ใครๆก็รู้จัก "วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร" แต่หลายๆคนอาจจะไปเพื่อชื่นชมศิลปะที่สวยงามมาตั้งแต่อยุธยาแต่จริงๆแล้วในวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารนั้น กลับมีจุดที่น่าสนใจหลายจุด วันนี้ผมจะขอนำทุกท่านได้ตามผมไปดูว่าวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารนั้น จริงๆมันมีอะไรน่าสนใจอีกบ้างนะ ? เมื่อเราเดินทางถึงวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร สิ่งแรกที่ทุกท่านจะเจอก็คือ พระวิหารน้อยและโบสถ์น้อย เป็นสิ่งก่อสร้างที่มาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วครับตั้งแต่วัดยังใช้ชื่อ วัดมะกอกนอก (ชื่อดั้งเดิมของวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร) 1. พระวิหารน้อย (ฝั่งซ้าย) สิ่งที่สำคัญของของในพระวิหารน้อยก็คือเจดีย์จุฬามณีที่ทำมาเพื่อสื่อถือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 และยังมีพระแก้วมรกตองค์จำลองซึ่งมีการสันนิษฐานว่า พระแก้วมรกตองค์จริงที่อยู่ในพระบรมมหาราชวังนั้น เคยถูกอัญเชิญมาและพักที่นี่ก่อนที่จะอัญเชิญไปที่วัดพระแก้วนั้นเอง และที่สำคัญยังมีพระแท่นบรรถมของ รัชกาลที่ 2 อยู่ด้วย ซึ่งตามประวัติศาสตร์คือ รัชกาลที่ 2 ท่านเคยอยู่ที่พระราชวังเดิมข้างๆ อาจจะถูกอัญเชิญมาไว้ที่นี่ก็เป็นได้ 2.โบสถ์น้อย(ฝั่งขวา) โบสถ์น้อยพอเราเข้ามาเราก็เจอพระแท่นของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งอยู่ตรงริมประตู ตรงนี้มีป้ายบอกว่าลอดพระแท่นเพื่อล้างอาถรรพ์ ถ้าใครอยากลอดก็ลองได้เลย พอเราเดินเข้าไปอีกหน่อย เราก็จะเจอรูปปั้นของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ไว้ให้ได้สักการะบูชากันอีกด้วย แต่ไม่ใช่แค่นั้นเมื่อเราเดินเข้าไปที่อยู่ข้างหลังจุดรูปปั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้น เราจะเจอพระประธานที่อยู่กับโบสถ์น้อยมาตั้งแต่อยุธยา ก็คือ หลวงพ่อรุ่งอรุณ นั้นเอง องค์ที่ใหญ่สุดนั้นละครับ จริงๆแล้ว ผมเคยมาวัดอรุณช่วงตรุษจีน ที่นี่ทางวัดจะเชิญพระป้ายวิญญาณของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่เป็นภาษาจีนมาตั้งไว้ให้ประชาชนได้สักการะด้วยนะ ถ้าท่านใดสนใจลองติดตามข่าวทางวัดอรุณฯดูนะว่าเขาจะจัดวันใหน 3.พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นจุดสำคัญอีกจุดนึง ที่ใครๆมาก็ต้องมาสักการะ เพราะท่านทรงเป็นคนสำคัญที่ทำให้เกิดการบูรณะวัดอรุณฯนั่นเอง อยู่ติดทางริมน้ำขึ้นท่าเรือมา ก็จะเห็นพระบรมราชานุสาวรีย์ได้โดยง่าย ใครมาแล้วก็แวะสักการะสักนิดนะครับ เพื่อความเป็นสิริมงคล 4.