ไลฟ์แฮ็ก
เปลี่ยนวิธีคิด ปรับชีวิตให้สมดุล

ความทุกข์ยากไม่ได้เป็นตัวตัดสินชีวิตความเป็นอยู่ของคุณ
แต่มุมมองที่มีต่อความทุกข์ยากต่างหากที่เป็นตัวตัดสินชีวิตคุณ
- ดิเอเตอร์ อุคดอร์ฟ
ถ้าพูดถึงความสำเร็จ ในชีวิตเราแต่ละคนย่อมมีมุมมองแตกต่างกันไปอยู่แล้ว บางคนอาจมองว่าความสำเร็จคือการมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีบ้านหลังใหญ่ๆ มีรถคันหรูๆ แต่กับอีกบางคนเขาอาจมองว่าแค่มีเงินพอใช้ มีชีวิตสะดวกสบายพอประมาณ มีกำลังดูแลคนรอบข้างได้ก็พอแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงเป้าหมายปลายทาง ที่ยังตอบไม่ได้ว่าจะไปถึงจุดหมายกันแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความสามารถและทักษะระหว่างทางการใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วย
การใช้ชีวิตของเราวันๆ หนึ่ง ก็เหมือนกับการผจญภัยด้วยเหมือนกัน ทุกคนคงต้องได้พบเจอปัญหาต่างๆ ที่ดาหน้ากันเข้ามา ให้เราต้องปวดหัวปวดใจ ต้องคอยแก้ไข เหมือนเล่นเกมเปิดประตูหาทางออกนั่นแหละ บางครั้งเราก็เปิดไปเจอประตูบานที่มันปิดตายอยู่ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่ว่าเราจะพังประตูยอมแพ้ หรือหาประตูบานใหม่ เพราะแต่ละคนคงมีวิธีรับมือปัญหาที่ต่างกันออกไป
Advertisement
Advertisement
ขอบคุณภาพประกอบจาก pxhere
การรับมือกับปัญหานี่แหละ จะเป็นตัวทดสอบความยืดหยุ่นของตัวแต่ละคนได้ดี บางครั้งการถอยมามองปัญหาในภาพมุมกว้าง หรือยอมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่นอกเหนือไปจากกรอบคิดของเรา ก็เรียกว่าเป็นการยืดหยุ่นแล้วล่ะ ที่จริงมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเท่าไหร่ บางคนมองว่าการยืดหยุ่นกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีเป็นเพราะพรสวรรค์ ซึ่งคุณคิดผิดถนัด ความยืดหยุ่นเป็นพรแสวงต่างหาก เพราะเราทุกคนสามารถฝึกฝนทักษะกันได้
ขอบคุณภาพประกอบจาก pxhere
ทำไมความยืดหยุ่นถึงสำคัญนักเล่า? เราลองยกตัวอย่างสภาพแวดล้อมของคนทำงานออฟฟิศมาดูกัน บางที่ทำงานที่มีความตึงเครียดและกดดัน บางทีต้องประชุมกันบ่อยๆ วางแผนกลยุทธ์ ทำบัญชี บ่อยครั้งเลยมีการถกเถียงกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น หรือใครสักคนอาจจะโดนหัวหน้าใหญ่เฉ่งเข้าให้ สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ จิตตกได้ทั้งสิ้น เผลอๆ โดนความกดดันมากๆ โรคเครียดแวะเวียนมาเคาะประตูเรียกก็มี
Advertisement
Advertisement
รับมือกับปัญหาอย่างมีสติอย่างที่บอกว่าการควบคุมสติ รู้จักผ่อนผันอารมณ์ตัวเอง ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นการพัฒนาฝึกฝน เรียนรู้ที่จะปรับตัวกับผู้คนรอบข้างทำได้ไม่ยาก เราลองมาดูเทคนิคง่ายๆ ในการตั้งรับสถานการณ์ดูว่ามีวิธีอย่างไรบ้างดีกว่า
ขอบคุณภาพประกอบโดย rawpixel.com จาก pxhere
คิดบวก
การสร้างมุมมองต่างๆ ในทางบวก การมองความเป็นไปได้ตลอดเวลา จะช่วยให้เรามีพลังและกล้าเผชิญหน้ากับปัญหา การคิดบวกยังช่วยให้หัวใจเราแข็งแรงขึ้น เวลามีปัญหาจะทำให้เรามองเห็นปัญหาในมุมที่ต่างออกไปจากเดิม เห็นทางออกในการแก้ไขหลายๆ ช่องทาง ยกตัวอย่างเช่น เราต้องสอบเพื่อเลื่อนตำแหน่งงาน ปรากฏว่าสอบไม่ติด ถ้าเราไม่คิดบวกเราอาจจะมองว่าตัวเองแย่ ไม่ดีพอกับงานนั้นๆ หมดแรงจูงใจที่จะกลับมาสอบแข่งขันใหม่ แต่หากเราคิดบวก เราอาจมองว่าครั้งนี้เรายังเตรียมตัวไม่ดีพอ ยังต้องพัฒนาตัวเองเพิ่มขึ้น เปลี่ยนจากอาการท้อแท้สิ้นหวัง เป็นพลังงานในการที่จะกลับลงสนามสอบอีกครั้ง
Advertisement
Advertisement
ขอบคุณภาพประกอบโดย rawpixel.com จาก pxhere
เข้าใจอารมณ์ของตัวเองซะ
คงเคยได้ยินคำสอนที่บอกว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า กันใช่ไหม นั่นล่ะใช่เลย ยิ่งโกรธก็จะยิ่งทำให้ตัวเองหงุดหงิด ใจเต้นรัว เครียด โทษนั่นโทษนี่ อ่อนไหวไปเรื่อย แต่หากเราเรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเราเองให้มากขึ้น เราต้องทบทวนผลเสียที่เคยเกิดขึ้นว่ามันไม่มีทางจะคุ้ม เมื่อเราเริ่มเข้าใจ เราก็ค่อยๆ จัดการกับอารมณ์ไปทีละน้อย เช่น ถ้ารู้สึกหายใจแรง ใจเต้นเร็ว เราก็ต้องปรับสภาพร่างกายให้มี กับการมีสมาธิกับการหายใจ สูดลมหายใจลึกๆ กำหนดการหายใจเข้า-ออกให้เป็นจังหวะ จากร้อนก็จะกลายเป็นเย็น ความอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าก็จะค่อยๆ ลดลง
โดยถ้าเราสังเกตจากตัวอย่างนี้ เราจะเห็นว่าเมื่อเราโกรธ เราจะมีความอ่อนไหวต่ออารมณ์ จะรู้สึกใจร้อนขึ้น หายใจเร็วขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจว่าเราโกรธ เราก็จะต้องควบคุมและจัดการกับอารมณ์ได้ การหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออก หรือการจดจ่ออยู่กับลมหายใจ ก็เป็นตัวช่วยที่เหมาะสมสำหรับกรณีนี้ เมื่อเราเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง ก็จะสามารถรับมือได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณภาพประกอบจาก pxhere
ปรับสร้างความสมดุล
ในที่นี้หมายถึงการ balance ชีวิตทำงานให้พอดี จัดระเบียบวางแผนชีวิต หรือตารางเวลาให้ชัดเจน หลายคนบอกจะทำยังไงล่ะจะให้สมดุลได้ เคล็ดลับอย่างนึงเลยก็คือ การวางแผนล่วงหน้า เพราะเมื่อเราวางแผนได้ดีเท่าไหร่ เราก็จะใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นเท่านั้น ร่างกายคนเราต้องการตารางเวลาที่พอเหมาะพอควรด้วย เพราะร่างกายไม่ได้เรียกร้องการทำงานอย่างเดียว ยังต้องการการพักผ่อน ยังต้องการการฟื้นฟู ยังต้องการการเติมพลังชีวิต หากทำได้เราก็จะคืนความสมดุลให้ชีวิตเราเองได้
ขอบคุณภาพประกอบจาก pxhere
สร้างสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
คำโบราณว่าไว้ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก นี่เป็นเรื่องจริงเลยทีเดียว สภาพแวดล้อมในการทำงานระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วยกัน ส่งผลต่อความรู้สึกของเราเป็นอย่างมาก การมีสังคมการทำงานที่ดี ก็ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้เราอยากไปทำงาน อยากประชุมแลกเปลี่ยน อยากเสนอความคิดเห็น ซึ่งนั่นไม่เพียงแต่ส่งสริมตัวเราเองให้มีพัฒนาการเท่านั้น ยังสามารถยกระดับออฟฟิศ ที่ทำงาน หรือบริษัทของเราได้เลยทีเดียว
ขอบคุณภาพประกอบจาก pxhere
คิดนึกและตรึกตรอง
การคิดใคร่ครวญทบทวนซ้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ คนเราต้องหมั่นคิดตรึกตรองประสบการณ์ที่ผ่านๆ มา เพื่อนำมาปรับใช้รับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ได้อย่างทันท่วงที การไตร่ตรองเรื่องราวต่างๆ อาจจะมีทั้งเรื่องที่ดี และรวมเรื่องที่ไม่ดีเข้ามาด้วย เพื่อเป็นการเรียนรู้พัฒนาตนเองอย่างเป็นเหตุเป็นผล เราก็ยิ่งได้เปรียบ เอาชนะปัญหาต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะรู้จักปรับใช้ประสบการณ์นำมาช่วยในการพัฒนา อย่างคำที่ว่า เรียนรู้อดีต เพื่อเรียนรู้อนาคต
เห็นมั้ยล่ะว่าเคล็ดลับในใช้ชีวิตในการทำงาน ไม่ใช่เรื่องยากเลย หากเรารู้จักเรียนรู้ปรับใช้ให้เข้ากับตัวเราได้ บางครั้งชีวิตไม่ต้องร้องขอต่อโชคชะตาอะไรเลย หากเรามีเทคนิคการใช้ชีวิตที่ดี อย่างน้อยเทคนิคที่ว่ามา ถ้านำไปปรับใช้ พัฒนาทักษะในการรับมือกับปัญหา ก็จะช่วยให้ตัวเราเองเผชิญหน้ากับเรื่องราวต่างๆ ได้ดีขึ้นแน่นอน
ขอบคุณภาพประกอบโดย rawpixel.com จาก pxhere
ขอบคุณภาพปกจาก pxhere
ความคิดเห็น
