สมัยก่อน หากเราจะไปศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเพื่อการงานหรือการเรียน เราต้องไปกันที่ "หอสมุดแห่งชาติ" จำได้ว่าภาพที่เราเห็นภายในหอสมุดนั้นเต็มไปด้วยหนังสือมากมายทั้งเล่มเล็กเล่มใหญ่ ต้องการหาเรื่องใดก็สามารถค้นหาจนเจอ และการจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ต้องทำด้วยการสำเนาเอกสาร หากต้องการสำเนาหลายๆ หน้าก็เป็นอะไรที่ต้องใช้กระดาษจำนวนมากเลยทีเดียว เรียกว่าต้องแบกกระดาษกันเป็นปึกใหญ่ หรืออีกวิธีที่น่าจะสะดวกกว่านั้นคือการสมัครเป็นสมาชิกของหอสมุด และทำการยืมหนังสือกลับบ้านโดยให้เวลาครอบครองประมาณหนึ่งสัปดาห์ หากเกินเวลาแล้วไม่ได้นำหนังสือมาคืนก็มีการปรับเงินกันไป วันละเท่าไรอันนี้ก็จำไม่ได้ละ ถ้าพูดถึงในเรื่องการเดินทางมาหาข้อมูลถึงหอสมุดแห่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องลำบากในสมัยก่อน เพราะสมัยที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต การจะหาข้อมูลสำคัญต่าง ๆ คนส่วนใหญ่จึงต้องมุ่งหน้ามาถึงที่นี่แต่ปัจจุบันนี้ หอสมุดแห่งชาติได้เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน หลังจากที่ไม่ได้มาที่นี่เสียนาน คือด้านนอกยังคงสถาปัตยกรรมอันสวยงาม ได้รับการบูรณะเป็นอย่างดีด้วยโครงสร้างที่ยังแข็งแรง เมื่อได้เข้าไปด้านในกลับต้องตะลึงกับความทันสมัยของหอสมุด เริ่มกันตั้งแต่ทางเข้า เดี๋ยวนี้ต้องใช้การ์ดในการเข้าไปข้างในโดยติดต่อรับการ์ดได้ที่ประชาสัมพันธ์ เมื่อเดินเข้าไปแล้วคุณจะได้พบกับคลังความรู้ที่มาในรูปแบบสิ่งพิมพ์ซึ่งมีทั้งหมดสี่ชั้นด้วยกัน สิ่งพิมพ์มีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นนิตยสาร, วารสารวิชาการ, งานแปล, วรรณกรรม, พระไตรปิฎก, หนังสือเสียง และหนังสืออักษรเบรลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา นอกจากนี้ยังมีบริการไมโครฟิล์มที่บรรจุข้อมูลสำคัญในรูปแบบของฟิล์มม้วนและฟิล์มแผ่นซึ่งต้องใช้ผ่านเครื่องอ่านไมโครฟิล์มเท่านั้น และสำหรับผู้ที่ต้องใช้อินเตอร์เนต ที่นี่ก็มีบริการให้คุณได้ท่องโซเชียลได้อย่างสะดวกจากอุปกรณ์อันทันสมัยด้วยบริการฟรี wifi อีกด้วยในส่วนของที่นั่ง มีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ที่สำคัญมีบริการปลั๊กไฟในบางจุด เหมาะสำหรับนำโน้ตบุคมานั่งทำงานในบรรยากาศที่สงบและเย็นสบายเพราะทุกห้องติดแอร์เย็นฉ่ำ สามารถนั่งทำภารกิจได้อย่างมีสมาธิ แต่ละห้องมีความกว้างขวางโอ่โถง มีแสงไฟส่องสว่างทั่วบริเวณ ปริมาณของผู้มาใช้บริการมีไม่มากนัก บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบมาก หนังสือต่างๆ ถูกจัดวางตามหมวดตัวเลข ซึ่งสามารถหยิบได้ง่ายตามช่องชั้นต่าง ๆ นอกจากหนังสือใหม่ ๆ แล้ว ที่หอสมุดแห่งนี้ยังมีหนังสือเก่าแก่อันทรงคุณค่าจัดตั้งแสดงไว้ให้ชมอีกด้วย เช่น ประชุมวรรณคดีไทยพระลอลิลิต เป็นต้นและนี่คือแหล่งเรียนรู้ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน จากหอสมุดที่มีระบบการสืบค้นด้วยการหยิบยืมหนังสือ มาบัดนี้สถาบันแห่งนี้ได้ก้าวสู่ห้องสมุดในยุคสังคมดิจิทัล ที่มีระบบสืบค้นอันทันสมัย พรั่งพร้อมด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์จากทั่วโลกมากกว่า 6,000 ชื่อเรื่อง ภายใต้การดูแลของกรมศิลปากรและกระทรวงวัฒนธรรม นับว่าเป็นหอสมุดที่มีการปรับตัวไปตามยุคสมัย ทำให้ตอบสนองความต้องการของคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดีหอสมุดแห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ท่าวาสุกรี ถนนสามเสน เปิดบริการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 - 18.30 น. และเสาร์ อาทิตย์ เวลา 9.00 - 17.00 น. ปิดเฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์ หากมารถสาธารณะก็มีรถประจำทางสาย 3, 9, 16, 30, 32, 33, 49, 64, 65, 110, ปอ.505 และ ปอ.524 หากมารถไฟฟ้า BTS ให้มาลงสถานีราชเทวี แล้วต่อรถเมล์สาย 99 กับ 23 แต่ถ้ามารถไฟฟ้าใต้ดิน ให้ลงสถานีบางซื่อแล้วต่อรถเมล์สาย 65 ถ้าลงสถานีหัวลำโพงให้ต่อรถเมล์สาย 49 และถ้าหากมาทางน้ำให้นั่งเรือมาทางคลองแสนแสบ มาลงท่าตลาดโบ๊เบ๊ แล้วต่อรถประจำทางสาย 53 แต่หากมาเรือด่วนเจ้าพระยา ให้ลงท่าเทเวศน์ (สายสีส้ม เขียว เหลือง) บอกกันขนาดนี้ มาไม่ถูกก็ไม่รู้ว่าไงแล้วปล.ทุกภาพในรีวิวนี้ถ่ายโดย เอ๋จัง ลากแตะ (ผู้เขียน)