเพื่อน และคำเดียวจริงๆ ที่ผมได้ยินก็คือ...

Advertisement

Advertisement

            "เจอดีจนได้ใช่มั้ย...พี่นึกแล้ว ไม่เกินสองคืนหรอกบ้านหลังนี้ !"

พี่เขามาเล่าให้ฟัง บ้านหลังนี้เจ้าที่แรง และเจ้าของบ้านเป็นคนแก่หัวโบราณและหวงสมบัติมาก ดีแค่ไหนแล้วที่ผมหนีออกมาทัน เกือบเอาชีวิตไม่รอดไปแล้วจริงๆ !      

ขอบคุณภาพประกอบจาก   :  enriquelopezgarre

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์