“อยากเจอสิ่งที่ชอบ คณะที่อยากเรียน งานที่อยากทำ แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรสักที” เมื่อคุณหาตัวเองเจอ คุณจะเจอกับสิ่งที่คุณชอบ และจะไม่ต้องทนอยู่กับคณะที่เรียนแล้วไม่มีความสุข งานที่ทำแล้วเป็นทุกข์ แถมชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย เสียทั้งเวลา เสียทั้งสุขภาพจิตอีกนี้แหละครับ ข้อดีของการหาตัวเองเจอตั้งแต่เนิ่นๆ คุณจะไม่ต้องเจอกับปัญหาพวกนี้เด็กหลายคนในวัยเรียน มุ่งมั้นตั้งใจเรียน ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือสอบ เพื่อที่จะสอบเข้ามหาลัยดีๆ คณะที่จบแล้วมีอาชีพทำที่มั่นคง แต่กลับไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองเลยว่า “คณะที่จะเรียน อาชีพที่จะทำ ตัวเองอยากทำอาชีพนี้จริงๆ ไหม?”ผมไม่ได้จะสื่อว่า “คณะที่คุณเลือกเรียน อาชีพที่มั่นคงมันไม่ดี. แต่ผมอยากให้คุณตั้งคำถามกับตัวเองให้ดีๆ ว่า “คณะนี้ อาชีพนี้เป็นสิ่งที่ตัวเองอยากทำจริงๆ แล้วรึป่าว?”ในหนังสือ “คำถามสำคัญกว่าคำตอบ” ของ “พี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันทร์” เขียนว่า “คำถามบอกทิศ คำตอบบอกทาง” การที่คุณตั้งคำถามดีๆ กับตัวเองสักหนึ่งหรือสองคำถาม คำถามเหล่านี้จะช่วยบอก “ทิศ” คุณสู่เป้าหมายที่อยากไป สิ่งที่คุณอยากเป็น และเมื่อคุณก้าวเดินออกไป คุณจะค้นพบคำตอบซึ่งเป็น “ทาง” ให้คุณมุ่งสู่เป้าหมายที่อยากถึงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่า ควรตั้งคำถามแบบไหนถึงจะเจอคำตอบที่ใช่ เจอคณะที่อยากเรียน อาชีพที่อยากทำ เพราะผมรู้ดีว่า การจะค้นหาตัวเองให้เจอนั้น เป็นเรื่องยากมาก และมันจะยากขึ้น เมื่อคุณยังอายุน้อยแต่ข่าวดีคือ ผมมี 3 วิธีการที่จะช่วยให้คุณเจอตัวเองและสิ่งที่ชอบเร็วขึ้น ช่วยคุณหาคณะที่อยากเรียน อาชีพที่อยากทำ แต่คุณต้องสัญญากับผมด้วยว่า เมื่อคุณรู้วิธีการพวกนี้แล้ว คุณจะลงมือทำ เพราะถ้าคุณอ่านบทความแล้วไม่ลงมือทำ มันก็เหมือนว่าคุณไม่ได้อ่านบทความนี้1.ลองทำให้มาก ถามใจตัวเองให้เยอะข้อนี้เป็นข้อที่ผมเชียร์ให้คุณทำมากที่สุด เพราะ การลองทำอะไรหลายอย่าง จะทำให้คุณรู้ว่าตัวเองถนัดหรือด้อยในเรื่องอะไร แล้วยิ่งถ้าคุณรู้ว่า ตัวคุณเองไม่เก่งหรือแย่ในเรื่องอะไร คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนหรือทำงานในเรื่องที่คุณไม่ได้เก่งมีคำพูดติดปากจากอาจารย์มหาลัยที่ผมเรียนอยู่ว่า “หาจุดแข็งของตัวเอง และอยู่ในที่ๆ มีโอกาส” เมื่อคุณได้ลองทำกิจกรรมต่างๆ หรือทำงานมาเยอะ คุณจะรู้ว่า “จุดแข็ง” ของคุณคืออะไร “จุดอ่อน” ของคุณคืออะไรแล้วหลังจากนั้น คุณก็เอาเวลาไปพัฒนาจุดแข็งของคุณให้เก่งมากขึ้น ส่วนจุดอ่อนก็พัฒนาไปด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลาพัฒนาจุดอ่อนจนให้กลายเป็นจุดแข็ง ให้คนที่เก่งในเรื่องที่คุณอ่อนมาช่วยคุณและเอาเวลาที่เหลือไปพัฒนาจุดแข็งให้กลายเป็นจุดขายจะดีกว่า2.อ่านหนังสือให้เยอะ แล้วทางเลือกจะมากขึ้น“คนประสบความสำเร็จทุกคนอ่านหนังสือ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่อ่านหนังสือจะประสบความสำเร็จ” แต่อย่างน้อยเมื่อคุณอ่านหนังสือ คุณก็เหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จแล้วรู้ไหมครับว่า “อดีตมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกอย่าง บิล เกตส์ อ่านหนังสือประมาณ 50 เล่มต่อปี ตกเฉลี่ยระมาณ 4-5 เล่มต่อเดือน”กว่าหนังสือแต่ละเล่มจะถูกเขียนขึ้นมา ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ของผู้เขียน ดังนั้น เมื่อคุณอ่านหนังสือ 1 เล่ม นั้นหมายความว่า คุณได้รับเอาประสบการณ์และทักษะจากผู้เขียนมาด้วย ซึ่งมันจะทำให้คุณประหยัดเวลาค่าประสบการณ์ไปหลายสิบปีเลยเช่น เมื่อคุณอ่านหนังสือทำธุรกิจ คุณจะรู้ว่าคุณต้องเริ่มต้นทำธุรกิจจากตรงไหน ข้อผิดพลาดที่คนทำธุรกิจผิดพลาดบ่อยคืออะไร สิ่งเหล่านี้จะได้จาการอ่านหนังสือ หรือถามคนที่มีประสบการณ์เท่านั้นแต่ถ้าคุณเริ่มธุรกิจโดยที่คุณไม่มีความรู้เลย เมื่อเกิดปัญหา เช่น หมุนเงินไม่ทัน สินค้าล้นสต็อก คุณจะต้องเสียเวลาหรือเสียเงินในการแก้ปัญหาพวกนี้ การจะรู้ว่า “ตัวคุณชอบอะไร” คุณจะต้องมีความรู้ระดับนึง จากสิ่งที่คุณ “คิดว่าชอบ” และอ่านหนังสือจะช่วยให้คุณรู้ได้เร็วขึ้นว่า สิ่งที่คุณ “คิดว่าชอบ” คือ “สิ่งที่ชอบ” รึป่าว?3.ถามคนที่มีประสบการณ์ ถ้าไม่อยากเสียเวลาถ้าการอ่านหนังสือ ไม่ใช่แนวทางที่คุณชอบ ข้อนี้ผมคิดว่า คุณน่าจะทำได้ เพราะ ส่วนใหญ่คนที่มีประสบการณ์หรือประสบความสำเร็จมาแล้ว พวกเขามักจะยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้ของพวกเขา แต่ “แค่คุณเอ่ยปากถามพวกเขาเท่านั้น”ตอนที่ผมฝึกงานอยู่ที่กรุงเทพ ผมบังเอิญเจอหอพักแห่งหนึ่ง ซึ่งทำเลดีมาก อยู่ใกล้ที่ฝึกงาน ข้างๆ มีตลาด ต่อวินมอเตอร์ไซค์อีกหน่อยก็ถึงสถานีรถไฟฟ้า ในใจผมคิดว่า เจ้าของหอพักคงเป็นคนที่มีประสบการณ์ในด้านอสังหาฯให้เช่าแน่ๆ เพราะทั้งทำเลที่ตั้งของหอพัก ทั้งการเดินทางที่สะดวกขนาดนี้พอผมถึงหอพัก มันก็ใช่อย่างที่ผมคิดจริงๆ เจ้าของหอพักมีอสังหาฯที่บริหารอยู่อีก 10 แห่ง และอยู่ในวงการนี้ 13 ปี หลังจากนั้นผมก็ถามทั้งเรื่อง เจ้าของหอพักเริ่มต้นทำอสังหาฯยังไง บริหารยังไง และคำถามอีกเป็นสิบที่ผมสงสัย เจ้าหอพักก็ตั้งใจตอบผมทุกคำถาม อีกทั้งเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาตลอดเวลา 13 ปี ของการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเมื่อคุณเอ่ยปากถามคนที่มีประสบการณ์ในด้านที่คุณสนใจ บางครั้งคุณอาจจะได้มากกว่าความรู้จากที่เรียนในห้องเรียนหรือจากการอ่านหนังสือ ดังนั้น “อยากรู้อะไรให้เอ่ยปากถาม แล้วคุณจะได้คำตอบ”ทั้งสามข้อนี้เป็นสามข้อที่ผมใช้ในการค้นหาตัวเองให้เจอ ซึ่งอาจจะมีบางข้อที่ไม่ตรงกับจริตใคร เช่น การอ่านหนังสือ ผมก็อยากจะบอกว่า การฟังพอดแคสต์ ฟังเรื่องเล่า ประสบการณ์ที่คนอื่นเล่า ก็ช่วยให้คุณค้นหาตัวเองเจอได้เช่นกัน หรือการทำแบบทดสอบต่างๆ ที่ทำให้คุณรู้ว่าคุณเหมาะกับอาชีพอะไร ก็เป็นหนึ่งในวิธีนึงที่คุณทำได้ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากพัฒนาตัวเอง และชอบหาความรู้ใหม่ๆ จากการอ่านหนังสือคุณสามารถติดตามผมได้ที่ คุณบูทบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจรีวิว WINK มั่งคั่งมากกว่าที่ตาเห็น หนังสือสร้างวิสัยทัศน์สู่เป้าหมายที่สำเร็จรีวิว The Richest man in Babylon เศรษฐีชี้ทางรวย ฉบับ Visual bookรีวิว พ่อรวยสอนลูก หนังสือการเงินส่วนบุคคลอันดับ 1 ตลอดกาลรีวิว หนังสือ ทำน้อยแต่รวยมาก ฉบับปรับปรุง the 4-Hour workweekขอบคุณภาพภาพปกNoelle Otto | Pexelภาพประกอบภาพที่ 1 Pixabay | Pexal ภาพที่ 2 Engin Akyurt | Pexal ภาพที่ 3 Karolina Grabowska | Pexal ภาพที่ 4 Tima Miroshnichenko | Pexal ภาพที่ 5 Artem Podrez | Pexal เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !