อื่นๆ
ส่วนผสมของความล้มเหลว

อะไรที่ทำให้ชีวิตของบางคนไปต่อไม่ได้ หรือไปยังไงก็ไม่ถึงฝั่งฝัน
คนเหล่านี้มักจะมีแพทเทิร์นเดียวกันที่มาแบบยกแผง จนกลายเป็นวงจรแห่งความล้มเหลวอยู่อย่างนั้น การหยุดยั้งชีวิตที่วนเวียนกับความล้มเหลวซ้ำซาก ก็เพียงตัดวงจรตัวใดตัวหนึ่งออกเพียงเท่านี้ตัวอื่นก็ทำงานไม่ได้แล้ว
มาลองสังเกตพวกเขากัน แล้วเราจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาไม่ไปถึงไหนเสียที เราจะได้ไม่ต้องทำตามไงล่ะ
ไม่เคยโทษตัวเอง
โทษว่าดวงไม่ดี มีกรรมแต่ชาติปางก่อน เป็นคนอาภัพอับโชค ถูกคนใส่ร้ายนินทา เจ้านายลำเอียง ถูกเพื่อนร่วมงานกลั่นแกล้ง และอีกต่าง ๆ นานา โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง
หากยังรับข้อเสียของตัวเองไม่ได้ ก็เหมือนมีโรคภัยแต่ไม่ยอมรักษา
ทุกคนย่อมมีดีมีเสียเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจแต่อย่างใด ขอแค่เราจริงใจกับตัวเองให้มากที่สุด
Advertisement
Advertisement
ไม่ต้องอายถ้าจะยอมรับว่าเราก็มีผิดพลาดบ้าง ยอมรับเพื่อแก้ไขเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง
แต่ถ้าตัวเราเองยังไม่กล้ามองดูข้อเสียของตัวเอง คนอื่นก็ยากที่จะรับเราได้เหมือนกันนะ
เต็มไปด้วยข้ออ้าง
เหนื่อยเกินไปทำไม่ไหว
แก่เกินไปทำไม่ได้จะสู้คนหนุ่มสาวได้ไง
เด็กเกินไปไม่มีประสบการณ์คงสู้คนอื่นไม่ได้ ทุกอย่างอ้างได้หมด
แม้จะมีคนมาแนะนำอะไรดี ๆ ให้ แต่สุดท้ายคนเหล่านี้จะมีข้ออ้างที่จะไม่ทำอยู่เสมอ เช่น
“ก็รู้นะว่าเรียนภาษาอังกฤษน่ะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่อยากเวลาเดินทางน่ะ”
และถึงแม้เราจะบอกพวกเขาว่ามีออนไลน์นะ
“แต่ก็ต้องจ่ายตังค์อยู่ดี จะเอาตังค์ที่ไหนมาจ่าย”
และเมื่อเราบอกพวกเขาว่ามีเรียนฟรีในยูทูป เฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชั่นนะ
“แต่จะเอาเวลาที่ไหนไปเรียน แค่นี้ก็เหนื่อยพอแล้ว”
สังเกตมั้ยคะว่าคนเหล่านี้มักจะมีเวลานั่งเสพข่าวดรามา นินทาเพื่อนร่วมงาน สุดท้ายก็รำพึงรำพันถึงชีวิตที่ไม่ได้ดั่งใจ แต่พอใครแนะนำวิธีแก้ปัญหาให้ ก็มีข้ออ้างที่จะไม่ทำอยู่ดี
Advertisement
Advertisement
ไม่มีวินัย ทำอะไรไม่สม่ำเสมอ
ทำ ๆ หยุด ๆ ไม่ได้ทำตลอด พอหยุดทำแล้วกลับมาทำอีกครั้งก็เหมือนต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ กลายเป็นเสียเวลาไปอีก บางคนก็ผัดวันประกันพรุ่ง จนสุดท้ายก็ล้มเลิกไปเพราะคิดว่าทำมาตั้งนานไม่เห็นผล แต่ลืมไปว่าไม่ได้ทำให้สม่ำเสมอ เพราะบางสิ่งต้องอาศัยความต่อเนื่องจึงจะเห็นผล ต้องมาเสียเวลาอุ่นเครื่องใหม่ทุกครั้งที่เริ่มก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ไปไม่ถึงเส้นชัยเสียทีค่ะ
ขาดความรับผิดชอบ
การขาดความรับผิดชอบนอกจากจะทำให้เสียการเสียงานแล้วยังทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ ลองคิดดูว่าหากเราทำงานกับใครสักคน แล้วเขาส่งงานไม่ตรงเวลาทุกครั้ง และมีข้ออ้างบ่อย ๆ เราคงไม่อยากทำงานร่วมกับคนนั้น
การตรงต่อเวลาถือเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งเช่นกัน นอกจากการส่งงานตามเวลาแล้ว การไปตรงตามเวลานัดหมายก็สำคัญ เพราะเป็นการเคารพเวลาของผู้อื่นด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะมีธุระไปต่อที่ไหน หากเราไปสายก็ทำให้งานที่ต้องการเจรจาเกิดความล่าช้าออกไปและยังทำให้ผู้อื่นเสียเวลาอีกด้วย
Advertisement
Advertisement
อิจฉาคนสำเร็จ
สุดท้ายแล้วคนที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันแทนที่จะชื่นชมยินดีไปกับความสำเร็จของคนอื่น ก็จะได้แต่เฝ้ามองคนที่เขาสำเร็จไปแล้วด้วยความอิจฉา กล่าวโทษว่าโชคชะตาไม่ยุติธรรม และคอยถากถางวิจารณ์คนสำเร็จอยู่ร่ำไป
คนที่อิจฉาคนสำเร็จนั้นได้ส่งสัญญาณออกจากความคิดของตัวเองว่า ‘ไม่รู้สึกยินดีในความสำเร็จ’ เพราะจะเป็นทุกข์และไม่พอใจเมื่อเห็นคนที่มี ‘ความสำเร็จ’ ทำให้ไม่ยอมเรียนรู้จากความสำเร็จเหล่านั้น
สุดท้ายก็จะวนอยู่ในวงจรแห่งความล้มเหลวไม่จบสิ้น
ที่จริงหากเราต้องการความสำเร็จ เราก็สามารถลบคำว่า ‘ความล้มเหลว’ ออกจากพจนานุกรมชีวิตเราไปได้เลย เพราะจะว่าไปแล้วในโลกนี้อาจไม่มีคำว่า ‘ล้มเหลว’ อย่างแท้จริง
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียง ‘ผลลัพธ์ที่เราไม่พึงพอใจ’ เท่านั้นเอง
แต่ไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์นั้นจะอยู่ยั่งยืนกับเราตลอดไป
ตราบใดที่เราลองเริ่มต้นใหม่ด้วยวิธีการใหม่ ๆ ก็มีโอกาสที่จะได้รับผลที่แตกต่างออกไปเช่นกัน
เรียนรู้ที่ผลลัพธ์ แล้วจะพบความสำเร็จค่ะ
ภาพปกจาก pixabay
แฟนเพจนักเขียน https://www.facebook.com/dragonflydaysblogger
ความคิดเห็น
