4 รายการ Reality สุดปัง ที่ Netflix จัดให้ !! ถ้าคุณได้ลองไถ Netflix ไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายแล้วรู้สึกว่า หนังก็ตาม ซีรี่ส์ก็ดี มันเริ่มไม่มีอะไรจะดูแล้ว ผมอยากแนะนำ 4 รายการ Reality สนุกๆ เน้นความสมจริงกับอะไรสวยๆ งามๆ กันดูบ้าง กับ 4 รายการที่คัดเลือกมาแล้วว่า ปัง สนุก ยิ่งกว่าดูซีรี่ส์ซะอีก อย่างไรก็ตาม ในบรรดา 4 รายการที่ผมนำมานำเสนอให้กับท่านผู้อ่านในครั้งนี้ จะไม่มีรายการประเภททำอาหารนะครับ ถ้าใครสนใจรายการทำอาหาร ผมขอแนะนำไปชมกันที่ลิงก์นี้นะครับ ผมได้ทำการรวบรวมรายการทำอาหารสนุกๆ ที่อยู่ในช่องทาง Streaming Service อย่าง Netflix ไว้เรียบร้อยแล้ว คลิกเลย ทีนี้เรามาดูกันว่า 4 รายการที่ผมนำมาแนะนำในครั้งนี้ ประกอบด้วยรายการอะไรบ้าง และจะแซ่บ เผ็ด เด็ดดวงขนาดไหนNext in Fashion มาเริ่มกันที่รายการแรกกับ Next in Fashion รายการแข่งขันการทำเสื้อผ้าแฟชั่นสุดจี๊ดจ๊าด รายการนี้จะทำการจับเอาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 18 คน ซึ่งเป็น Designer มือฉมัง มาจับคู่กันและสรรค์สร้างแฟชั่นเสื้อผ้าด้วยกันผ่านโจทย์โหดหิน ภายในระยะเวลาที่กำหนด คอนเซ็ปต์เก๋ๆ อย่างแรกของรายการก็คือ ในช่วงการสร้างสรรค์ พวกเขาจะได้มารวมกันอยู่ในโกดังที่ถูดดัดแปลงให้เป็นสถานที่ทำงานหลัก ที่มาพร้อมผ้าหลากหลายชนิดที่แทบจะขนมาจากทั่วโลก (ถ้าใครนึกภาพไม่ออก ให้นึกสภาพของ Supermarket ของ Master Chef ที่มีวัตถุดิบละลานตา แต่แทนที่ของกินด้วยวัตถุดิบสำหรับทำเสื้อผ้าแทน)เมื่อช่วงของการสร้างสรรค์จบลง โกดังแห่งนี้จะถูกดัดแปลงให้เป็นเวทีแฟชั่นโชว์สุดอลังการตามโจทย์ที่ตั้งไว้ในแต่ละสัปดาห์ ผู้เข้าแข่งขันในรายการนี้มาจากหลากหลายทั่วโลก นำโดย อเมริกา อังกฤษ แคนาดา อิตาลี สกอตแลนด์ เปอร์โตริโก เม็กซิโก อินเดีย ไปจนถึง จีน และ เกาหลีใต้ คือมีความหลากหลายสูงมาก ทำให้เราได้เห็นสไตล์แฟชั่นที่หลากหลายมากๆ ตั้งแต่แบบหลุดโลก สีสันฉูดฉาด ไปจนถึงเรียบหรูดูเนี๊ยบแบบช่างตัดสูทในช่วงเริ่มต้น พวกเขาจะต้องสร้างสรรค์งานแฟชั่นเป็นคู่ และถูกคัดออกเป็นคู่เช่นกัน เมื่อการแข่งขันงวดขึ้น พวกเขาจะถูกจับแยกกัน และเริ่มการแข่งขันอันดุเดือดเพื่อชิงชัยเป็นที่ 1 เพียงคนเดียว ถ้าใครเคยดูรายการอย่าง Project Runway รายการนี้น่าจะทำให้คุณเพลิดเพลินกว่ามาก เพราะความฉูดฉาดอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งในงานแฟชั่น ตัวผู้เข้าแข่งขัน และพิธีกรรายการอย่าง Alexa Chung สาวพราวเสน่ห์และ Tan France หนุ่มสายแฟชั่นจากรายการ Queer Eye รวมถึงแขกรับเชิญที่มาเป็นกรรมการตัดสิน ล้วนแล้วแต่สร้างสีสันให้รายการดูสนุกและเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก แอบบอกว่า ในตอนท้ายๆ มีการเชิญกรรมการตัดสินจากเสื้อผ้าแบรนด์ดังระดับโลกมาด้วยนะ จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่นจำนวนตอน: 10 ตอนเวลาเฉลี่ยต่อตอน: 50 นาทีGlow Up รายการที่สอง เป็นของฝั่งอังกฤษกันบ้าง ในเมื่อมีการทำเสื้อผ้าไปแล้ว ก็มาดูกันต่อที่รายการแต่งหน้ากันบ้างกับ Glow Up รูปแบบรายการจะเป็นการนำช่างแต่งหน้าหลากหลายเชื้อชาติทั้งหมด 10 คน มาเข้าร่วมการแข่งขันแต่งหน้าเพื่อชิงเงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์ การแข่งขันในแต่ละตอนจะแบ่งเป็น 3 รอบ รอบแรกเป็นการพาไปลงงานจริงร่วมกับยอดฝีมือช่างแต่งหน้าที่ไล่ไปตั้งแต่ งานแต่งหน้าสำหรับถ่ายแบบลงปกนิตยสาร เดินพรมแดง ไปจนถึงการแต่งหน้าให้เป็นสัตว์ประหลาดสำหรับการแสดงภาพยนตร์เมื่อเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สอง คะแนนจากรอบแรกจะถูกตัดสินว่าใครจะถูกจัดให้อยู่บนเก้าอี้ผ้าแดง ซึ่งเป็นเครื่องหมายของสองคนที่จะถูกแข่งขันกันเพื่อคัดออกในรอบที่สาม โดยในรอบที่สองจะเป็นการแต่งหน้าตามโจทย์ที่กำหนดให้เพื่อพยายามให้ตัวเองออกห่างจากเก้าอี้แดงให้มากที่สุด และในรอบที่สาม รอบการคัดออก จะเป็นเหมือน Pressure Test ของ Master Chef จะเป็นการสู้ตัวต่อตัวระหว่างผู้ที่ได้คะแนนน้อยที่สุดสองอันดับแรกจากสองรอบแรก มาทำการแต่งหน้าแบบต่างๆตามที่กำหนดให้เหมือนต้นฉบับที่สุด ภายในระยะเวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้น ผู้ที่ยืนหยัดอยู่ได้จะได้ไปต่อ ส่วนคนแพ้ก็จะตกรอบและถูกคัดออกไปสัปดาห์ละหนึ่งคนด้วยความที่เป็นรายการสไตล์อังกฤษจ๋าๆ เราเลยอาจจะรู้สึกว่ามันจะง่วงเหงาหาวนอนรึเปล่า แต่เปล่าเลย เป็นรายการที่มีความคิดสร้างสรรค์ทะลุทะลวงออกมาจากผู้เข้าแข่งขันมากมาย และมันไม่ได้มีเทคนิคหรือต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดู มันดูง่าย แค่ใครสวยและไม่สวยก็เท่านั้นเอง รายการนี้จึงเป็นรายการแนะนำอีกรายการหนึ่งที่เอาไว้ดูเพลินๆ ได้ด้วยความยาวเพียง 8 ตอนเท่านั้น ส่วนถ้าใครยังไม่จุใจกับการแต่งหน้าในรายการนี้ อยากจะแนะนำรายการเพิ่มอีกหนึ่งรายการคือ Skin War รายการนี้จะไม่ได้แค่แต่งหน้า แต่ร่างทั้งตัวให้เป็นงานศิลปะเลยหล่ะ หาชมได้ใน Netflix เช่นเดียวกัน จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่นจำนวนตอน: 8 ตอนเวลาเฉลี่ยต่อตอน: 45นาทีLove is Blind สำหรับรายการที่สาม จะเปลี่ยนจากการแข่งขันด้วยทักษะจากการเรียนรู้ในตำรา มาเป็นทักษะชีวิตกันบ้าง คอนเซ็ปต์รายการก็คือ คนสองคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน จะตกหลุมรักกันและแต่งงานกันได้ไหมนะ? รายการได้จับชายหญิงหลากหลายอาชีพ หลากหลายเชื้อชาติและสีผิว รวมถึงหลากหลายเพศสภาพมา โดยให้ชายอยู่รวมกับชาย และหญิงอยู่รวมกับหญิง ในช่วงสัปดาห์แรกของรายการนั้น กลุ่มชายและกลุ่มหญิงจะไม่มีโอกาสได้รู้จักกันผ่านสายตา แต่จะมีห้องสำหรับให้ทั้งคู่มาทำความรู้จักกันโดยไม่เห็นหน้า มีเพียงเสียงและการพูดคุยสนทนาในแต่ละวันเท่านั้นเมื่อช่วงเวลาการทำความรู้จักสิ้นสุดลง ฝ่ายชายจะได้สิทธิ์ในการขอแต่งงานแบบไม่เห็นหน้ากับฝ่ายหญิงคนที่หมายปอง และจะได้พบหน้ากันในที่สุดในสัปดาห์ที่สอง ที่ความเข้มข้นจะเริ่มทวีคูณ เมื่อพวกเขาจะต้องย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน และพบพ่อแม่ของอีกฝ่าย ก่อนที่ท้ายที่สุดในสัปดาห์ที่สาม พวกเขาจะได้เข้าร่วมพิธีแต่งงานกัน และจะต้องตอบคำถามที่สำคัญว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันจริงๆ ใช่หรือไม่ด้วยรูปแบบรายการที่จะทำการทดลองว่า ความรักเกิดขึ้นแบบคนตาบอดหรือไม่แบบชื่อรายการ เราเลยได้เห็นปฏิกิริยาของชายหญิงหลายคนที่มีตั้งแต่ ฉันรักเขา แต่เขาเลือกคนอื่น ฉันรักเขา เขาเหมือนจะรักฉัน แต่ไม่แน่ใจ รักที่ราบรื่นสวยงามเพราะความเข้ากันได้ การทะเลาะเบาะแว้ง คือรายการแทบจะไม่ต้องบิ้วต์อะไรมาก ดราม่าก็พร้อมจะเสิร์ฟให้คุณถึงที่แล้ว เหมือนดูฉากในละครแบบนั้นเลย เป็นรายการที่รอแทบไม่ไหวที่จะดูว่าสุดท้ายแล้ว แต่ละคู่ความสัมพันธ์จะลงเอยกันอย่างไร บางคู่ก็ดูหวานชื่นรื่นรมย์ แต่สุดท้ายกลับไม่ตกลงที่จะแต่งงานจนเกิดดราม่าหน้าชากลางงานแต่ง ขณะที่บางคู่ดูแรงกันทั้งคู่แต่กลับรักกันและแต่งงานกันจริงๆ เป็นรายการจัดจ้านรายการหนึ่งที่เหมือนนั่งดูละครหลังข่าวดีๆ นี่เอง จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่นจำนวนตอน: 11 ตอนเวลาเฉลี่ยต่อตอน: 1 ชั่วโมงToo Hot To Handle ถ้า Love is blind ถามเราว่า ความรักเกิดจากการไม่ตัดสินที่หน้าตาและรูปร่างได้ไหม รายการนี้ก็เหมือนเป็นขั้วตรงข้ามกัน รายการจับเอาหนุ่มสาวหน้าตาดี ฮอต หุ่นแซ่บ คือแค่ดูหนุ่มสาวรายการนี้อย่างเดียวก็เพลินแล้ว รายการจับพวกเขามาอยู่ด้วยกัน ทำความรู้จักกัน และเริ่มความสัมพันธ์แบบ One Night Stand อย่างที่พวกเขาคุ้นเคย แต่แล้วหลังผ่านคืนวันอันเร่าร้อนไปแล้ว รายการก็จะพลิกให้พวกเขาต้องมาทำข้อตกลงกัน นั่นก็คือ นับจากวันนี้ จะไม่มีการมีเซ็กซ์กัน จูบกัน หรือช่วยตัวเองเด็ดขาด หากมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นละก็ เงินรางวัล 100,000 ดอลลาร์จะถูกหักลงไปเรื่อยๆ คอนเซ็ปต์รายการก็คือ พวกเขาจะทนได้ไหมในการที่จะต้องทำความรู้จักกันผ่านการพูดคุยและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แทนที่จะโดดขึ้นเตียงในทันทีหลังเจอกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง รายการนี้ทำเก๋อีกอย่างด้วยการให้มีพิธีกรเป็น AI อัจฉริยะชื่อ Lana ที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่ารายการสร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่ AI อะไรหรอก โดยเธอจะเป็นเครื่องแท่งๆ ตั้งทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ ของเกาะสวรรค์ที่พวกเขาจะต้องอาศัยอยู่ในระยะเวลาหนึ่งเดือน ในแต่ละตอนก็จะมีภารกิจให้พวกเขาได้ร่วมกันทำทั้งการออกกำลังกาย การออกเดต เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะทำความรู้จักกันให้ลึกซึ้งเสียก่อนดีกรีความแซ่บในแง่ดราม่าสำหรับรายการนี้ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารายการ Love is Blind เลย โดยนอกจากดราม่าที่สร้างขึ้นจากผู้เข้าแข่งขันที่มีพลังงานล้นหลามบวกกับความกำหนัดเต็มอัตราในตัวแล้ว Lana ก็เป็นผู้ชักใยอีกตัวที่คอยปลุกปั่นให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ อย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่า คนดูนอกจากจะได้เห็นความแซ่บของผู้เข้าแข่งขันแล้ว ความแซ่บของดราม่าที่จะได้เสพก็ไม่แพ้กันเลย จำนวนซีซั่น: 1 ซีซั่นจำนวนตอน: 9 ตอนเวลาเฉลี่ยต่อตอน: 42 นาที และนี่ก็คือ 4 Reality Show แซ่บๆ ที่พร้อมให้คุณได้ลองชมดูสักตอน แล้วจะรู้ว่า นอกจากติดซีรี่ส์แล้ว เราก็ติดรายการอะไรแบบนี้ได้เหมือนกัน ด้วยความที่แต่ละรายการนั้นมีจำนวนตอนสั้นๆ และแต่ละตอนก็ไม่ได้ยาวอะไร คุณจะพบว่าตัวเองสามารถดูจบได้ในหนึ่งวันแบบไม่ได้หลับได้นอนเลยทีเดียวหล่ะ จริงๆ แล้วมีรายการอีกรายการหนึ่งที่อยากจะใส่ลงไป แต่ผมยังไม่ได้ดูจนจบ จึงอาจนำไปรีวิวให้กับท่านผู้อ่านอีกครั้งในครั้งต่อไป รายการที่ว่าคือ The Big Flower Fight ที่เพิ่งลงใน Netflix สดๆ ร้อนๆ (บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อวันที่ 18/05/2020) ใครสงสัยว่ามันคือรายการอะไร ก็อาจจะแอบไปดูก่อน หรือจะรอดูว่ามันคุ้มค่ารึเปล่ากับการรับชม ขอให้ท่านผู้อ่านรอติดตามกันต่อไปนะครับ เครดิตรูปภาพทั้งหมดเป็น Screenshot จาก Netflix.com ครับ