Book Review: Infinity Son เมื่อ Harry Potter เจอกับ X-Men วิธีการหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีก็คือ การอ่าน ผมใช้วิธีนี้มาสักพักหนึ่งและทำให้ผมได้อ่านหนังสือแปลกๆ มากมายที่ไม่ได้ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นภาษาไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนังสือเล่มนี้นี่เองภาพถ่ายโดยผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า Infinity Son เป็นผลงานของนักเขียน Adam Silvera นักเขียนหนังสือวรรณกรรม Young Adult แนว LGBTQ+ ที่นำเสนอภาพของ เกย์ ผ่านมุมมองชีวิตของตัวเองด้วยวิธีการแสนธรรมดา หนังสือของเขามักมีโลกที่การเป็นเกย์ เป็นเรื่องปกติสุขของโลก ทุกคนเป็นเกย์ได้พอๆ กับที่ทุกคนเป็นชายจริงหญิงแท้ได้ในเชิงความชอบส่วนบุคคล ซึ่งแน่นอนว่า ผลงานเล่มล่าสุดอย่าง Infinity Son เล่มนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งโลกที่มีเกย์เป็นส่วนประกอบปกติธรรมดาในสังคมเช่นกัน สำหรับผลงานก่อนหน้านี้ที่ผมเคยได้อ่านก็คือ They Both Die at the end และ What if it’s us ซึ่งร่วมเขียนกับนักเขียนมีชื่ออีกคน Becky Albertalli เจ้าของหนังสือที่ถูกทำเป็นหนังดังอย่าง Love Simon ทั้งสองเล่มมีลีลาการเขียนและสร้างโลกที่น่าสนใจ โดยไม่มุ่งประเด็นเน้นหนักไปที่ความทุกข์ทนของการเป็นบุคคลชายขอบแบบเรื่องอื่นๆ มากนัก (ถึงแม้ว่าจะปรากฏอยู่เล็กๆ น้อยๆ ในเล่ม What if it's us อยู่บ้าง) โดยเฉพาะ They Both Die At The End ที่กลายเป็นหนังสือที่ทำให้ตัดสินใจซื้อเจ้าเล่มนี้มาอ่านในที่สุดภาพถ่ายโดยผู้เขียน : หนังสือ Simon VS The Homo Sapiens Agenda (Love, Simon) โดย Becky Albertalli และ They Both Die At The End โดย Adam Silveraภาพถ่ายโดยผู้เขียนสำหรับ Infinity Son นั้น เป็นหนังสือที่แหวกแนวทางของตัวนักเขียนมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนหันมาทำหนังสือ Young Adult ในแนว Fantasy ที่ไม่ลืมที่จะใส่ความเป็นเกย์ลงไปด้วยอย่างภาคภูมิ ด้วยการให้ตัวละครเอกอย่าง Emil เด็กหนุ่มวัย 18 ปี เป็นตัวละครเกย์อย่างเปิดเผยและใช้ชีวิตในสังคมอย่างปกติ โลกของหนังสือถูกเซตให้เกิดขึ้นใน New York โดยเป็นโลกที่นอกจากมนุษย์ธรรมดาแล้ว ยังประกอบไปด้วย กลุ่มคนที่มีพลังวิเศษหลากหลายแตกต่างกันไปตามแต่ละคน ซึ่งคนที่มีพลังวิเศษโดยกำเนิดจะถูกเรียกว่า Celestial และกลุ่มลูกหลานนักสู้ซึ่งเป็นเสมือน Super Heroes ในโลกนี้อย่าง Spell Walker และกลุ่มสุดท้ายคือ ผู้ต่อต้านที่ใช้เลือดจากสัตว์ในตำนานชนิดต่างๆ ในการสร้างพลังวิเศษให้ตัวเองซึ่งเรียกว่า Blood Caster เรื่องราวของหนังสือคร่าวๆ ก็คือ Emil และ Brighton นั้นเป็นฝาแฝดพี่น้องที่เกิดในคืนเดียวกัน Emil เป็นเด็กหนุ่มที่ต้องการจะใช้ชีวิตอย่างปกติสุขที่สุด ห่างไกลจากความมหัศจรรย์ต่างๆ บนโลกและอยู่กับการศึกษาชีวิตของนกฟินิกซ์ในพิพิธภัณฑ์ ขณะที่ Brighton เป็นเด็กหนุ่มที่แตกต่าง เขาโหยหาการเป็นฮีโร่และยอดวิวของช่องวิดีโอของตัวเองบนโลกออน์ไลน์ วันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุบางอย่างขึ้น และทำให้ทั้งสองคนต้องเข้าไปร่วมวงในสงครามระหว่าง กลุ่ม Spell Walker และ Blood Caster โดยไม่ได้ตั้งใจ คนหนึ่งต้องการเพียงความสงบ ขณะที่อีกคน ต้องการชนะสงคราม ก็ต้องมาติดตามกันว่า สองเส้นทางที่แตกต่างของสองพี่น้องนี้จะไปในทิศทางไหนภาพถ่ายโดยผู้เขียน***ต่อไปนี้อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน เพื่อพูดถึงประเด็นที่อยากจะนำเสนอ*** อย่างที่กล่าวไปตอนแรก เพราะตัวนักเขียนเองเขียนหนังสือให้ตัวละครเอกที่เป็นเกย์ มักจะเปิดเผยตัวเองตั้งแต่ต้น และทุกคนมองว่าเป็นเรื่องปกติ ทำให้ตัวหนังสือนั้นไม่ออกมาประดักประเดิด ปมประเด็นเรื่องเพศสภาพถูกโยนทิ้งลงถังขยะ และแทนที่ด้วยประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอแทน ซึ่งการที่ไม่ต้องใส่ Background ความเป็นเกย์ หรืออะไรจำพวกนี้ ทำให้มันแตกต่าง หนังสือเล่มนี้ คุณไม่จำเป็นจะต้องเป็นเกย์ก็อ่านได้ เพราะมันไม่ได้มีประเด็นเรื่องนี้เลยตลอดทั้งเล่ม การดำเนินเรื่องนั้น เร็วมาก เร็วจนนึกว่าจะมีแค่เล่มเดียวจบเหมือนหนังสืออื่นๆ ของเขา ซึ่งปรากฏว่าเปล่าเลย เล่มนี้เลยเหมือนเป็นการปูเรื่องราว ปูโลกของ Infinity ขึ้นมา และเตรียมตัวสำหรับความเข้มข้นที่แท้จริงในเล่มที่สองต่อไป แต่เพราะแบบนี้แหละ ตัวหนังสือเลยมีปัญหา ด้วยความที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่บางประเด็นอย่าง Celestial เกิดขึ้นจากอะไร หรือมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ คนและผู้วิเศษบางส่วนไม่ถูกกันและเกิดการต่อต้าน สิ่งเหล่านี้ ถูกอธิบายแบบยิบย่อยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในระหว่างทาง แต่ก็ยังไม่ตอบคำถามที่สงสัยอย่างกระจ่างแจ้ง ทำให้เราไม่อินไปกับเรื่องราวเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับโลกใน They Both Die At The End ที่แทบจะเข้าใจโลกของมันได้ในหนึ่งบทตัวละคร ตัวละครในเรื่องมีหลากหลายและน่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็นสองพี่น้องตัวละครนำ ที่มีนิสัยต่างกันสุดขั้ว และค่อยๆ ฉีกให้พวกเขาเดินไปคนละเส้นทางเรื่อยๆ จนเริ่มไม่แน่ใจว่า สุดท้ายแล้ว อาจมีหนึ่งคนที่เปลี่ยนไปเป็นตัวร้ายก็เป็นได้ ในกลางเล่มมีการเฉลยเรื่องราว (สปอยล์ตัวหนาๆ เพราะอันนี้เป็นจุดหักมุมของเรื่อง) ว่าจริงๆ แล้ว Emil ก็เป็น Spell Walker ที่กลับชาติมาเกิดจาก นักสู้ในตำนาน และมีพลังของฟินิกซ์สีทองและเทา ซึ่งเป็นจุดแตกหักทางจิตใจให้ Brighton ที่ชื่นชมและหลงใหลเหล่า Spell Walker อย่างมากจนอยากจะมีพลังเหมือนพวกเขา คือแค่สองตัวละครนี้ก็มีเรื่องราวหนักอึ้งให้ต้องติดตามแล้ว แต่ยังมีเรื่องของ Ness ตัวละครที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างตัวเองเป็นใครก็ได้ และมีปมในใจเกี่ยวกับพ่อของเขา ซึ่งต่อมาเราจะได้รู้ว่า พ่อของเขาคือนักการเมืองที่รณรงค์แคมเปญเกี่ยวกับการต่อต้านกลุ่มคนพวกนี้อยู่กลายๆ และ Maribelle ที่พ่อและแม่ของเธอถูกฆ่าตายอย่างไม่ยุติธรรมและเธอต้องการการแก้แค้นและการล้างมลทินให้กับพ่อแม่ของเธอ สี่ตัวละครนี้มีบทบาทและเรื่องราวในมุมมองของตนเอง ซึ่งส่วนตัวมองว่า มันหนักเกินไป ไม่ใช่เรื่องของแต่ละคนที่หนักหนา แต่เพราะเรื่องถูกยัดเยียดอย่างเร่งรีบโดยไม่ปล่อยให้ผู้อ่านได้ทบทวนและดื่มด่ำกับมัน ถ้าหนังสือหนากว่านี้อีกสักครึ่งหนึ่ง เรื่องราวอัดแน่นเหล่านี้น่าจะคลายและเบาลงได้กว่านี้ แถมเส้นเรื่องทั้งหมด ถูกทิ้งไว้ให้ติดตามต่อแบบชวนหงุดหงิดใจสุดๆภาพรวม เป็นหนังสือที่มีปมประเด็นน่าติดตาม แต่โลกของ Infinity เล่มนี้ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร บางที ผู้เขียนอาจต้องใช้เวลาให้มากกว่านี้ในการทำให้เรื่องราวมันกลมกล่อมกว่าที่ควรจะเป็น แต่อย่างหนึ่งที่ทำให้ยังคงติดตามต่อไปจนจบก็คือ การสร้างจุดหักมุม เรื่องราวที่พลิกผันต่างๆ และโลกที่ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่มันมีอะไรให้เราได้ลองค้นหาอีกเยอะ บวกกับการนำสัตว์วิเศษอย่าง นกฟินิกซ์ก็ตาม บาซิลิสก์ก็ดี มาผสมผสานกับเรื่องราวในยุคที่ Social Media นั้นครองใจเหล่าวัยรุ่นก็ทำได้น่าสนใจไม่เบาทีเดียว เหมือนเป็น Harry Potter ในโลกของ X-Men ที่ซึ่งวิทยาศาสตร์และเวทย์มนตร์แทบจะไม่มีเส้นกั้นกลางอีกต่อไป ใครที่ชื่นชอบในแนวทางนี้น่าจะหลงรักเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ได้ไม่ยาก สำหรับในเรื่องของระดับความยากในการอ่าน ผมให้ที่ 2.5 ใน 5 คือไม่ได้อ่านยากขนาดที่ต้องเปิดดิกชันนารีบ่อยๆ แต่ก็มีบ้างที่อาจต้องการคำแปลที่เหมาะสมเพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่อง ช่วงต้นอาจจะต้องฝืนนิดนึงในการอ่านให้ผ่านไป แต่พอเข้าครึ่งเล่ม บางทีก็ทิ้งดิกชันนารีไป เพราะอยากรู้เนื้อเรื่องที่ตามมามากกว่า สำหรับเล่มต่อที่เป็นภาคสองนั้น ได้มีชื่อออกมาแล้ว นั่นก็คือ Infinity Reaper โดยมีการวางแผนที่จะออกมาสู่สายตานักอ่านในช่วงต้นปี 2021 ซึ่งทุกคนสามารถไปติดตามความเคลื่อนไหวกันได้ผ่านช่องทางของนักเขียนเอง คลิกเลย ชื่อหนังสือ : Infinity Sonผู้แต่ง : Adam Silveraราคาปก : 312 บาทเครดิตรูปภาพทั้งหมด ถ่ายโดยผู้เขียน