อนุสาวรีย์บรรจุอัฐิ นายพลเรือโท พระยาราชวังสัน (ศรี กมลนาวิน) พลเรือโท พระยาราชวังสัน (ศรี กมลนาวิน) เป็นคนสำคัญของกองทัพเรือ เป็นศิษย์เอกของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนายเรือคนแรกและก็เป็นคนที่ล่องเรือผ่านน่านมหาสมุทรได้ เพราะเป็นคนที่ไปบัญชาการนำเรือหลวงคำรณสินธุ์ (ลำแรก) กลับมาจากอู่ต่อเรือที่โกเบ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งที่ประเทศไทยได้สั่งต่อเรือไว้นั้นเองและยังเป็นองคมนตรีในรัชกาลที่ 7 อีกด้วย พอท่านเสียชีวิตลงอัฐิบางส่วนท่านก็ถูกมาไว้ที่นี่ 5.ท่าเรือเฉพาะ ท่าน้ำที่มีเสาสีแดงแบบนี้เป็นท่าเรือเฉพาะพระราชวงศ์หรือพระมหากษัตริย์เท่านั้น จะสามารถเดินตรงเข้าสู่พระอุโบสถวัดอรุณได้เลย เป็นท่าเรือที่ไม่เปิดให้ประชาชนใช้ ถ้าเรายืนอยู่หน้าท่าน้ำจะเห็นว่าเส้นทางจะเป็นเส้นตรงเข้าสู่พระอุโบสถได้เลย ไว้ใช้ในการถวายผ้าพระกฐินโดยเสด็จทางชลมารคนั้นเอง 6.ซุ้มประตูทางเข้าพระอุโบสถ ซุ้มประตูทางเข้าพระอุโบสถนั้นเป็นจุด Landmark ที่นักท่องเที่ยวหลายคนสนใจมากๆ ไม่ว่าจะมาตอนใหน คุณก็จะสามารถเห็นนักท่องเที่ยวมายืนถ่ายรูปเสมอๆนั่นเอง ยักษ์ฝั่งซ้ายสีเขียวๆนั้นคือ ทศกัณฐ์ ด้านขวาขาวๆคือ สหัสเดชะ จริงๆแล้วยักษ์ที่เฝ้าประตูเนี่ยเขาเชื่อว่าเป็นนายทวารบาลไว้ขับไล่สิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามายุ่งวุ่นวายในวัดนั่นละ คุณเลยมักจะเห็นหลายๆวัดในประเทศไทยจะมียักษ์เฝ้าประตูอยู่หลายวัดเลย 7. นายเรืองและนายนก จากซุ้มประตูนั้นถ้าก่อนเข้าพระอุโบสถทั้งซ้ายทั้งขวาถ้าคุณเดินเข้าไปคุณจะสังเกตุเห็นมีรูปปั้นสีทองๆอยู่ทั้งสองด้าน ฝั่งขวานายนก (ด้านขวา) ฝั่งซ้ายนายเรือง (ด้านซ้าย) จากที่ผมได้อ่านหนังสือมาเขาว่าทั้งสองคนคือคนที่เผาตัวเองเพื่อต้องการจะไปนิพพานซึ่งเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 2 ซึ่งเขาทำรูปปั้นมาไว้เพื่อสอนคนผมว่าอาจจะเป็นกุศโลบายไม่ให้คนเผาตัวเองกันอีกอีกด้วยมากกว่า 8.พระอุโบสถวัดอรุณฯ ในพระอุโบสถวัดอรุณฯนั้น ข้างในประดิษฐานพระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก ตามประวัติเขาบอกว่าพระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลกนั้นพระพักตร์นั้นคล้ายรัชกาลที่ 2 แล้วก็ตรงส่วนฐานนั้นยังบรรจุพระบรมราชสรีรางคารของรัชกาลที่ 2 ไว้อีกด้วย แบบผมซึ่งไม่ทราบประวัติเยอะก็ได้แต่ไหว้พระแล้วก็ผูกข้อมือกับหลวงพี่นิดหน่อยเท่านั้นสำหรับตรงนี้ นอกจากนั้นเมื่อออกจากพระอุโบสถยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีก 2 อย่างที่อยู่ตรงพระอุโบสถนี้ก็คือ 1.