อื่นๆ
เรื่องสยอง : คุณพระช่วย
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นสมัยที่ผมอายุเพียง 18 ปี ในเวลานั้นผมตัดสินใจออกจากบ้านที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อที่จะมาของานทำกับเพื่อนของอา ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ผมเรียกเพื่อนของอาคนนี้ว่าลุงบุญมา แกเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เคยรู้จักกันตั้งแต่สมัย ลุงบุญมาอยู่ที่ร้อยเอ็ด พอลุงบุญมาแกเลิกกับเมีย แกก็เข้ากรุงเทพฯมาหางานทำ จนกระทั่งขึ้นมาเป็นผู้รับเหมาซะเอง
ในวันนั้นผมลงรถที่หมอชิตตอนเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ความรู้สึกมันช่างอ้างว้างเหลือเกิน ตัวคนเดียวในเมืองใหญ่ คิดแล้วความรู้สึกคิดถึงบ้านมันก็เกิดขึ้นมา ในตอนนั้นผมรู้แต่เพียงว่า บ้านลุงบุญมาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมอชิตนัก แต่ก็ไม่รู้จะหันไปถามใคร และไม่รู้ว่าทำไมถึงตัดสินใจมา ในคืนนั้นผมเดินหาบ้านของลุงบุญมาจนดึกดื่น ถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครรู้จัก จึงตัดสินใจว่า จะขอเข้าไปนอนในสักคืนที่วัดใกล้ๆ
Advertisement
Advertisement
รวบรวมความกล้าอยู่นาน ก็เดินเข้าไปในวัด โชคยังเข้าข้างที่เจอหลวงพ่อรูปหนึ่ง เดินจงกรมอยู่บริเวณหน้าศาลา ผมจึงเดินเข้าไปถามว่าพอจะหาที่ให้ผมนอนได้ไหม หลวงพ่อที่กำลังอยู่ในสมาธิก็ออกจากสมาธิทันที สอบถามอยู่สักพักว่าเป็นใครมาจากไหนผมเล่าเรื่องของผมให้แกฟัง หลวงพ่อแก่ก็อนุญาต แกหาที่หลับที่นอนให้ผมอย่างดี ให้ผมนอนในศาลาบริเวณที่พระฉันข้าวกันตอนเช้า หลังจากจัดแจงที่หลับที่นอนให้ผมเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อแกก็เดินหายไป คงจะไปเดินจงกรมต่อ
Photo by Skitterphoto from Pexels
ก่อนนอนผมหยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กของผมโทรไปคุยกับแม่ ยิ่งคุยนานความรู้สึกคิดถึงบ้านมันก็ยิ่งมากขึ้น เพิ่งคุยกับแม่มาเมื่อเช้านี้แต่กลับรู้สึกคิดถึงราวกับว่าไม่ได้เจอกันมาเป็นปี แม่บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า จะลองให้อาของผมไปถามเมียเก่าลุงบุญมาดู เราคุยกันอยู่นาน ผมก็รู้สึกง่วงขึ้นมา จึงขอตัวแม่ไปนอนก่อน
Advertisement
Advertisement
ก่อนจะนอนผมก็ไม่ลืมที่จะสวดมนต์ก่อนเพื่อขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่แถวนี้นอนพักสักคืน ในใจก็อธิษฐานว่าขอให้ "คุณพระช่วยให้ลูกเจอลุงบุญมาด้วยเถิด" นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่นานก็ยังคงนอนไม่หลับ ด้วยทั้งความแปลกที่ ทั้งความเป็นกังวลเรื่องลุงบุญมา เบอร์โทรศัพท์ที่แกให้ไว้ก็ไม่สามารถติดต่อได้ นอนคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย อยู่ดีๆก็เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เสียงของอะไรบางอย่างทำให้ผมตื่นขึ้นมากลางดึก มันเป็นเสียงของคนที่เดินบนพื้นไม้บนศาลา ดังขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆ ผมจึงลืมตาขึ้นมาดู มองออกไปนอกมุ้งซ้ายทีขวาที ก็เห็นพระรูปหนึ่ง ยืนทำอะไรบางอย่างอยู่ที่สุดศาลา ในใจก็คิดว่านี่มันกี่โมงแล้ว พระที่นี่เตรียมบิณฑบาตแล้วหรอ ด้วยกลัวว่าจะเกะกะในศาลา เลยลุกขึ้นไปเพื่อที่จะไปหาพระรูปนั้น จะถามว่าพอมีอะไรให้หยิบจับช่วยได้ไหม ระหว่างเดินด้วยความสะลึมสะลือ ตาก็เหลือบไปเห็น นาฬิกาที่แขวนอยู่กลางศาลา บอกเวลาเป็นเวลาประมาณ 03:00 น ผมจึงแน่ใจว่ายังไม่ถึงเวลาบิณฑบาตแน่นอน แต่ไหนๆก็เดินมาแล้ว ก็ว่าจะไปนมัสการท่านสักหน่อย
