ความเชื่อและข้อห้าม เป็นสิ่งที่ถูกส่งต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย หลายความเชื่อมีขึ้นมาเพื่ออบรมสั่งสอนและห้ามปรามลูกหลาน โดยใช้วิธีการหลอกให้กลัว เพียงเพราะไม่อยากพูดเหตุผลตามตรง เพราะเด็กหากไม่เกิดความกลัว ก็อาจจะอยากลองทำสิ่งนั้นอย่างแน่นอน ผู้ใหญ่จึงได้นำเอาเรื่องโชคลาง ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ หรือแม้กระทั่งวิทยาศาสตร์อย่างหลักจิตวิทยาเข้ามาช่วย วันนี้ผู้เขียนขอยกตัวอย่างข้อห้ามตามความเชื่อแบบโบราณ ที่ผู้ใหญ่มักนำมาใช้หลอกเด็ก ๆ กัน จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกัน กับ "15 ข้อห้ามที่ผู้ใหญ่มักใช้หลอกเด็ก" 1. ห้ามเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืน เพราะเดี๋ยวผีลักซ่อนคำกล่าวห้ามเด็ก ๆ เล่นซ่อนแอบตอนกลางคืนหรือตอนพลบค่ำนั้น มาจากการที่ผู้ใหญ่กลัวเด็กเล่นกันแล้วหากันไม่เจอ หรือเถลไถลกันไปไกล ยิ่งช่วงมืดก็จะยิ่งมองอะไรไม่เห็น อาจเกิดอันตรายหรือเจอสัตว์ดุร้ายเอาได้ ผู้ใหญ่จึงใช้การหลอกผีเพราะเป็นห่วงเด็ก ๆ 2. ห้ามแอบดูคลิปหรือรูปโป๊ เพราะตาจะเป็นกุ้งยิงที่จริงแล้วสาเหตุของอาการ ‘ตากุ้งยิง’ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดูรูปหรือคลิปโป๊ แต่เป็นการปลูกฝังให้เด็กไม่ไปดูอะไรก่อนวัยอันควร จึงได้เลือกใช้วิธีนี้ขู่กัน และหากตอนเด็ก ๆ ใครที่ตาบวมหรือเป็นตากุ้งยิงก็มักจะโดนล้อว่าไปแอบดูใครโป๊มากันแทบทุกคน 3. ห้ามนอนกินอาหาร เพราะเดี๋ยวชาติหน้าจะเกิดเป็นงูที่ต้องขู่เด็ก ๆ ด้วยความเชื่อของภพชาติ ความจริงแล้วเป็นเพราะต้องการจะไม่ให้ขี้เกียจจนเกินไป และ เนื่องจากไม่ถูกสุขลักษณะ อาจทำให้อาหารไปติดหลอดลมได้ 4. ห้ามตากผ้ากลางคืน เพราะเดี๋ยวกระสือจะมาเช็ดปากเหตุผลจริง ๆ ของการห้ามตากผ้าตอนกลางคืน เนื่องจากถ้าตากผ้าตอนกลางคืนนอกจากจะทำให้ผ้าอับชื้น เสี่ยงต่อการขึ้นรา เปียกน้ำค้าง และอาจจะมีสัตว์หรือแมลงมีพิษไปเกาะตามเสื้อผ้าแล้ว ยังเสี่ยงต่อการถูกขโมยอีกด้วย (บ้านสมัยก่อนไม่ได้มีรั้วรอบขอบชิดเหมือนกับปัจจุบัน) 5. ห้ามตัดผมวันพุธ เพราะไม่เป็นสิริมงคลการห้ามนี้ ความจริงแล้วเกิดจากการที่ต้องการให้ช่างได้พักผ่อน เนื่องจากทำงานมาแล้ว 3 วัน จึงอยากให้ได้พักสักวัน แล้วค่อยกลับไปทำงานต่ออีก 3 วัน 6. ห้ามตัดเล็บตอนกลางคืน เพราะเดี๋ยวบรรพบุรุษจะอยู่ไม่เป็นสุขการห้ามตัดเล็บตอนกลางคืนนั้น เนื่องจากสมัยก่อนบ้านเรือนบางแห่งไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง (สมัยก่อนอาจใช้วิธีจุดตะเกียง) ทำให้ตอนกลางคืนค่อนข้างมืด และผู้ใหญ่กลัวว่าเด็กจะมองไม่ค่อยเห็น จนอาจตัดพลาดไปเข้าเนื้อได้ 7. อย่าชมเด็กแรกเกิดว่า “น่ารัก” ไม่งั้นผีจะเอาตัวไปอยู่ด้วยอย่าชมเด็กว่า “น่ารัก” แต่ให้ชมว่า “น่าชัง” แทน สาเหตุเป็นเพราะเวลามีคนชมเด็กคนไหนว่าน่ารัก ก็มักจะมีคนมาขออุ้มหรือขอเล่นด้วยบ่อย จนกลัวว่ามีใครแอบขโมยเด็กไปได้ 8. ห้ามเด็กเล่นเงาในตอนกลางคืน เพราะเดี๋ยวนายเงาจะนำเด็กไปโยนทะเลความจริงแล้วที่ผู้ใหญ่ไม่อยากให้เราเล่นเงาในตอนกลางคืน เป็นเพราะเงาเป็นสีดำ และยิ่งเราเล่นในช่วงก่อนเข้านอน จะทำให้เด็กเก็บเอาไปฝันร้าย หรือสะดุ้งตื่นระหว่างคืนได้ 9. ห้ามกลืนเมล็ดผลไม้เข้าไป เพราะเดี๋ยวมันจะไปโตในท้องเด็กหลายคนที่ยังไม่รู้ประสา หรืออาจจะเพราะความขี้เกียจ จนทำให้ไม่ค่อยคายเมล็ดผลไม้กัน ทำให้ผู้ใหญ่ต้องออกอุบายขึ้นมา ก็เพราะเป็นห่วงเด็ก ๆ กลัวว่าเมล็ดจะติดคอ 10. ห้ามกวาดบ้านตอนกลางคืน เพราะเดี๋ยวกวาดเงินกวาดทองออกจากบ้านแท้จริงแล้วต้นเหตุความเชื่อนี้ เนื่องจากบ้านสมัยก่อนนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ และบ้านส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง และพื้นบ้านก็ปูด้วยไม้ ทำให้มีร่องเล็ก ๆ ระหว่างรอยต่อของไม้ หากกวาดบ้านในตอนกลางคืนก็อาจจะเผลอกวาดสิ่งของมีค่า หรือของที่มีขนาดเล็กตกลงไปใต้ถุนบ้านและหาไม่เจอก็เป็นได้ จึงได้ใช้กลอุบายนี้ในการห้าม 11. ห้ามเล่นหมากเก็บตอนกลางคืน เพราะเดี๋ยวผีจะมาเล่นด้วยผู้ใหญ่มักหลอกเด็กว่าหากเล่นหมากเก็บตอนกลางคืนแล้วผีจะมาเล่นด้วยนั้น ความจริงแล้วเป็นเพราะสมัยก่อนเด็กจะเล่นหมากเก็บที่เป็นหิน เอามาโยนเล่นกัน และบ้านสมัยก่อนทำด้วยไม้ ยิ่งนำมาเล่นในตอนกลางคืนจะยิ่งส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น 12. ห้ามข้ามหนังสือ เพราะเดี๋ยวจะทำให้โง่เหตุผลที่จริง ๆ แล้วผู้ใหญ่ไม่อยากให้เราข้ามหนังสือนั้นเป็นเพราะต้องการให้เราเป็นคนรู้คุณค่าของสิ่งของ ยิ่งหนังสือเป็นสิ่งให้ความรู้แก่เราด้วยแล้วยิ่งไม่ควรข้าม 13. ห้ามผิวปากตอนกลางคืน เพราะเหมือนเป็นการเรียกผีที่ผู้ใหญ่สอนว่าห้ามผิวปากตอนกลางคืนนั้น ก็เพราะว่ามันเป็นการส่งเสียงดังทำให้เกิดความรำคาญ และบ้านสมัยก่อนก็เป็นป่า เป็นเขา เป็นทุ่ง หากส่งเสียงผิวปากอาจเหมือนเป็นการเรียกพวกสัตว์ร้ายได้ 14. ห้ามชี้รุ้งกินน้ำ เพราะเดี๋ยวนิ้วจะขาดสาเหตุที่ผู้ใหญ่พากันห้ามไม่ให้ชี้รุ้งกินน้ำ อาจเป็นเพราะรุ้งกินน้ำเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เป็นเรื่องปกติ แต่เด็ก ๆ เมื่อเห็นมักชี้ชวนเพื่อน ๆ หรือคนรอบข้างให้ดู เอะอะเสียงดัง ผู้ใหญ่จึงรำคาญเลยหลอกว่านิ้วจะด้วน 15. ห้ามร้องเพลงในห้องครัว เพราะเดี๋ยวจะได้ผัวแก่ที่โบราณห้ามไม่ให้ผู้หญิงร้องเพลงในห้องครัว แต่ไม่ห้ามผู้ชาย เพราะสมัยก่อนค่านิยมยังมีแค่ผู้หญิงที่เข้าครัวทำอาหาร การหลากว่าถ้าร้องเพลงแล้วจะได้ผัวแก่นั้นเป็นอุบาย เพื่อให้ผู้หญิงตั้งใจประกอบอาหาร หากมัวแต่ร้องเพลงอาจปรุงอาหารผิด หรืออาจทำอาหารไหม้ได้ อีกอย่างที่สำคัญ คือ หากร้องเพลงระหว่างทำอาหาร อาจมีน้ำลายกระเด็นตกไปในอาหารได้ ผู้ใหญ่จึงได้ห้ามไว้ก่อน เป็นอย่างไรบ้าง กับ 15 ข้อห้ามที่ผู้ใหญ่มักใช้หลอกเด็ก ที่ผู้เขียนรวบรวมมาในบทความนี้ มีใครเคยโดนผู้ใหญ่หลอกเรื่องไหนกันบ้าง วันนี้คงได้รู้กันแล้วถึงเหตุผลจริง ๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่อยากบอกเราตรง ๆ หลายข้อห้ามก็ถือเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งเตือนเรา และนำทางการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ส่วนตัวผู้เขียนเคยมีประสบการณ์โดนหลอกอยู่เยอะมาก เกือบจะครบทั้ง 15 ข้อเลย ไม่ว่าจะเป็นห้ามเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืน, ห้ามชี้รุ้งกินน้ำ, ห้ามผิวปาก, ห้ามข้ามหนังสือ, ห้ามกลืนเมล็ดผลไม้, ห้ามนอนกิน, ห้ามตัดเล็บตอนกลางคืน รวมถึงห้ามชมเด็กว่าน่ารัก แต่ให้ชมว่าน่าชังแทน ซึ่งตอนเป็นผู้เขียนก็จะแอบมีทำบ้าง เช่น แอบกลืนเมล็ดแตงโม, อาบตัดเล็บตอนกลางคืน, แอบผิวปาก และชอบชมเด็กว่าน่ารัก (เพราะเด็กดูน่ารักจริง ๆ ) สำหรับมุมมองผู้เขียน เมื่อตอนเป็นเด็ก ผู้เขียนถูกสอนมาด้วยข้อห้ามต่าง ๆ บางครั้งก็เกิดคำถาม แต่คำตอบที่ได้ก็คือเรื่องความเชื่อต่าง ๆ ที่ผู้ใหญ่มักนำมาใช้ให้เรารู้สึกกลัว และแน่นอน เด็กเมื่อถูกหลอกอะไรบ่อย ๆ ก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา และหลงเชื่อไปจริง ๆ แต่เมื่อโตขึ้นและได้รู้เหตุผลที่แท้จริงและที่มาของข้อห้ามทั้ง 15 ข้อ ผู้เขียนก็เริ่มเข้าใจผู้ใหญ่ถึงเหตุผลที่นำความเชื่อและความกลัวมาหลอก ก็เพื่อปกป้องและสั่งสอนให้ลูกหลานประพฤติตนดี เพราะบางทีเด็กก็ไม่สามารถเข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่ได้จริง ๆ การใช้วิธีหลอกให้กลัวจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า พอเด็กโตขึ้นมาก็ให้เขาได้เรียนรู้เอง ภาพปก จาก Canvaภาพประกอบ จาก ภาพที่ 1 Canva, ภาพที่ 2 Canva, ภาพที่ 3 Canva, ภาพที่ 4 Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !