อื่นๆ
ใครตามฉันมา ?

ประสบการณ์หลอนที่จะมาเล่าสู่กันฟังนี้เป็นเรื่องเล่าของเพื่อนนามสมมุติว่าวี เกิดขึ้นเมื่อตอนเรียนอยู่ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร วีเล่าว่า เมื่อตอนที่สอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ด้วยความที่ตัวเองเป็นเด็กต่างจังหวัด จึงค่อนข้างกังวลเรื่องที่อยู่ที่อาศัยและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ว่าทางครอบครัวจะรับภาระไหวไหม ด้วยเหตุนี้เองวีจึงมีความคิดที่อยากจะหารูมเมตมาช่วยกันแชร์ค่าห้องเพื่อลดทอนภาระค่าใช้จ่าย หลังจากประกาศตามหาบนเว็บบอร์ดต่าง ๆ ได้ไม่นาน สุดท้าย...วีก็ได้รูมเมตที่เป็นเพื่อนร่วมคณะมาช่วยแชร์ค่าห้องในที่สุด
รูมเมตของวีมีนามสมมุติว่า ‘ผึ้ง’ ผึ้งเป็นคนที่พูดน้อยและติดจะเงียบ ๆ ตอนแรกวีก็กังวลว่าตัวเองจะเข้ากับรูมเมตของตัวเองไม่ได้หรือจะอึดอัดเวลาอยู่ด้วยกันหรือเปล่าเพราะว่าผึ้งเป็นคนที่เงียบขรึม ในขณะที่วีนั้นเป็นคนที่สนุกสนาน แต่เมื่อทั้งสองได้พูดคุยกันมากขึ้นวีก็รู้สึกเบาใจ ถึงผึ้งจะพูดน้อยแต่ก็มีอัธยาศัยดี ไม่ได้เงียบขรึมจนติดหม่นหมองอย่างที่วีนึกกังวล เมื่อพูดจาตกลงที่จะอยู่ด้วยกันแล้วทั้งสองก็ออกตระเวนหาที่พักใกล้ ๆ และราคาเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยและเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
Advertisement
Advertisement
ทั้งสองได้ที่พักไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสามารถเดินไป-กลับได้โดยไม่เสียค่ารถ หอพักที่ทั้งสองตัดสินใจเช่าอยู่นั้นต้องเดินเข้าไปในซอยเล็กน้อย หอเป็นตึกสูงหกชั้นไม่มีลิฟต์ วันแรกที่ทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่จึงทุลักทุเลกันเล็กน้อยเพราะวีและผึ้งได้ห้องพักที่ชั้นห้า ทำให้ทั้งสองต้องเดินขึ้นลงบันไดหอพักอยู่หลายรอบกว่าจะขนของทั้งหมดเสร็จสิ้น หลังจากเข้าไปอยู่ในห้องเรียบร้อยก็ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นจนกระทั่งหลายเดือนต่อมา
“ผึ้ง นั่นอะไรเหรอ ?”
วีถามผึ้งที่เพิ่งกลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัดเนื่องจากมีวันหยุดยาวสี่วัน วีที่ยังคงอยู่ที่หอพักคนเดียวไม่ได้กลับบ้านเพราะต้องทำงานพิเศษเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผึ้งกำลังนำบางอย่างวางไว้บนตู้หนังสือที่ติดอยู่กับเตียงของผึ้งเองอย่างทุลักทุเล
“พระพุทธรูป”
ทีแรกวีก็ไม่ได้สงสัยอะไร คิดว่าผึ้งคงอยากจะไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนจึงได้นำพระพุทธรูปองค์จำลองมาจากที่บ้านด้วย วีนั้นไม่ได้เป็นคนชอบสวดมนต์ไหว้พระอยู่แล้วแต่ก็ไม่มีปัญหาหากเพื่อนจะทำจึงไม่ได้สงสัยอะไรอีก หลังจากที่ผึ้งนำพระพุทธรูปมาตั้งไว้ในห้อง วีก็สังเกตว่าผึ้งนั้นเริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
Advertisement
Advertisement
หลายคืนที่นอนด้วยกัน วีสังเกตเห็นว่าผึ้งนั้นจะคอยหันหน้ามาทางวีเวลานอนหลับอยู่เสมอ หลายครั้งที่กำลังจะปิดไฟ ผึ้งก็มักจะถามวีว่า “เปิดไฟนอนได้ไหม ?”
วีก็เอ่ยเย้าผึ้งไปว่า “กลัวผีเหรอผึ้ง ?” ผึ้งก็ทำหน้าแปลก ๆ ดูเหมือนจะไม่สนุกกับการล้อเล่นของวี พอวีปิดไฟผึ้งก็ไม่ได้เอ่ยแย้งอะไรแต่ในขณะที่วีกำลังจะหลับใหลก็รู้สึกได้ว่าผึ้งขยับเข้ามานอนเบียดชิดกับตน
หลายคืนที่นอนด้วยกัน ผึ้งยังคงมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่หลายครั้ง วีก็สงสัยแต่ไม่ได้สอบถามอะไรอย่างชัดเจน จนกระทั่งคืนหนึ่ง วีต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของใครบางคนดังขึ้นกลางดึก
ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วตั้งสติ วีพบว่าเสียงร้องไห้นั้นเป็นเสียงของผึ้งนั่นเอง ผึ้งนอนร้องไห้อยู่ข้าง ๆ หูของวี ตัวของผึ้งแทบจะนอนเกยขึ้นมาบนตัวของวีและขดซุกอยู่ข้าง ๆ คล้ายกับหวาดกลัวอะไรสักอย่าง
Advertisement
Advertisement
“ผึ้งเป็นอะไร ?”
วีเอ่ยถาม ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อรับรู้ว่าเพื่อนมีอาการแปลก ๆ ทีแรกผึ้งไม่ยอมปริปากบอกอะไรเอาแต่นอนร้องไห้สั่นด้วยความหวาดกลัว วีลุกขึ้นไปเปิดไฟและคาดคั้นถามผึ้งอยู่นาน ในที่สุดผึ้งก็ยอมปริปากเล่า
“เราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในห้องเรา...”
วีนิ่งอึ้งไป ขนในกายลุกชันด้วยความกลัว เพราะโดยส่วนตัว ถึงวีจะไม่เคยเจอผีหรือวิญญาณแต่ก็เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง พักหลังเห็นเพื่อนทำตัวแปลกไปก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้
“จำวันที่เราไปทัศนศึกษาที่...กันได้ไหม ? วันนั้นเราเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เขายืนมองเราอยู่บนโบราณสถาน...”
ผึ้งเล่าย้อนไปถึงวันที่นักศึกษาทั้งคณะต้องเดินทางไปทัศนศึกษาที่โบราณสถานแห่งหนึ่ง วันนั้นผึ้งจำได้ว่าเจอผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดขาวทั้งชุด ผมยาว มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน เธอคนนั้นมองมาที่ผึ้งจากบนโบราณสถาน ผึ้งมองเห็นเธอและรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่คนอย่างแน่นอนเพราะตัวเธอมีเซ้นส์ในเรื่องแบบนี้ พอกลับมาเรียนก็ไม่ได้เก็บมาคิดเพราะคาดว่าคงจะไปบังเอิญเห็นเข้าก็เท่านั้น...แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะผู้หญิงคนนั้นยังคงติดตามผึ้งมา
“เราฝันเห็นเขาทุกคืน...เขามายืนมองเราที่ปลายเตียง”
วีได้ยินดังนั้นก็ปรายตาไปมองทางปลายเตียงด้วยความหวาดกลัว เข้าใจสาเหตุที่ผึ้งไปหาพระมาตั้งไว้ในห้องทันที ผึ้งเล่าว่าที่ไม่ได้เล่าให้วีฟังเพราะกลัวว่าเพื่อนจะไม่เชื่อหรืออาจทำให้วีหวาดกลัวเหมือนกันจึงได้เก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกวีหรือเพื่อนคนไหน ๆ จนกระทั่งคืนนี้ ผึ้งเล่าว่าไม่เพียงแค่ผู้หญิงคนนี้มายืนมองเธออยู่ปลายเตียงอย่างในฝันทุกคืน ตอนที่ผึ้งสะดุ้งตื่นผึ้งกลับเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ที่ปลายเตียงจริง ๆ!
“เขายืนมองแล้วก็ชี้หน้าเราเหมือนโกรธมาก”
นั่นเองผึ้งจึงได้ตกใจจนร้องไห้ หลังจากที่ผึ้งเล่าจบ ทั้งผึ้งและวีก็แทบนอนไม่หลับและไม่ปิดไฟเลยตลอดทั้งคืน
รุ่งเช้าทั้งสองคนก็ตัดสินใจไปทำบุญ หลังจากนั้นผึ้งก็ยังเล่าว่าผู้หญิงคนนั้นยังมาเข้าฝันอยู่ ทั้งผึ้งและวีอยู่ในห้องนั้นด้วยความหวาดกลัวและหวาดระแวง แม้จะรู้ว่าห้องพักไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิญญาณที่ตามมาเข้าฝันผึ้ง แต่ทั้งสองก็อดหวาดระแวงและหวาดกลัวไม่ได้จึงตัดสินใจหาที่พักใหม่
พอย้ายที่พักใหม่ ผึ้งก็ไม่เคยฝันถึงหรือเห็นผู้หญิงคนนั้นมาปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย ผึ้งหาคำตอบไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และเธอต้องการอะไร เธอคนนั้นหายไปแต่กลับทิ้งรอยความทรงจำเลวร้ายในช่วงชีวิตปีหนึ่งของผึ้งจนยากที่จะลืมเลือน
ความคิดเห็น