Advertisement
Advertisement
พอเดินเข้ามาใกล้ขึ้นๆ ความมืดทำให้สายตาไม่เห็นภาพชัดนัก แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผม ผมมั่นใจและภาพยังจำติดตาถึงทุกวันนี้ พระรูปนั้นค่อยๆหันมาทางผมแต่ทว่า ศีรษะของท่านไม่ได้อยู่บนบ่านั้น สติผมกระเจิดกระเจิงหายไปในพริบตา กลับหลังวิ่งทันทีโดยที่ไม่รู้จุดหมาย หัวใจแทบวายอีกครั้งเมื่อหันกลับไปดู พระรูปนั้นไม่มีหัวกำลังวิ่งตามผมมาอย่างรวดเร็ว สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่ง จอดรถมอเตอร์ไซค์หน้าวัดพอดี จึงรีบวิ่งออกไปเพื่อจะขอความช่วยเหลือ ผมร้องโวยวายไปทางผู้ชายคนนั้น มัวแต่หันหลังมองพระหัวขาดที่วิ่งตาม รู้ตัวอีกทีก็ชนเข้ากับชายคนนั้นเต็มๆล้มไปทั้งคนทั้งรถ ถุงใส่ของที่แขวนอยู่บนมอเตอร์ไซค์กระจายเต็มพื้นถนน ยังไม่ทันได้ขอโทษขอโพย ผมก็เอาแต่ร้องโวยวาย บอกว่าผมเจอผี แต่แล้วชายคนนั้นก็เรียกผมขึ้นมา
"ไอโย"
เสียงนั้นเรียกสติผมกลับคืนมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้น แล้วพบว่าแกคือลุงบุญมา ในเวลานั้นความรู้สึกมันปนเปกันไปหมด ทั้งดีใจที่เจอลุงบุญมา ทั้งกลัวผีพระหัวขาดที่หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ผมคุยกับลุงบุญมาอยู่นานว่าไปยังไงมายังไง พร้อมเล่าเรื่องผีที่ผมเพิ่งเจอ ก่อนจะช่วยเก็บข้าวของขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ ลุงแกบอกว่า เมียใหม่ลุงแกขายของอยู่ที่ตลาดใกล้ๆ ลุงเลยไปซื้อของเพื่อที่จะเตรียมของขายในตอนเช้า แต่รถไอแก่ก็ดันมาดับหน้าวัดซะนี่ ก่อนจะมาชนกับผมนี่แหละ ลุงแกบอกให้ผมเข้าไปเก็บข้าวของในศาลา แล้วตอนเช้าค่อยมาบอกหลวงพ่อที่ให้ผมนอนที่นี่ ด้วยความที่ยังกลัวอยู่ ผมเลยบอกลุงบุญมาว่าให้ลุงเข้าไปเอาเป็นเพื่อน
Photo by Lennart Wittstock from Pexels
เก็บข้าวของเสร็จผมก็ไปบ้านกับลุงบุญมา นอนหลับสบายจนตื่นอีกทีเป็นเวลา 09:00 โมงเช้าแล้ว อาบน้ำอาบท่ากินข้าวเสร็จ ลุงบุญมาแกก็พาไปวัด ไปหาเจ้าอาวาส เพื่อที่จะให้ผมไปขอบคุณหลวงพ่อที่อนุญาตให้ผมนอนเมื่อคืน แต่ซักถามเท่าไหร่ ท่านเจ้าอาวาสก็บอกว่าวัดนี้ ไม่มีพระลักษณะแบบที่ผมว่า แถมเดินจงกรมตอนดึกๆยิ่งไม่น่าจะมีใหญ่
แล้วผมก็สังเกตเห็นความผิดปกติอย่างหนึ่งคือพระเมื่อคืนที่ผมเจอสวมจีวรกับสบงสีแก่นขนุนเข้มแบบวัดป่า แต่ท่านเจ้าอาวาสและพระรูปอื่นๆที่วัดนี้ห่มจีวรสีส้ม ผมจึงบอกท่านเจ้าอาวาสไปว่าพระที่ผมเจอเมื่อคืนใส่สบงสีเหมือนพระวัดป่า ท่านเจ้าอาวาสก็ทำหน้าตกใจทันที ก่อนจะบอกผมว่าให้เดินตามท่านมาที่ศาลาฉันข้าว เมื่อเดินตามท่านเจ้าอาวาสมาถึงที่ศาลาฉันข้าว ท่านก็ชี้ให้ดูกับรูปพระรูปหนึ่ง "ใช่แล้ว!! นี่คือรูป หลวงพ่อที่ผมเจอเมื่อคืน"
ท่านเจ้าอาวาสบอกว่ารูปนี้ คือรูปของพระรูปหนึ่ง ที่เคยมาขออาศัยอยู่ที่วัดแห่งนี้ และได้เสียชีวิตไปนานมากแล้ว แต่ท่านเจ้าอาวาสไม่ได้บอกว่าเห็นผลอะไร ผมได้แต่ยืนเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าสิ่งที่เจอมาทั้งหมดนั้นมันคืออะไร แล้วตกลงว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดีกันแน่ แต่อย่างน้อยพระผีรูปนั้น ก็ทำให้ผมได้เจอกับลุงบุญมา เหมือนกับที่อยู่ดีๆลุงบุญมาก็พูดขึ้นมาว่า "คุณพระช่วยแท้ๆ" ก่อนที่ท่านเจ้าอาวาส จะให้ผมนำธูปเทียนมากราบพระรูปนั้น แล้วให้ผมไปอาบน้ำมนต์
Photo by Mitja Juraja from Pexels
ความคิดเห็น