'การวิ่ง' กลายเป็นอีกเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการดูแลตัวเองและดูแลสุขภาพ หันมาออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการวิ่งที่หลายคนชื่นชอบ เพราะสามารถทำได้ง่ายด้วยตนเอง เกิดการนำการวิ่งมาจัดเป็นงานวิ่งการกุศลมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าการวิ่งในงานวิ่งการกุศลนั้นมักจะมีระยะทางการวิ่งที่ค่อนข้างยาวไกลเลยทีเดียว หลายคนต้องฝึกที่จะวิ่งให้ได้ในระยะทางที่ยาว หรือบางคนก็พยายามจะออกไปวิ่งในงานการกุศลเพื่อฝึกร่างกายในการแข่งขันวิ่งมาราธอน แน่นอนว่าการวิ่งให้ได้ไกลเป็นสิ่งที่หลายคนปราถนา แต่การวิ่งให้ได้ไกลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถหากเรารู้เทคนิคที่จะทำให้เราพัฒนาการวิ่งได้ ดังนั้นวันนี้ NP's Review เลยได้นำ 4 เคล็ด(ไม่)ลับช่วยให้คุณวิ่งได้ไกลมากขึ้นมาฝากผู้อ่านทุกท่าน เครดิตรูปภาพ : pexels.com 1. ฝึกฝนร่างกายด้วยการฝึกซ้อมวิ่งระยะไกลกว่ากว่าที่เคยวิ่ง เคล็ด(ไม่)ลับแรกที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ก็คือการฝึกฝนร่างกายนั่นเอง โดยการฝึกฝนร่างกายนั้นคือการที่นักวิ่งจะต้องฝึกซ้อมวิ่งในระยะทางที่ไกลกว่าปกติที่เคยวิ่ง เพื่อทำให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัว ซึ่งหากอยากใช้เทคนิคนี้ก็ต้องลองจัดตารางการซ้อมให้ดี เราแนะนำว่าอย่างน้อยควรมีวันที่ต้องฝึกวิ่งระยะไกลกว่าปกติ 1 วันต่อสัปดาห์ ไม่ควรมากกว่า 2 วันต่อสัปดาห์ เพราะร่างกายอาจจะปรับตัวไม่ทันและทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บได้ ดังนั้นจึงต้องหาวันเวลาและระยะทางการฝึกซ้อมที่เหมาะกับตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนก็มีพื้นฐานทางด้านร่างกายที่แตกต่างกันจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกซ้อมให้เหมาะสมกับตนเอง คนที่เป็นมือใหม่อาจจะต้องเริ่มจากระยะทางที่ไม่ไกลมาก แล้วค่อยไต่ระดับระยะทางที่ยาวขึ้น เครดิตรูปภาพ : unsplash.com 2. วิ่งในระดับความเร็วที่ไม่เร็วเกินไป สำหรับใครที่กำลังฝึกซ้อมเพื่อจะเข้าร่วมกิจกรรมวิ่งการกุศลหรือลงแข่งขันวิ่งมาราธอน แน่นอนว่าเป้าหมายสำคัญคือการวิ่งให้ถึงเส้นชัย แต่หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า 'ความเร็ว' คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งจริง ๆ แล้วนั้น ความเร็วก็เป็นส่วนหนึ่งของการวิ่งมาราธอนหรือวิ่งระยะไกล แต่หัวใจสำคัญคือการที่คุณสามารถมีร่างกายที่อึดมากพอที่จะวิ่งในระยะไกลได้โดยที่ความเร็วในการวิ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างคงที่ จึงไม่ควรที่จะฝึกซ้อมโดยการวิ่งโดยใช้ความเร็วมาก ๆ เพราะนั่นจะไม่ช่วยในการวิ่งระยะไกลได้ หนำซ้ำอาจทำให้คุณไม่เหลือพลังงานร่างกายในการวิ่งและอาจไปไม่ถึงเส้นชัยก็เป็นได้ สิ่งที่ควรทำคือการอย่าเร่งฝีเท้ามากจนเกินไป วิ่งอย่างผ่อนคลายและไม่เครียดจนเกินไป โดยมีข้อควรจำคือให้คุณลดความเร็วการวิ่งลงในทุก ๆ 1 ไมล์ เป็นระยะเวลา 1.00-2.00 นาที แล้วค่อยเร่งความเร็วของการวิ่งอีกครั้ง ก็จะช่วยให้คุณจัดการกับร่างกายได้ ไม่เหนื่อยเกินไปอีกด้วย เครดิตรูปภาพ : pexels.com 3. วิ่งสลับเดินช่วยประหยัดพลังงาน เคล็ด(ไม่)ลับข้อต่อมาคือการวิ่งสลับเดินนั่น เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่หลายคนทราบกันดี ซึ่งเทคนิคนี้เป็นอีกเทคนิคที่จะช่วยให้เหล่านักวิ่งนั้นประหยัดพลังงาน เพราะหากคุณวิ่งยาว ๆ โดยที่ไม่เว้นระยะให้ได้ลดความไวฝีเท้านั้นแน่นอนว่าจะสามารถทำให้คุณวิ่งในระยะไกลได้ดีและทำเวลาได้ แต่การจะวิ่งต่อเนื่องในลักษณะนั้นได้จำเป็นจะต้องให้ร่างกายเคยชินเสียก่อน ซึ่งความเคยชินนี้เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน แต่สำหรับใครที่ยังมือใหม่และยังฝึกฝนร่างกายไม่มากพอ การวิ่งและสลับเดินบ้างเมื่อเริ่มเหนื่อย ก็จะช่วยให้คุณวิ่งได้ต่อเนื่องได้มากกว่าการวิ่งยาว ๆ แล้วหมดแรงไปเสียก่อน ดังนั้นหากรู้สึกว่าเหนื่อยมากจนถึงจุดที่จะต้องผ่อนฝีเท้าก็ลองสลับเดิน อย่าฝืนร่างกายเกินไป เพราะอาจจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้ เป็นยังไงกันบ้างกับทั้ง 3 เคล็ด(ไม่)ลับที่เราได้นำมาฝากนักอ่านที่กำลังจะเป็นนักวิ่งหรือเป็นนักวิ่งอยู่แล้ว เทคนิคต่าง ๆ สามารถทำตามได้ง่าย ๆ โดยหัวใจสำคัญคือการหมั่นฝึกฝนร่างกาย เพราะการวิ่งระยะไกลนั้นอาศัยความอึดของร่างกายพอสมควร และที่สำคัญคือการวิ่งอย่างผ่อนคลาย มีความสุขไปกับการวิ่ง ถ้าหากไม่ไหวก็ลองเดินสลับวิ่ง หากทำได้ตามที่เราแนะนำ รับรองว่าการลงสนามวิ่งครั้งต่อไปของคุณจะต้องสนุกขึ้นอย่างแน่นอน