เรียกว่าเป็นที่กล่าวขานถึงความเข้มข้นของเครื่องเทศ และทำให้ใครหลายคนกังวลว่าถ้าไปเที่ยวอินเดียแล้วจะกินอะไรได้ จากประสบการณ์ที่เราได้ลิ้มรสอาหารอินเดียมาหลายครั้ง สิ่งที่ทำให้เรากินอาหารอินเดียยากที่สุดนั่นคือ อาหารมังสวิรัติ ก็เราเป็นชะนีอ้วนกินเนื้อสัตว์อะเนอะ ส่วนเรื่องเครื่องแกงยังถือว่าเรารับได้ค่ะ เพราะเท่าที่ลองมาความอร่อยจะทะลุเครื่องแกงทำให้เราสามารถกินเกลี้ยงเต็มกระเพาะอาหาร ^_^ แล้วรอบล่าสุดที่เราไปอินเดียมาก็ทำให้ต้องไปกินอาหารมังสวิรัติอินเดีย เนื่องจากเพื่อนเราที่เป็นคนอินเดียนางเป็นมังสวิรัติ มื้อนี้จะขอแนะนำตัวช่วยที่คิดว่าเหมาะสุด ๆ ในการพกพาและความเข้ากั๊นเข้ากันของรสชาติ แต่ขอแวะแนะนำเมนูแรกก่อนนะคะ เมนูนี้ชื่อว่า Masala Dosa มีขายทั่ว ๆ ไป หากินง่ายเท่าที่ชิมมาอร่อยเกือบทุกร้าน สำหรับเราเมนูนี้แป้งคล้ายเครปญี่ปุ่น กรอบ ๆ แล้วมีไส้มันฝรั่ง ส่วนมากจะเสิร์ฟกับแกงสไตล์อินเดีย ในจานชุดนี้แกงสองหลุมจากด้านขวาจะเหมือนกันค่ะ รสชาติเค็ม ๆ เผ็ด ๆ กินคู่แป้งร้อน ๆ อร่อยมาก ๆ แต่สีขาว ๆ ฝั่งซ้ายไม่ถูกปากเราเท่าไหร่ มันเป็นมะพร้าวรสชาติจืด ๆ จานนี้คือขอเพื่อนชิมค่ะ ตามมาด้วยเมนูของเราบ้าง เราสั่งข้าวผัดค่ะเพราะคิดว่ากินง่ายสุดแล้วตอนนั้น แล้วก็ไม่ผิดหวังเพราะอร่อยมากจริง ๆ เสิร์ฟพร้อมแกงมันฝรั่ง ๆ อันนี้จะเผ็ดนำเค็มนิด ๆ ลดความเลี่ยนของข้าวได้ดีเลยค่ะ ข้าวผัดมาค่อนข้างมันแต่รสชาติดีคล้ายข้าวผัดของไทยนี่ละค่ะ แต่ไม่มีเนื้อสัตว์ใส่ผักหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ว่าแล้วเราเลยจัดแจงเอาอาวุธเสริมราดลงข้าวผัดเลยค่ะ อย่างที่รู้กันรสชาติของปลาราดพริกก็อย่างที่คนไทยคุ้นเคย ปลากระป๋องตัวช่วยที่ดีของเรา ทำหน้าที่ผลักดันรสชาติความเป็นไทยได้ดี คลุกเคล้ากับข้าวผัดร้อน ๆ ทำเราฟินเลยค่ะ เอาเป็นว่าเมนูข้าวผัดราดด้วยปลาราดพริก ไม่ทำให้ผิดหวัง นอกจากข้าวผัดแล้วเราก็สั่งผัดหมี่มาเสริมความหิวอีกจาน แหม่ ไม่มีเนื้อสัตว์เลยต้องกินเยอะหน่อยค่ะเดี๋ยวย่อยเร็ว ฮ่า ๆ จานนี้ก็เป็นมังสวิรัติเหมือนกันค่ะ และแน่นอนเราใช้ตัวช่วยอย่างปลาราดพริกของปุ้มปุ้ยให้อิ่มแบบฟิน ๆ ถ้าจะเอายี่ห้ออื่นไปก็ไม่เป็นไรนะคะ อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่เราชอบของปุ้มปุ้ย ^_^ เห็นมั้ยคะ มีทางออกอาหารอินเดียไม่ได้แย่ แค่เปิดใจและปรับตัวให้เข้ากับสถานที่และสิ่งแวดล้อมนั้น ๆ ^_^ ภาพประกอบโดย : ผู้เขียน