7 signs of stress plus 8 strategies for dealing with stress.ทุกคนคงเคยตกอยู่ในสภาวะเครียดใช่ไหมล่ะคะ เพราะความเครียดเป็นการตอบสนองตามธรรมชาติต่อความท้าทายและความต้องการในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อมันกลายเป็นเรื้อรัง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต จากภาวะเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ที่ผู้เขียนได้ประสบพบเจอทั้งจากตนเองและบุคคลรอบข้าง ผู้เขียนได้รวบรวม 7 สัญญาณเตือนบางอย่างที่อาจบ่งบอกว่าคุณบางคนกำลังประสบกับความเครียด1. อาการทางกายภาพ อาการทางกายภาพของความเครียดอาจรวมถึงอาการปวดหัว กล้ามเนื้อตึงหรือเจ็บปวด เหนื่อยล้า และนอนหลับยาก 2. อาการทางอารมณ์ อาการทางอารมณ์ของความเครียดอาจรวมถึงความหงุดหงิด วิตกกังวล เศร้า และรู้สึกหนักใจ 3. อาการทางปัญญา อาการทางปัญญาของความเครียดอาจรวมถึงความยากลำบากในการมีสมาธิ การหลงลืม และความคิดที่เร่งรีบ 4. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน การถอนตัวจากสังคม และการใช้ยาหรือแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้น 5. ปัญหาสุขภาพ ความเครียดเรื้อรังสามารถเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพต่างๆ รวมถึงความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และภาวะซึมเศร้า6. ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ความเครียดอาจส่งผลต่อความสามารถในการโฟกัสและการทำงานของแต่ละคน ซึ่งนำไปสู่การลดลงของประสิทธิภาพการทำงานหรือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน7. ปัญหาความสัมพันธ์ ความเครียดเรื้อรังสามารถกดดันความสัมพันธ์ นำไปสู่ความขัดแย้งกับเพื่อน สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าทุกคนมีความเครียดต่างกัน และบางคนอาจมีความเครียดได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ หากมีคนประสบกับอาการเหล่านี้หลายอย่างและรบกวนความสามารถในการทำงานในแต่ละวัน สิ่งสำคัญคือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต พวกเขาสามารถให้คำแนะนำและการสนับสนุนในการจัดการความเครียดและพัฒนากลยุทธ์การเผชิญปัญหาที่ดี แล้วถ้าถามถึงสาเหตุของความเครียด ผู้เขียนยกตัวอย่างคร่าวๆให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นค่ะ ถ้าคุณมีพฤติกรรมหรือตกอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ คุณก็อาจเจอกับภาวะเครียดได้ค่ะ1. เหตุการณ์สำคัญในชีวิต เหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น การเสียชีวิตของคนที่คุณรัก การหย่าร้าง ปัญหาทางการเงิน หรือการสูญเสียงาน สามารถเพิ่มความเสี่ยงของบุคคลที่จะเผชิญกับความเครียดในระดับสูง 2.การเจ็บป่วยเรื้อรัง การเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือมะเร็ง สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความเครียดได้ 3.ขาดการสนับสนุน การขาดการสนับสนุนทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นจากครอบครัว เพื่อน หรือชุมชน สามารถเพิ่มความเสี่ยงของบุคคลที่จะเผชิญกับความเครียดในระดับสูง 4.ความเครียดจากการทำงาน สภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความกดดันสูง ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน และความไม่มั่นคงในการทำงานสามารถเพิ่มความเสี่ยงที่บุคคลจะประสบกับความเครียดได้5.นิสัยส่วนตัว นิสัยส่วนตัวที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น การรับประทานอาหารที่ไม่ดี ขาดการออกกำลังกาย หรือการสูบบุหรี่ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความเครียดของแต่ละคนได้ 6.การบาดเจ็บ เหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การถูกทำร้ายทางร่างกายหรือทางอารมณ์ ความรุนแรง หรืออุบัติเหตุ สามารถเพิ่มความเสี่ยงที่แต่ละคนจะเกิดความเครียดได้ 7.ลักษณะส่วนบุคคล ลักษณะบุคลิกภาพบางอย่าง เช่น แนวโน้มไปสู่ความสมบูรณ์แบบ การมองโลกในแง่ร้าย หรือการไม่สามารถจัดการอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มความเสี่ยงของบุคคลที่จะเผชิญกับความเครียด สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าการมีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งปัจจัยไม่ได้แปลว่าบุคคลนั้นจะมีความเครียดในระดับสูง อย่างไรก็ตาม การตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้สามารถช่วยให้บุคคลดำเนินการเชิงรุกเพื่อลดความเสี่ยง จัดการกับความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอความช่วยเหลือหากจำเป็น8 วิธี ในการรับมือกับความเครียด จากข้างต้น ถ้าเรากับกำลังอยู่ในภาวะเครียด เราควรดูแลตัวเองอย่างไร ซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมจากประสบการณ์ตรงของตัวเองและบุคคลรอบข้าง ได้ 8 วิธีในการรับมือกับความเครียด โดยการดูแลและป้องกันตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการและลดความเครียด ต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์ในการดูแลตนเองและป้องกันความเครียด1. รักษาวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ การรับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายเป็นประจำ และนอนหลับให้เพียงพอสามารถช่วยลดระดับความเครียดได้2.ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ และโยคะ สามารถช่วยลดความเครียดและส่งเสริมความรู้สึกสงบ3. หยุดพัก การหยุดพักอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งวัน แม้จะเป็นเพียงไม่กี่นาที ก็สามารถช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้4.ตั้งเป้าหมายที่เหมือนจริง การตั้งเป้าหมายและลำดับความสำคัญที่เหมือนจริงสามารถช่วยลดความรู้สึกหนักใจและความเครียดได้ 5. สร้างเครือข่ายสนับสนุน การสร้างเครือข่ายสนับสนุนจากเพื่อน สมาชิกในครอบครัว หรือกลุ่มสนับสนุนสามารถให้ความรู้สึกเป็นชุมชนและช่วยให้แต่ละคนรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงในการต่อสู้กับความเครียด 6.ฝึกสติ ฝึกสติ เช่น อยู่กับปัจจุบันและจดจ่อกับงานทีละอย่าง สามารถช่วยลดความเครียดและส่งเสริมความรู้สึกสงบ 7. จำกัดการเปิดรับสถานการณ์ที่ตึงเครียด การจำกัดการเปิดรับสถานการณ์ที่ตึงเครียด เช่น ข่าวเชิงลบหรือความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ สามารถช่วยลดระดับความเครียดได้ 8. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ หากระดับความเครียดท่วมท้น การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตสามารถให้คำแนะนำและการสนับสนุนในการจัดการความเครียดได้สิ่งสำคัญคือต้องให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองและการป้องกันในการจัดการกับความเครียด ด้วยการทำตามขั้นตอนเพื่อลดระดับความเครียด บุคคลสามารถปรับปรุงความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตโดยรวมได้ เรียบเรียงโดย : JuneberryInk เครดิตภาพ : ภาพปก โดย Fotografierende จาก Pexels โดย GDJ จาก pixabay ภาพที่ 1 โดย cottonbro จาก Pexels ภาพที่ 2 โดย terovesalainen จาก pixabay ภาพที่ 3 โดย Arthon meekodong ภาพที่ 4 โดย Vie Studio จาก Pexels ภาพที่ 5 โดย Vie Studio จาก Pexels ภาพที่ 6 โดย Hans จาก Pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !