ในการเดินทางแต่ละครั้ง นอกจากการวางแผนเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไป ทั้งเรื่องการศึกษาเส้นทางแหล่งท่องเที่ยว การจองที่พักและเลือกร้านอาหารแล้ว การเตรียมสัมภาระที่จำเป็นไปให้พร้อมก่อนออกเดินทางก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยในบทความนี้ ผู้เขียนจะมาบอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับยาต่างๆ ที่ควรเตรียมไปด้วยในการเดินทางแต่ละครั้ง รวมถึงวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อให้เราสามารถดูแลตนเองและผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับเราเมื่อมีอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสมค่ะ8 ยาสามัญประจำทริป1.ยาพาราเซตามอล ยาที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดีและเป็นยาที่ตัวผู้เขียนเองมักพกติดกระเป๋าไว้เสมอเมื่อเดินทางไปในทุกๆสถานที่ เนื่องจากมีสรรพคุณทั้งช่วยบรรเทาอาการปวดและลดไข้ หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อ อีกทั้งยังเป็นยาที่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับยาชนิดอื่น (พาราเซตามอลชนิดเม็ด 500 มิลลิกรัม แผงละ 10 เม็ด ราคาปัจจุบันปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ประมาณแผงละ 12-15 บาท) สำหรับวิธีรับประทานยา ตัวผู้เขียนจะรับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด (500-1,000 มิลลิกรัม) ซึ่งเป็นขนาดยามาตรฐานสำหรับผู้ใหญ่ตามที่ระบุไว้ในฉลากยา และหากอาการยังไม่ทุเลาก็จะรับประทานครั้งถัดไปในอีก 4-6 ชั่วโมง2.ยาและอุปกรณ์สำหรับทำแผล ชุดทำแผลเป็นสิ่งที่ผู้เขียนมักเตรียมไปด้วยเสมอ เมื่อเดินทางไปยังสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ภูเขา น้ำตก และเกาะต่างๆ เนื่องจากอาจเกิดอุบัติเหตุจากการหกล้ม กระแทก ลื่นไถลได้ โดยอาจเลือกใช้เซตทำแผลสำเร็จรูปหรือจัดเตรียมเซตทำแผลด้วยตนเอง ซึ่งสำหรับตัวผู้เขียนเองมักเลือกที่จะจัดเตรียมเซตทำแผลด้วยตนเอง เพราะสามารถเลือกอุปกรณ์ทำแผลแต่ละชิ้นได้ตามความต้องการ โดยสิ่งผู้เขียนมักเตรียมไป ได้แก่ น้ำเกลือล้างแผล โพวิโดน-ไอโอดีน สำลี พลาสเตอร์ปิดแผล ผ้าก๊อซ และเทปปิดแผล สำหรับวิธีการทำแผล ผู้เขียนจะล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ที่แผลออกก่อนด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือล้างแผล จากนั้นใช้สำลีหรือผ้าก๊อซซับแผลให้แห้ง แล้วใช้สำลีชุบน้ำยาล้างแผลทาบริเวณรอบแผล จากนั้นจะปิดแผลโดยใช้พลาสเตอร์ปิดแผลสำหรับแผลที่มีขนาดเล็กหรือใช้ผ้าก๊อซปิดแผลร่วมกับเทปปิดแผลสำหรับแผลที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งการทำแผลโดยปกติควรทำวันละ 1-2 ครั้ง และควรระวังไม่ให้แผลถูกน้ำหมายเหตุ : หากบาดแผลมีความรุนแรง มีขนาดใหญ่ มีเลือดไหลไม่หยุด หรือมีการอักเสบติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์3.ยาแก้วิงเวียนศีรษะ เป็นยาที่ผู้เขียนมักเตรียมไปด้วยเมื่อเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถทัวร์ เรือโดยสาร เครื่องบิน หรือเดินทางระยะไกลด้วยรถยนต์ส่วนตัวซึ่งจะต้องนั่งอยู่บนรถเป็นเวลานานๆ โดยเมื่อมีอาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน เกิดขึ้น ในเบื้องต้นผู้เขียนมักจะเลือกใช้วิธีนั่งหลับตาหรือขอให้คนขับจอดที่จุดพักรถและออกไปเดินเล่นสูดอากาศนอกรถสักครู่ในกรณีที่เดินทางไปกับครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จักด้วยรถยนต์ส่วนตัว แต่ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้น ผู้เขียนก็จะใช้ยาแก้วิงเวียนศีรษะเพื่อช่วยบรรเทาอาการ ซึ่งในปัจจุบันยาแก้วิงเวียนศีรษะมีขายทั้งในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทานและแบบแผ่นแปะด้านหลังใบหู แต่เนื่องจากโดยส่วนตัวผู้เขียนเป็นผู้ที่มีอาการเมารถไม่บ่อยนัก จึงเลือกใช้ยาแก้วิงเวียนชนิดเม็ดเนื่องจากพกพาสะดวก ซึ่งยาที่ผู้เขียนเลือกใช้คือยาไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate) โดยจะรับประทานครั้งละ 1 เม็ด (50 มิลลิกรัม) เมื่อมีอาการ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการเมารถเป็นประจำก็สามารถรับประทานยาชนิดนี้ได้ โดยรับประทานก่อนออกเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง4.ยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ ยากลุ่มนี้เป็นยาที่ผู้เขียนพกติดไว้ในกระเป๋าสัมภาระเสมอ เมื่อเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไปมาก่อนหรือมีการพักค้างแรมหลายวัน เนื่องจากในการเดินทางแต่ละครั้ง เราย่อมมีโอกาสได้รับประทานอาหารใหม่ๆที่แตกต่างจากในชีวิตประจำวัน และหากเรารับประทานอาหารแต่ละมื้อในปริมาณมาก หรือ รับประทานอาหารรสจัด อาหารหมักดอง อาหารที่ผ่านการปรุงอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ ก็อาจส่งผลให้ระบบทางเดินอาหารแปรปรวน ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสียถ่ายเหลว เกิดขึ้นได้ และเนื่องจากยาในกลุ่มนี้มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ผู้เขียนจึงเลือกที่จะจัดเตรียมยาโดยแบ่งยาออกเป็นกลุ่มตามอาการที่เป็น คือยาบรรเทาอาการปวดจุกหรือแสบท้องบริเวณลิ้นปี่ ท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย กลุ่มยาลดกรด : ยาโอเมพราโซล (Omeprazole) ยาแอนตาซิล (Antacil) ยาอีโน (ENO) กลุ่มยาขับลม : ยาไซเมทิโคน (Simethicone) ยาขมิ้นชันแคปซูลยาบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ได้แก่ ยาดอมเพอริโดน (Domperidone) ยาเมโทโคลปราไมด์ (Metroclopramide) ยาบรรเทาอาการท้องเสียถ่ายเหลว ได้แก่ ผงเกลือแร่ ORS ยาคาร์บอน (Activated charcoal) ยาโลเพอราไมด์ (Loperamide)หมายเหตุ : ในการเดินทางแต่ละครั้ง ผู้เขียนจะเลือกพกยาแต่ละกลุ่ม กลุ่มละหนึ่งหรือสองชนิด ตามที่สามารถหาซื้อได้ เพื่อไม่ให้เป็นการพกยามากเกินความจำเป็น โดยที่ยังจัดเตรียมยาได้อย่างครอบคลุมและครบถ้วนตามที่ต้องการ5.ยาแก้ปวด ยานวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ผู้เขียนมักพกยากลุ่มนี้ติดไปด้วยหากในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวมีกิจกรรมที่ต้องเดินเป็นระยะทางไกลๆ หรือมีการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา เพราะอาจมีอาการปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก เกิดขึ้นได้ โดยยาที่ผู้เขียนมักเลือกใช้ ได้แก่ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น ยาไดโคลฟีแนค (Diclofenac) ยานาพรอกเซน (Naproxen)ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น ยาโทลเพอริโซน (Tolperisone)ยานวดบรรเทาปวด เช่น ไดโคลฟีแนคเจล (Diclofenac gel) เมทิลซาลิไซเลตบาล์ม (Methyl Salicylate Balm)6.ยาแก้แพ้ อาการแพ้เป็นอีกอาการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการเดินทางโดยมีที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น สภาพอากาศ แมลงสัตว์กัดต่อย ยาและอาหารต่างๆ ยาแก้แพ้จึงเป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่ควรพกติดไปด้วยโดยเฉพาะในผู้ที่เคยมีอาการแพ้หรือเป็นโรคภูมิแพ้อยู่เดิม ซึ่งยากลุ่มนี้จะแบ่งย่อยออกได้เป็นสองชนิด คือยาแก้แพ้ชนิดที่ทำให้ง่วง เช่น ยาคลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine) ยาไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine)ยาแก้แพ้ชนิดง่วงน้อย เช่น ยาเซทิริซีน (Cetirizine) ยาลอราทาดีน (Loratadine) เนื่องจากยาแก้แพ้เป็นยาที่ผู้เขียนใช้อยู่เป็นประจำเมื่อมีอาการของโรคภูมิแพ้อากาศโดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ผู้เขียนจึงมักพกยาชนิดนี้ติดไปด้วยเสมอ โดยมักจะเลือกใช้ยาแก้แพ้ชนิดง่วงน้อย เช่น ยาเซทิริซีน ในช่วงที่เดินทาง และจะรับประทานก่อนนอนเพื่อไม่ให้มีอาการง่วงซึมจากผลข้างเคียงของยาในช่วงเวลากลางวัน7.ยาใช้ภายนอกอื่นๆ เช่น ยาดม ยาหม่อง ยาอมแก้เจ็บคอ โลชั่นหรือสเปรย์กันยุง เจลล้างมือแอลกอฮอล์ เป็นต้น สำหรับยาในกลุ่มนี้ ผู้เขียนจะเลือกพกติดไปตามสถานการณ์ เช่น หากเดินทางในช่วงฤดูฝนโดยเฉพาะเมื่อไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่างๆ ผู้เขียนมักจะพกสเปรย์กันยุงและยาหม่องสำหรับทาเวลาที่ถูกแมลงกัดต่อยไปด้วย ส่วนเจลล้างมือแอลกอฮอล์ก็เป็นสิ่งที่ผู้เขียนคิดว่าจำเป็นอีกอย่างหนึ่งโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 และคิดว่าเป็นสิ่งที่หลายๆคนมักพกติดตัวอยู่เป็นประจำเช่นเดียวกัน8.ยาโรคประจำตัว นอกจากยาต่างๆตามที่ได้กล่าวมาในข้อที่ 1-7 แล้ว หากคุณเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องกินยาต่อเนื่องเป็นประจำ การพกยาเหล่านั้นติดตัวไประหว่างเดินทางด้วยก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการขาดยาอาจทำให้อาการของโรคแย่ลงได้ข้อควรทราบเพิ่มเติมการพกยาไปต่างประเทศ ควรศึกษากฎและข้อห้ามของประเทศนั้นๆก่อนทุกครั้งควรอ่านตำเตือนในฉลากก่อนใช้ยา และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง หากมีประวัติแพ้ยา มีโรคประจำตัว หรือมีข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับยาหากใช้ยาถูกต้องตามคำแนะนำแล้ว อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป ขอให้ทุกคนเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีความสุขและปลอดภัย ด้วยความห่วงใย จาก เขียนฝัน :) แหล่งอ้างอิงการรับประทานยาพาราเซตามอลที่ถูกต้องชุดปฐมพยาบาล สิ่งจำเป็นยามเดินทางทำแผล ขั้นตอน วิธีการ และการดูแลตนเองเมารถ แก้อย่างไร ป้องกันได้หรือไม่ ?ยาแก้อาเจียน แก้เมารถ เมาเรือ วิงเวียนท้องเสีย ถ่ายเหลว ใช้ยาอะไรได้บ้างห่วงไต ห่างไกลเอ็นเสดยาแก้แพ้กลุ่มที่ทำให้ง่วงและไม่ง่วง รักษาอาการแพ้ได้เหมือนกันจริงหรือ ?การแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)เครดิตภาพภาพพื้นหลังรูปปก จาก freepikภาพประกอบที่ 1 จาก freepikภาพประกอบที่ 2-4 โดย ผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !