รีวิว บะหมี่ล้มยักษ์ สาขาเพชรบุรี ซอย ๕ “ถ้าพูดถึงบะหมี่ จัดจ้านสุดในย่านนี้ คือพี่ยักษ์ซอย ๕” ฝนตกปรอย ๆ เช่นนี้ อากาศเย็นลง อาจจะถูกอกถูกใจ สำหรับคนที่ได้หยุดงานช่วงนี้ แต่สำหรับหลายท่านที่เดินทางกลับต่างจังหวัดก็คงบ่นเรื่องสภาพอากาศ หรือบางพื้นที่ก็ถึงกับกุมขมับเพราะน้ำท่วมหลายจังหวัดเชียวค่ะ เอาเป็นว่าศิรินก็ขอฝากกำลังใจให้กับพ่อแม่พี่น้องที่ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ตอนนี้ ให้รอดพ้นวิกฤตด้วยความปลอดภัยในเร็ววันนะคะ ส่วนเราชาวกรุงเทพฯ บรรยากาศน่านอนเช่นนี้มีเมนูเด็ดที่เข้ากับบรรยากาศฝนตกปรอย ๆ มาฝากทุกคนค่ะ นั่นก็คือบะหมี่เส้นนุ่มหนึบ พร้อมน้ำซุปกระดูกหมูร้อน ๆ ควันลอยฟุ้ง กลิ่นหอมฉุยเตะจมูก เหมาะอย่างยิ่งแก่การซดน้ำซุปให้คล่องคอเพื่อสู้กับอากาศเย็นเช่นนี้ บะหมี่ที่ศิรินอยากแนะนำให้กับทุกคนได้มาลิ้มรสนั่นก็คือ “บะหมี่ล้มยักษ์ สาขาเพชรบุรี ซอย ๕” นั่นเองค่ะ ฟังแค่ชื่อก็รู้แล้วว่าท้าทายอำนาจและศักยภาพของสายกินเหลือเกิน โดยร้านบะหมี่ล้มยักษ์ที่ว่านี้ตั้งอยู่ในซอยเพชรบุรี ๕ เข้าซอยไปไม่ลึกมากก็ถึงแล้วค่ะ ร้านบะหมี่ล้มยักษ์เป็นร้านขนาดไม่ใหญ่มาก ตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟต์ให้ความรู้สึกน่านั่ง ภายในร้านไม่ร้อนเพราะติดแอร์ เมนูบะหมี่นั้นมีให้เลือกมากมายหลายขนาด หากเราไปคนเดียวและทานไม่เยอะแนะนำเป็นบะหมี่ชามเดียวที่ไม่ต้องพิเศษก็อิ่มแปล้แล้วค่ะ แต่ถ้าใครมากับกลุ่มเพื่อน ๆ หลายคน ก็แนะนำเป็นเซ็ต “พี่ยักษ์” สาเหตุที่ศิรินเรียกเมนูเหล่านั้นว่าพี่ยักษ์ก็เพราะว่ามันได้เยอะมาก มีให้เลือกตั้งแต่ยักษ์เล็ก (แค่ยักษ์เล็กก็ใช้บะหมี่ไปหลายก้อนมาก) ขยับขึ้นมาอีกนิดก็เรียกว่ายักษ์เล็กแต่เพิ่มคำว่าพิเศษไปด้วย สุดท้ายคือพี่เบิ้มที่ล้มสายกินมานักต่อนักแล้ว นั่นก็คือ “ยักษ์ใหญ่” ซึ่งหากเราสั่งบะหมี่เป็นเซ็ตใหญ่ เราจะได้ถ้วยเล็กสำหรับแยกทาน พร้อมถ้วยน้ำซุปแยกต่างหากด้วยค่ะ แต่ในขณะที่เรารอพี่ยักษ์มาถึง ศิรินอยากแนะนำเกี๊ยวทอดร้านนี้มากเลยค่ะ เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยทานเล่นก่อนที่บะหมี่จานยักษ์จะมาถึง และนอกจากเกี๊ยวทอดแล้วทางร้านยังมีเมนูอาหารตามสั่งบริการอีกด้วย ส่วนมากเป็นเมนูจำพวกหมูกรอบที่บอกได้คำเดียวเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นกะเพราหมูกรอบราดข้าว หรือคะน้าหมูกรอบ มันก็รสชาติดีจนศิรินต้องร้องว้าวเลยค่ะ ในส่วนของเครื่องดื่มก็จะมีน้ำเปล่าและเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ไว้คอยบริการ และราคาก็อยู่ในเรทปกติเหมือนร้านอาหารตามสั่งทั่วไป โดยมีบริการน้ำแข็งฟรี แต่เราต้องตักเองเพราะน้อง ๆ พนักงานในร้านต้องวิ่งรับออเดอร์ และเสิร์ฟโต๊ะนั้น วิ่งเก็บโต๊ะนี้จนแทบไม่มีเวลา แต่ถ้าหากว่าลูกค้าไม่เยอะมากนัก น้อง ๆ จะตักมาบริการเราโดยเร็วเลยค่ะ รวม ๆ แล้วศิรินบอกได้คำเดียวว่าร้านนี้ดีมาก เพราะรสชาติที่อร่อยถูกปาก แถมปริมาณอาหารที่เราได้มานั้นก็คุ้มค่ากับราคาที่เสียไป ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ถือว่าไม่แพงอะไรเลย และที่ประทับใจมากที่สุดก็คือบริการจากเจ้าของร้าน พูดจาไพเราะแถมยังคอยดูแลลูกค้าทุกโต๊ะ เจ้าของร้านเดินมากระซิบบอกกับเราว่าอยากให้ทานให้หมด แต่ถ้าไม่หมดจะห่อกลับบ้านให้เราด้วย ต้องบอกเลยว่าน่ารักมากมายค่ะ (แต่วันนั้นศิรินไม่ได้ห่อกลับบ้านนะคะ เพราะมันทานไม่ไหวแล้ว) แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าทางร้านไม่มีที่จอดรถนะคะ ซอยเพชรบุรี ๕ เป็นที่รู้กันดีว่าซอยเล็กและแคบมากแค่ไหน แถมยังคราคล่ำไปด้วยรถราของพี่ Grab Food และพี่ Food Panda ที่มาจอดรอทั้งบะหมี่และอาหารจากร้านอื่น ๆ ยาวเหยียด ศิรินแนะนำว่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีพญาไทหรือราชเทวี เพราะซอยเพชรบุรี ๕ อยู่ไม่ไกลจากสถานีมากนัก แต่ว่าถ้าใครเอารถมาด้วยก็ต้องขับเข้ามาทาง ซอยเพชรบุรี ๗ (ซอย ๕ ห้ามรถเข้า) และมาเลี้ยวซ้ายหลังตึกพญาไทพลาซ่า เพื่อเข้าสู่ซอย ๕ นั่นเองค่ะ แถวนั้นมีบริการจอดรถอยู่นะคะ แต่ต้องถามคนในพื้นที่เพราะลานจอดนั้นค่อนข้างซับซ้อน สรุปแล้วนั่งรถโดยสารไปหรือใช่บริการพี่ ๆ ที่รับส่งอาหาร ซึ่งมีให้เราเลือกใช้บริการตามความสะดวกได้เลยค่ะ ขอขอบคุณภาพปกจาก https://www.canva.com/ ภาพประกอบที่ 1-8 โดยเจ้าของบทความ