อื่นๆ
เมื่อฉันอกหัก และ เขียนนิยายหลอกตัวเอง

เชื่อว่าคนทุกคนไม่ได้อะไรตามใจไปเสียทั้งหมด ต่อให้ใครที่ดูสุขสมหวังมาก ๆ ชีวิตนี้เหมือนจะไม่เคยผิดหวังกับอะไรเลย ถ้าถามและขุดคุ้ยเอาคำตอบ อย่างน้อยเขาก็ต้องมีความมืดมนอนอนธการอะไรสักอย่างหนึ่งในชีวิตที่ติดอยู่ลึก ๆ
ยิ่งเป็นเรื่องความรักด้วยแล้วไม่ว่าใครก็คงต้องเจอกับเรื่องราวเจ็บจุกกันมาบ้างไม่มากก็น้อย
และแม้ว่าจะยอมรับความจริงแล้วแต่ก็ยังคงรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ อยู่ เราจะเยียวยาก้อนเนื้อที่อกซ้ายนี้อย่างไรดี
ถ้าในความเป็นจริงมันไม่แฮปปี้ เราจินตนาการให้มันแฮปปี้ได้ไหม
ภาพปกจาก Photo by Wendy van Zyl from Pexels
ในเวลาทีที่ทุกอย่างไม่เป็นใจ ฉันจะหาที่สงบ ๆ และหลับตาลง แล้วจินตนาการเรื่องราวในหัวในแบบที่อยากจะเป็น และอยากให้มันเป็น แม้มันจอมปลอม แต่แค่ขอให้ได้รู้สึกดีบ้าง เพื่อรอวันที่แข็งแรงและก้าวต่อไป
Advertisement
Advertisement
ฉันเลือกที่จะเขียนนิยายโดยมีตัวเองอยู่ในนั้น ชีวิตจริงมันโหดร้ายขนาดไหน แต่ในพลอตเรื่องฉันจะสุขจนแทบสำลัก เรื่องจริงจะบอบช้ำเท่าไหร่แต่ในนิยายจะตรงกันข้าม แม้ว่าฉันจะอมยิ้มกับเรื่องที่กุขึ้นมาผ่านตัวหนังสือบอกเล่าเรื่องราว อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันมีความสุข และไม่ได้ทำร้ายใคร
Photo by Jonathan Andrew from Pexels
วิธีส่วนตัวของฉันแบบนี้แทบไม่ต่างอะไรกับเทคโนโลยี AR (Augmented reality) – VR (Virtual reality) ที่ทำขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน และเรายังสามารถมีปฏิกิริยาตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้ด้วยซ้ำไป เพียงแค่นิยายกุของฉันนั้นมันเป็นภาพในสมอง ยังไม่เชื่อมต่อกันแบบตอบสนองได้
แต่จะมีก็แค่เพียงสมองที่คอยเบรกว่า “อย่าหลอกตัวเอง” แต่ตราบใดที่มีคำนี้คอยเตือน นั่นแสดงว่าสติฉันยังดีอยู่ และเมื่อมีความสุขกับจินตนาการอันสาแก่ใจแล้ว ฉันก็ไปทำอย่างอื่นตามปกติ แต่หากหลอกตัวเองจริงจัง ถึงขั้นเป็นเรื่องราวจริงจังใหญ่โต แนะนำพบจิตแพทย์เพื่อหาทางเยียวยา
Advertisement
Advertisement
Photo by Hammer & Tusk on Unsplash
แนะนำว่าอีกหน่อยวงการนักเขียนนวนิยาย เรื่องสั้น หรือใด ๆ น่าเอาเทคโนโลยี AR – VR มาใช้นะ เราจะยิ่งจิกหมอนหนักกันเข้าไปอีก เพราะตัวเองจะเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดและเป็นส่วนหนึ่งในนิยายได้แบบฟินสุด
ภาพปกจาก Photo by Wendy van Zyl from Pexels
ความคิดเห็น
