สำหรับหนอนหนังสือที่ชอบอ่านประวัติศาสตร์ ชอบเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในอดีต และหาที่เงียบๆ สำหรับอ่านหนังสือในกรุงเทพฯ และทำงานเป็น Content Creator ผมขอแนะนำหอสมุดวชิรานุสรณ์ครับ ผมว่าใครๆ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า ที่หอสมุดแห่งชาตินั้นนอกจากจะมีหนังสือทั่วๆ ไปให้เราเรียนรู้แล้ว ทางหอสมุดแห่งชาติยังจัดแหล่งการเรียนรู้เฉพาะทางประวัติศาสตร์เอาไว้ด้วย เช่น หอจดหมายเหตุ ห้องหนังสือหายาก เช่นเดียวกันกับหอวชิราวุธานุสรณ์เป็นที่รวมรวมความรู้เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์นักปราญช์ที่รักในการอ่านมากที่สุดพระองค์หนึ่งที่หอสมุดแห่งนี้เป็นที่รวบรวมพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งแต่พระองค์ยังทรงเป็นพระบรมโอรสาธิราช พระราชนิพนธ์ของพระองค์มีตั้งแต่ 1.พระราชนิพนธ์ประเภทท่องเที่ยว เช่น จดหมายจากผีเสื้อ จดหมายจากเยอรมัน 2.พระราชนิพนธ์ประเภทบทละคร เรื่องสั้นและนวนิยาย 3.พระราชนิพนธ์เกี่ยวกับประเทศสยาม 4.พระราชนิพนธ์ประเภทกวีนิพนธ์ 5.พระราชนิพนธ์ประเภทวิชาการที่นี่มีหนังสืออยู่หนึ่งเล่มที่ผมพบว่าเป็นหนังสือนำเที่ยวที่จะพาผู้อ่านย้อนเวลากลับไปประเทศอังกฤษเพื่อตามรอยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในสมัยที่พระองค์ยังศึกษาร่ำเรียนอยู่ต่างประเทศ หนังเรื่องเล่มนั้นคือ "รายงานการค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประเทศอังกฤษ" ของคณะเจริญรอยพระยุคลบาทเพราะหนังสือเล่มนี้จะพาพวกเราย้อนอดีตไปฟังเรื่องราวที่ท่านไปแสวงหาความรู้ต่างแดน และกิจวัตรประจำวันของพระองค์ในการแสวงหาความรู้ รวมไปถึงความรักในการอ่านหนังสือและแต่งพระราชนิพนธ์ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว บทกวีนิพนธ์ บทละคร เรื่องสั้นและนวนิยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวนิยายที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ที่แสดงให้เห็นความรักต่อประเทศสยามของพระองค์หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่คณะเจริญรอยพระยุคลบาทได้เดินทางท่องเที่ยวไปที่ประเทศอังกฤษเพื่อไปเที่ยวดูชีวิตและผลงานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สถานที่แรกที่คณะทีมท่องเที่ยวพาไป คือ ที่ประทับของพระองค์ ได้แก่ พระตำหนักนอธ์ลอธ (North Lodge) พระตำหนักเกรตนีย์ (Graitney) พระตำหนักฟริมลีย์พาร์ค (Frimley) ทั้ง 3 ตำหนักนี้เป็นสถานที่ที่สวยงาม แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ คณะทีมท่องเที่ยวพาไปชมห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทม และที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับผมคือ เส้นทางจักรยานที่พระองค์ใช้ขับขี่เที่ยวชมบ้านเมืองของประเทศอังกฤษสถานที่ต่อมาคือ โรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์ต (Sandhurst) คณะท่องเที่ยวไปพาเที่ยวชมโรงเรียนแห่งนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงศึกษาวิชาการปกครองของทหาร กฎหมาย ยุทธวิธี วิชาป้อมค่าย การสำรวจ ภาษาฝรั่งเศส ห้อยโหน การพลศึกษา ขึ่ม้าต่อจากนั้นได้พาไปที่กรมทหารราบเบาเดอรัม ณ นอ่ร์ธแคมเพื่อดูสถานที่เข้าประจำการของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวภายหลังจากจบการศึกษา คณะทีมท่องเที่ยวได้พบหนังสือเล่มหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชนิพนธ์ ทีมคณะผู้วิจัยได้เล่าให้ฟังว่าในช่วงเวลาที่พระองค์เข้าประจำการ ประเทศอังกฤษได้เตรียมทำสงครามกับพวกดัทช์ที่ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในแอฟริกาใต้ สงครามดังกล่าวเรียกว่า “สงครามบัวร์ ครั้งที่ 2” ปี พ.ศ. 2441 ซึ่งพระองค์ต้องการเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ แต่ไม่มีใครยินยอม พระองค์จึงพระราชนิพนธ์สะท้อนเหตุการณ์ดังกล่าวในบทละครเรื่อง “A Turn of fortune's wheel : a dramatic sketch in six scenes” หรือชื่อในภาษาไทยว่า “โชคหมุนเวียนเปลี่ยนไปได้ทุกวัน” ด้วยความอยากเรียนรู้ของผม ผมจึงไปหานวนิยายเล่มนี้จากชั้นหนังสือของหอวิชราวุธานุสรณ์สัก 1 เรื่อง คือ A Turn of fortune's wheel : a dramatic sketch in six scenes หรือชื่อในภาษาไทยว่า “โชคหมุนเวียนเปลี่ยนไปได้ทุกทุกวัน” เรื่องนี้มีอยู่ว่า ร.ท.เมธีกับดวงตารักกันแต่พ่อแม่ของดวงตากีดกันเนื่องจากฐานะที่ยากจนของ ร.ท.เมธี พ่อกับแม่ของดวงตาต้องการให้เธอแต่งงานกับ ม.จ.โอสถากร แต่โชคชะตาหมุนเวียนพลิกผันให้ ร.ท.เมธีต้องไปรบในสงครามที่ประเทศเกาหลี ซึ่ง ม.จ.โอสถากรได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนพ่อกับแม่ของดวงตาก็ประสบปัญหาทางการเงิน ส่วน ร.ท.เมธี ได้รับบาดเจ็บจากสงครามแต่รอดชีวิตกลับมาได้ และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ลุงของเขาตาย เขาเลยได้รับมรดกจากลุง ทำให้ ร.ท.เมธีมีฐานะที่ดีขึ้นและได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ของดวงตาให้แต่งงานกัน เรื่องราวจากทีมคณะท่องเที่ยวได้พบนั้นยังมีมากมายกว่านี้ แต่ผมขอหยิบบางส่วนจากหนังสือมาเล่าให้ฟังถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่คณะนี้ได้ไป และหยิบเรื่องราวที่ประทับใจจากการเจริญตามรอยพระยุคลบาทมาเล่าให้พวกเราฟัง ส่วนผม แม้ว่าจะไม่มีเงินพอจะตามรอยพระยุคลบาทพระองค์ไปที่อังกฤษ ผมก็ประทับใจจากการอ่านเรื่องราว และค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้เรื่องราวของพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงรักในการอ่านหนังสือ และเขียนหนังสือมากที่สุดพระองค์หนึ่ง ที่สำคัญพระองค์ยังทรงนิยมพระราชนิพนธ์เรื่องราวจากสถานที่่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปมาเล่าสู่ผ่านอ่าน เช่น เที่ยวเมืองพระร่วง จดหมายเหตุประภาสเมืองปักษ์ใต้ จดหมายจากเยอรมันดังนั้นสำหรับใครที่รักหรือชอบงานทางประวัติศาสตร์ ชอบปะติดปะต่อเรื่องราวในอดีตโดยเฉพาะเรื่องราวของประวัติศาสตร์พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของชาติไทยเรา ผมขอแนะนำที่นี่เลยครับหอวชิราวุธานุสรณ์ให้บริการการอ่านและศึกษาค้นคว้าพระราชนิพนธ์ และเรื่องที่เกี่ยวเนื่องในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวชั้น 1 โถงกลาง (ห้องอัศวพาหุ) จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนชั้น 2 ห้องสมุด (ห้องรามจิตติ) บริการการอ่านและศึกษาค้นคว้าเปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.ปิดบริการวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์