พระพุทธนฤมิตร(ด้านหน้า) 2.พานพุ่ม (ด้านหลัง) 9.มณฑปพระพุทธบาทจำลอง รอบพระพุทธบาทจำลองนี้ ว่ากันว่าถูกจำลองมาจากรอยพระพุทธบาทจำลองที่สระบุรี เท่าที่ผมได้อ่านตรงขอบๆนั้น กล่าวว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2364 น่าจะอยู่ในช่วงราวๆรัชกาลที่ 3 ในรอบๆพระพุทธบาทจำลองนั้นเท่าที่สังเกตุคือเป็นรูปมงคล 108 อยู่แต่เหรียญเยอะจนมองไม่เห็นจะแหวกดูหมดก็เกรงใจละ 10.พระวิหารของวัดอรุณราชวราราม ข้างในประดิษฐาน พระประทานนั้นคือ พระพุทธชัมพูนุทมหาบุรุษลักขณา อสีตยานุบพิตร เป็นรูปแบบของปางมารวิชัย 11.พระปรางวัดอรุณฯ ตรงกลางที่ใหญ่สุดของวัดอรุณฯ ผมเข้าใจว่าถูกสร้างจำลองมาจากเขาพระสุเมรุ จะเป็นปรางค์ประธานของที่นี่ ส่วนรอบๆเขาจะเรียกปรางค์บริวารน่าจะถูกสร้างจำลองมาจากเขาสัตบริภัณฑ์หรือเขาที่อยู่ในป่าหิมพานต์นั้นละเลยทำให้จะเห็นมีรูปแกะสลักกินนรกับกินรีอยู่ตรงส่วนฐานของพระปรางค์ กินนร กินรี ตรงส่วนของฐานของปรางค์ประธานนั้นถ้าสังเกตุดีๆ คือ จะมีลักษณะคล้ายต้นไม้ผมเองคาดว่าน่าจะหมายถึงป่าหิมพานต์นี่เอง และตรงส่วนข้างบนคือเขาพระสุเมรุที่มีพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณอยู่นั่นเอง 12. พระราชลัญจกรประจำรัชกาลหรือตราประจำรัชกาลต่างๆที่ซุ้มประตู ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตกลงแล้ว ที่วัดอรุณนี้มีซุ้มประตูกี่รัชกาลแต่เท่าที่ผมสามารถเดินหาได้ ผมเจออยู่ 5 รัชกาล ผมไม่ได้เดินไปทั่ว เพราะบางจุดนั้นคนทั่วไปก็เข้าไปไม่ได้เลยไม่ยืนยันว่าตกลงแล้วที่นี่มีกี่รัชกาลนะครับ 1. ตราครุฑยุดนาค ตราประจำรัชกาลที่ 1 เป็นประตูอยู่ข้างโบสถ์น้อย 2. ตรามหาอุณาโลม รัชกาลที่ 1 เป็นประตูทางเข้าพระปรางค์ 3. ตรามหาปราสาทเป็นตราประจำรัชกาลที่ 3 อยู่ทางตะวันออกด้านติดกับห้องน้ำติดพระปรางค์ 4. พระมหาพิชัยมงกุฏ ตราประจำรัชกาลที่ 4 อยู่ตรงประตูทางตะวันตกของพระปรางค์ 5.ตราพระเกี้ยว ตราประจำรัชกาลที่ 5 ประตูนี้อยู่ตรงทางออกทางด้านท่าเรือ เนี่ยละครับจุดน่าสนใจทั้ง 12 จุดที่ผมว่าน่าสนใจแต่จริงๆแล้วในวัดอรุณนี้ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกหลายจุด มีทั้งเรื่องภาพวาดฝาผนังต่างๆ รูปแบบการก่อสร้าง ศิลปะต่างๆ ซึ่งมีอีกเยอะมากที่รอให้คุณเข้าไปเยี่ยมชมกัน ใครว่างๆลองไปดูตามที่ผมแนะนำนะครับ แล้วคุณจะได้รู้ว่าจริงๆแล้ววัดอรุณฯ มีดีมากกว่าพระปรางค์จริงๆ