สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกวันท่าน ทุกคน วันนี้ผมจะมาเเชร์ เทคนิคบริหารเวลา จากคนสำเร็จทั่วโลก ที่ผมได้รวมเเละสรุปเทคนิคไว้ วันนี้จะเอามาเเชร์กันเผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ทุกท่านทุกคน บางคนอาจจะใช้เทคนิคนี้อยู่ หรือ บางคนอาจจะยังไม่เคยรู้ ก็เอามาเเชร์กันครับ จะบอกก่อนว่า ผมเอง ก็ใช้เทคนิคนี้อยู่ เเละได้อ่านจากหนังสือหลายๆ เล่ม เคยโพสต์ลงเพจ ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี เลยอยากจะเอามาเเชร์กันไว้อีกสักที่ ไปดูกันครับว่าเทคนิคที่ผมว่ามา มีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยย!1. Pomodoro เป็นเทคนิคการบริหารเวลา คิดค้นโดยชาวอิตาลี เป็นการเเบ่งเวลาง่ายๆ คือ ทำงาน 25 : พัก 5 นาที ทำให้เราจดจ่อเเละมีสมาธิมากขึ้นข้อดีส่วนตัวจากที่ใช้เทคนิคนี้ ผมคิดว่ามันทำให้เราโฟกัสมากขึ้น ด้วยความที่เวลามันกำหนดเเค่ 25 นาที ทำให้เราโฟกัสเเต่ละงานได้ดีขึ้น ทำงานนั้นได้ไวขึ้นครับ เหมือนตัวเรากำลังเร่งเพื่อเเข่งกับเวลา ไปดูข้อเสียกันที่เคยลองมาข้อเสียจากที่เคยใช้มา พบว่ามีบางทีที่งานบางงานมันต้องใช้เวลามากกว่า 25 นาที ซึ่งเทคนิคนี้ เวลาจะหยุดทุกๆ 25 นาที เเละให้เราพัก 5 นาที ทำให้ต้องหยุดกลางคัน ทั้งที่งานของเรายังไม่เสร็จ นอกจากจะทำให้เรามีโฟกัส บางทีก็ทำให้เราหลุดโฟกัสได้เช่นกันในตอนพัก 5 นาที บอกเลยครับว่าถ้าหยุดเเล้ว หยุดยาว กว่าจะกลับมามีสมาธิเวลาก็ล่วงเลยไปเสียเเล้ว ดังนั้น ควรเลือกงานที่มีใช้เวลาทำไม่นานมากนัก ซึ่งไม่ควรเกินเวลา 25 นาที ตามกำหนดเวลาที่วางไว้ จะมีความเหมาะสมมากกว่าครับ 2. The Eisenhower Matrixเทคนิคการจัดกลุ่มงาน อันไหนสำคัญครับ เร่งด่วน ไม่เร่งด่วน สำคัญเเละไม่สำคัญ ซึ่งเป็นการจัดกลุ่มของงาน ทำให้เรารู้ว่าควรทำสิ่งไหนก่อน-หลัง ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพเเละใช้เวลาแบบคุ้มค่าที่สุดครับ ไปดูข้อดี ข้อเสียกันข้อดีจากประสบการณ์ที่เคยใช้ ส่วนใหญ่เราจะเเยกไม่ออกกันครับ ว่ากิจกรรมนี้ อยู่ในกลุ่มไหน ซึ่งทำให้เราใช้งานยาก เเต่สำหรับคนที่ถ้าใช้เป็นจะมีประสิทธิภาพมากๆในเทคนิคนี้ โดยการจัดกลุ่มงานแบบนี้ทำให้เรา รู้ว่างานไหนที่จะทำถัดไป งานไหนที่ต้องทำ ไม่ต้องทำ ต้องรีบไหม จะทำให้เราจัดการงานเเต่ละงานได้ดีขึ้นครับ ซึ่งส่วนตัวผมใช้น้อยมาก เพราะใช้งานยากตามที่บอกไป เทคนิคอื่นสำหรับผมใช้ง่ายกว่า เเละรู้สึกว่ารวดเร็วกว่าครับข้อเสียบางทีเป็นการยากที่จะเเยกว่าสิ่งไหนสำคัญ บางทีเราเเยกไม่ออก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครับ เลยทำให้ใช้งานยากอยู่ ต้องใช้เวลาในการคิดพอสมควร บางทีพอมีงานเร่งด่วนเข้ามา ทำให้เรารีบทำ ทั้งที่อาจจะไม่สำคัญ หรือ ให้คนอื่นทำเเทนก็ได้ เเต่เราดันไปทำ เลยทำให้เทคนิคนี้ เหมือนไม่ได้ใช้เลยครับ 3. The 80/20 principleเทคนิคนี้ เป็นเทคนิคที่ให้เราดูงานของเรา ดูภาพรวมว่างานไหนที่เราทำเเล้ว ให้ผลกับงานเรา 80% เเม้ว่าเราจะทำเเค่ 20% เป็นงานที่ทำเเล้ว สิ่งอื่นไม่ต้องทำเเต่ส่งผลมากๆ เป็นงานที่มีคุณภาพ ที่เราต้องทำ คล้ายๆคำในหนังสือ The one thing ที่เขาบอกว่า "อะไรคือสิ่งเดียวที่เราทำได้ที่ทำให้งานอื่นง่ายขึ้นหรือไม่จำเป็นต้องทำเลย" ซึ่งมาดูข้อดี-ข้อเสียกันครับ ว่าเป็นยังไงบ้างข้อดีส่วนตัวผมจะทำคู่กับ To Do list ครับ ลิสว่าสิ่งไหนที่เราควรทำ เเล้วมันให้ผลลัพธ์เรา จากนั้นเเค่ทำตามที่ลิสไว้ ก็เรียบร้อยครับ ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าไหน คือ งานที่สำคัญจริงๆ งานไหนที่เราไม่ต้องทำก็ได้ เเต่ขอเเค่ให้เราทำในสิ่งที่สำคัญในเเต่ละวันก็พอเเล้วครับ เน้นคุณภาพไม่ใช่ปริมาณข้อเสีย บางทีคนเราเเยกไม่ออก หรือไม่ได้ไต่ตรองก่อนว่าอันไหนสำคัญจริงๆ เราเน้นทำหมดทุกอย่าง เหมือนทำงานเเต่ไม่ได้งาน ประมาณนั้น อาจจะหลงทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพได้ครับ4. Calendar Log (ลงตารางเวลาในปฎิทิน)อันนี้หลายคนน่าจะใช้อยู่ ซึ่งมันง่ายมากครับ ลงเวลาว่าจะทำอะไร มีงานอะไรบ้าง ในปฏิทินเเล้วพอถึงเวลา ก็ทำงานนั้นๆตามตารางเลย ไม่ต้องคิดว่าจะทำอะไรต่อ เพราะเราได้เเพลนไว้เรียบร้อยเเล้วข้อดีข้อดีที่โดนที่สุดสำหรับผม คือ จะได้ไม่ลืมครับ ลงไว้ก่อน เดี๋ยวปฏิทินจะเตือนเราเองว่าถึงเวลาของงานนั้นเเล้วนะ ทำให้เราไม่ต้องกังวล รู้ตารางตัวเองว่าเราต้องทำอะไรต่อไปทันที ส่วนตัวผมใช้ประจำเเละใช้ตลอดเลย ข้อดีอย่างที่บอก ปฏิทินมีเตือน ทำให้เราไม่ลืม ใช้งานง่าย รวดเร็วครับข้อเสียอย่างที่บอกไปข้อดี คือ ทำให้เราไม่ลืมกิจกรรมที่ลง เเต่บางทีถ้าเราลืมลงกิจกรรมไว้ อาจทำให้เราพลาดนัดสำคัญได้เลย เเละก็ถ้าตารางงานถี่ไป จะทำให้เราสับสนได้ในบางครั้ง ถ้าลืมลงนี่เเย่เลย บอกเลยพลาดมากครับ 5. กินกบตัวนั้นเทคนิคนี้ให้เราโฟกัสงานที่ส่งผล คล้ายๆ กฎ 80/20 คือ ให้เราทำงานที่ยากที่สุดก่อน เพราะเป็นงานที่สำคัญกับเรามากที่สุด พอเราทำสิ่งที่ยากที่สุดเสร็จเราจะมีกำลังใจในการทำงานเล็กๆอื่นๆ ไม่ต้องกังวลงานหลัก เพราะเราทำมันเสร็จไปเเล้วข้อดีงานยากจะหมดไป เเล้วเราจะใช้เเรงน้อยลง เเต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผมมองว่า ถ้าเราทำเรื่องยากได้เสร็จก่อน เรื่องต่อไปจะไม่ยากเเล้ว จะมีเเต่เรื่องง่ายๆ เพราะเรื่องยากในวันนั้นก็ทำเสร็จไปเลย เลยชิวเลยทีนี้ เเละทำให้เราภูมิใจในตัวเองมากขึ้นด้วยครับ ส่วนตัวผมใช้เเล้วเเต่โอกาสครับ เพราะเราไม่ได้มีงานยากทุกวัน เเต่ถ้ามีงานที่ยาก ก็อาจจะเอาขึ้นมาทำก่อน อันนี้ต้องคอยจัดลำดับความสำคัญครับ สามารถปรับได้ตาม กิจกรรมเเละเวลาของเพื่อนเลยข้อเสียถ้าปล่อยตัว ไม่ทำงานตามหลักการนี้ สักทีจะทำให้เรารู้สึกผิดที่ไม่ทำงานหลักให้เสร็จ อาจจะรู้สึกเเย่กับตัวเองได้ครับ ส่วนตัวก็มีบางครั้งที่ เบลอทำงานง่ายๆ ไปก่อน งานยากทีหลัง พบว่า เราต้องใช้พลังงานเยอะกว่าเดิมเยอะมาก รู้งี้สู้เราทำงานยากให้เสร็จก่อน จากนั้นค่อยทำงานง่ายทีหลังจะดีกว่าครับ6. Time Boxingเทคนิคนี้เป็นการล็อคเวลาว่าจะทำอะไร เวลากี่นาที กำหนดเวลาให้งานนั้นๆ ข้อดี คือ ทำให้เรามีโฟกัสมากๆ เเล้วงานจะเสร็จไปทีละอย่างข้อดีวิธีนี้จะเหมือนลงเวลาในปฏิทิน เเต่ไม่สักทีเดียว เเต่จะเป็นแบบที่ว่า เราต้องกำหนดเวลาเพื่อทำสิ่งนั้นๆ ข้อดี คือ ทำให้เราโฟกัสมากขึ้น กับงานเเต่ละงาน เสร็จไปทีละอย่าง คล้าย Pomodoro เเต่มีความยืดหยุ่นกว่า ปรับไปตามกิจกรรมของเรา อยู่ที่เราว่าจะกำหนดให้งานนั้น กี่นาที กี่ชม.ครับ เช่น เราจับเวลานั่งสมาธิ 10 นาที เเล้วนับถอยหลัง แบบนี้เป็นต้นครับ กำหนดเวลาอ่านหนังสือ 15 นาที เเต่ส่วนตัว ผมกำหนดบางกิจกรรมที่เราอยากทำ เช่นที่ผมชอบทำ คือ การจับเวลานั่งสมาธิครับ ประมาณ 10 นาทีของทุกวัน เพื่อนก็ลองเอาไปปรับใช้ตามกิจกรรมของเเต่ละคนดูนะครับข้อเสียถ้าเราไม่จัดลำดับอาจจะทำให้เราหลายอย่างเกินจำเป็น อาจเบลอทำสิ่งที่ไม่สำคัญในวันนั้นก็ได้ 7. To Do listอันนี้ก็เป็นเทคนิคที่ง่ายทำให้เรารู้ว่าต้องทำอะไรบ้างในเเต่ละวัน มีลิสออกมาเรียบร้อยข้อดีทำให้เรารู้ว่าวันนี้มีงานอะไรบ้างที่เราต้องทำ ง่ายๆ เลยครับ ทำให้รู้ภาพรวมงานทั้งหมด งานทั้งวัน มีอะไรต้องทำ ก็จดไปเลย เเล้วค่อยมาจัดลำดับความสำคัญอีกที ทำเสร็จเเล้ว ขีดเลย! สะใจ 555 ส่วนตัวใช้อันนี้บ่อยสุด เพราะง่ายไม่ยุ่งยาก ส่วนตัวจะลิสสิ่งสำคัญที่ต้องทำมาก่อน เทคนิค 80/20 พอลิสออกมาก็รีบทำ ดูว่างานไหนยากสุด กินกบตัวนั้นก่อน ผสมผสานกันเเต่ละเทคนิค จากนั้นก็ทำตามลิส ถ้าทำเสร็จก็ขีดเส้นยาว เป็นเครื่องหมายเเทนการทำสำเร็จครับข้อเสียถ้าไม่จัดลำดับความสำคัญ จะลิสสิ่งที่จะทำออกมาเยอะเกินไปจนวันนั้นทำไม่หมดได้ครับ สรุปเทคนิคต่างๆ ที่ได้เเชร์ให้เพื่อนๆได้เรา เราสามารถปรับใช้ร่วมกันได้หลายเทคนิคเลยนะครับ ตัวผมเองชอบใช้ To do list เเละการลงเวลาในปฏิทิน เพราะเป็นคนชอบลืมบ่อย การลงเวลาไว้ทำให้เราไม่ลืมกิจกรรมที่เราจะทำนั้นเองครับ ทั้งนี้การจัดเวลาจะมีความเเตกต่างกันไปในเเต่ละคน เพราะกิจกรรมของเราต่างกัน เวลาการทำงานต่างๆ เพื่อนๆควรเลือกใช้ ที่เหมาะกับเราที่สุด เเละเราทำได้ง่ายที่สุดด้วย เพื่อให้เราบริหารเวลาได้ดีจนติดเป็นนิสัย เเละทำให้งานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นนะครับ ขอให้เพื่อนๆ โชคดีในการบริหารเวลาครับ เครดิตรูปภาพทั้งหมด : Jamashare (ผู้เขียน)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !