สวัสดีจ้า บทความนี้ผู้เขียนจะมาเล่าเกี่ยวกับการไปงานหนังสือครั้งนี้ที่จัดสถานที่เดิมอย่าง ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปนั่นคือ สถานที่ใหญ่และกว้างกว่าเดิมหลายเท่า จนลืมภาพจำเก่าๆ ของศูนย์ฯ สิริกิติ์ เมื่อก่อนไปเลย สิ่งที่จะเห็นในบทความนี้ก็จะมี บูธที่ผู้เขียนสนใจและบูธที่ผู้เขียนใช้จ่ายซื้อมังงะ แล้วก็รูปภาพประกอบเป็นภาพที่ผู้เขียนถ่ายเองจากกล้องมือถือ ภาพไม่ชัดหรือภาพมีปัญหาก็ขออภัยด้วยนะ และจะมีแทรกรูปภาพอ้างอิงบ้างในบางส่วน จะเป็นยังไง ไปดูกันเลยการมางานในครั้งนี้ ผู้เขียนมาในวันเดียวกับงาน Thailand Game Show จัดขึ้นวันแรกพอดี ถ้าจะบอกความรู้สึกโดยรวมของตัวผู้เขียน ครั้งนี้ผู้เขียนมีงบแค่ 300 กว่าบาท ในการไปเลือกซื้อหนังสือที่จำกัดแบบมากๆ ซึ่งผู้เขียนอยากจะได้หนังสือและมังงะอยู่หลายเล่มมาก แต่ว่าผู้เขียนเองก็ต้องประหยัดเงินไว้ก่อน ไม่อยากใช้จ่ายเยอะมากซึ่งงานหนังสือจะอยู่ตรง Hall 6 โดยเข้ามาจะเจอบูธที่ผู้เขียนสนใจชื่อว่า “สวนอักษร” มีหนังสือลดเยอะแยะเลย ผู้เขียนเองก็อยากได้หลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกมังงะมากกว่า แต่เงินในกระเป๋าไม่เอื้ออำนวยเอาซะเลย ก็เลยจำใจต้องผ่านไปแล้วก็มาเจอบูธที่ผู้เขียนสนใจอีกครั้งกับ “วุฒิชัยบุ๊คส์(ร้าน)” ซึ่งก็มีหนังสือลดมากมายเช่นกัน แต่ก็แน่นอนว่าเงินในกระเป๋าไม่ไหว แม้จะอยากควักเงินอยากซื้อแค่ไหนก็ต้องห้ามใจไว้ก่อนพอออกจากบูธแล้วไปเจอกับ Booktopia Playlist ที่ไว้จดชื่อหนังมือที่อยากได้ประมาณนี้ ผู้เขียนไม่ได้เข้าไปเขียนอะไรนะ แค่เห็นว่าน่าสนใจเลยเอามาแชร์ให้ดูและแล้วก็มาถึงหนังสือหรือมังงะที่ตัวผู้เขียนอยากได้แล้ว โดยเป็นของบูธ “Zenshu” นั่นเอง ซึ่งมังงะที่ผู้เขียนเล็งไว้และต้องซื้อให้ได้ก็คือ “ปิ๊งรักรุ่นพี่สายดุ” โดยเป็นเล่ม 4 เล่มล่าสุดที่ได้ซื้อ ซึ่งผู้เขียนไม่รีรอหยิบแล้วเข้าไปจ่ายเงินทันที สำหรับ “ปิ๊งรักรุ่นพี่สายดู” จะมีบทความแยกมาทีหลัง แต่บอกเลยว่าเป็นมังงะที่อ่านเพลินมาก อ่านจนผู้เขียนรู้สึกว่าเหมือนอ่านไปแปปเดียวเองภาพตัวอย่างมังงะเรื่อง "ปิ๊งรักรุ่นพี่สายดุ"หลังจากนั้นก็เจอกับบูธ “Phoenix Next” สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกชอบของบูธนี้เลย คือ ทางเข้าอลังการมาก แถมมี STAFF ที่แต่งตัวพิเศษมาเลยก็เป็นสีสัน น่ารักดี ซึ่งตัวผู้เขียนไม่ได้มีอะไรที่อยากซื้อเป็นพิเศษ แต่ว่าผู้เขียนชอบการตกแต่งบูธ ดูอลังการดีมากมาถึงบูธที่เรียกว่ามีคนเข้ามาเยอะจนถึงขั้นต้องมีบัตรคิวกันเลยทีเดียว แต่ตอนที่ผู้เขียนไปนี่สามารถเข้าไปได้เลย บูธนี้ก็คือ “Luckpim” นั่นเอง บูธนี้ก็เป็นอีกบูธที่ผู้เขียนมีหนังสือหรือมังงะที่อยากได้ มีเยอะมาก แต่ว่ามีมังงะที่ตัวผู้เขียนอยากได้มากที่สุด ซึ่งเรื่องนั้นก็คือ “พิสูจน์นิยามความรักด้วยหลักวิชาสายวิทย์” เป็นเรื่องที่ผู้เขียนชอบมากๆ มีอนิเมะออกมาแล้วด้วย 2 ภาค (ถ้าใครอยากอ่านบทความของ “พิสูจน์นิยามความรักด้วยหลักวิชาสายวิทย์” สามารถพิมพ์ไว้ด้านล่างได้เลย) ซึ่งผู้เขียนอยากได้เล่ม 5 แต่ว่าหมด แต่ว่าก็ยังมีเล่มอื่นอยู่ ซึ่งผู้เขียนจะซื้อเล่ม 6 ก่อนแล้วไปซื้อเล่ม 5 ทีหลังก็ได้ แต่ผู้เขียนไม่ได้อยากได้อะไรมาก เลยผ่านไปก่อน แต่ก็ถ้ามีโอกาสก็จะซื้ออีกครั้งภาพตัวอย่างมังงะเรื่อง "พิสูจน์นิยามความรักด้วยหลักวิชาสายวิทย์"แล้วก็มาถึงบูธ “Dexpress” มีอยู่เรื่องเดียวที่ผู้เขียนอยากได้ก็คือ “ยอดนักสืบแห่งฟูโตะ” ที่ตอนนี้มีอนิเมะออกมา กระแสถือว่าดีมาก ซึ่งผู้เขียนอยากได้เป็นเล่ม 3 แต่พอดีว่าผู้เขียนไปสะดุดตากับเรื่องหนึ่งเข้า นั่นก็คือ “ซัทสึกิ จอมโกหกผู้มองเห็นความตาย” จนผู้เขียนเปลี่ยนใจเกือบจะซื้อมันไป แต่ว่าผู้เขียนกลัวเงินในกระเป๋าหมดก็เลยจำใจไม่ซื้อและเอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าภาพตัวอย่างมังงะเรื่อง "ยอดนักสืบแห่งฟูโตะ"ภาพตัวอย่างมังงะเรื่อง "ซัทสึกิ จอมโกหกผู้มองเห็นความตาย"แล้วบูธสุดท้ายที่ผู้เขียนเสียค่าหนังสือ จำชื่อบูธไม่ได้ ลืมถ่ายภาพประกอบมาขออภัยด้วย แต่เป็นบูธที่ขายหนังสือราคา 50 บาท ลด 50% ประมาณนี้ เท่าที่จำได้อยู่ใกล้กับบูธเลข L24 แต่ได้ซื้อหนังสือที่คราวนี้เป็นส่วนของนิยายบ้างชื่อว่า “กลุ้มชะมัดเกลียดหรือรักนายนักตื๊อ” ซึ่งต้นฉบับมาจากตัวของ Honeywork และนี่เป็นเรื่องที่ผู้เขียนเลือกซื้อและก็หยุดไว้แค่นี้ก่อน หลังจากนั้นก็เดินเล่นและกลับบ้านภาพตัวอย่างมังงะเรื่อง "กลุ้มชะมัดเกลียดหรือรักนายนักตื๊อ"สรุปงานหนังสือรอบนี้ ส่วนตัวประทับใจ เป็นงานที่จัดสถานที่เดิมที่ใหญ่กว่ามาก การเดินทางก็มาง่าย สะดวก ได้เจอบูธมากมายที่น่าสนใจ รวมไปถึงบรรยากาศงานที่ก็สนุกสนานดี ก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน COVID-19 กันไปก่อน ครั้งนี้ก็ประทับใจ ถึงแม้งบจะไม่ได้เยอะเลยแค่ 300 กว่าบาท แต่ก็สามารถซื้อหนังสือเอาไปอ่านได้ 2 เล่ม ซึ่งถ้ามีโอกาสไปอีก ผู้เขียนจะเก็บเงินและน่าจะได้ซื้ออะไรมากขึ้นแน่นอน ต้องบอกเลยว่าเงิน 300 บาท สามารถซื้อหนังสือได้หลายเล่มได้ แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนว่าซื้อหนังสือประเภทไหน และราคาของหนังสือก็เป็นปัจจัยหลักในการซื้อหนังสือ ตัวผู้เขียนนั้นสนใจอ่านหนังสือพวกการ์ตูนหรือมังงะซะมากกว่าก็เลยเห็นว่าได้แค่ 2 เล่ม ซึ่งราคาก็ต่างกันไป ยังไงถ้าใครอยากแบ่งปันประสบการณ์มาบอกกันได้นะสำหรับใครที่ชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ให้คนอื่นได้เจ้าไปอ่านและเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวผู้เขียนด้วย ยังไงก็ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอบคุณมากจ้าเครดิตภาพประกอบ: ภาพที่ 1 จาก Twitter: @Zenshukun | ภาพที่ 2 จาก Facebook: Luckpim | ภาพที่ 3 จาก Facebook: shopdexclub | ภาพที่ 4 จาก Twitter: @dexpressclub | ภาพที่ 5 จาก Facebook: shopdexclub ส่วนรูปที่เหลือผู้เขียนถ่ายเองจากกล้องมือถือจ้า อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !