อื่นๆ
หายไปในกำแพง

ภาพโดย S. Hermann & F. Richter จาก Pixabay
สมัยเมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้ว เด็กๆมักจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆเล่นสนุกกันตามประสา สมัยเมื่อดิฉันเป็นเด็กความบันเทิงก็มีไม่กี่อย่างหรอกค่ะ ถ้าไม่ชวนกันมาเล่นก็จะดูโทรทัศน์กัน แต่รายการโทรทัศน์สมัยนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไร สถานีโทรทัศน์จะเปิดปิดเป็นเวลา พวกเราจึงมีเวลาได้พบปะและชวนกันเล่นสนุกสนานกันเป็นประจำ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นดิฉันอายุได้ประมาณ 8-9 ขวบ ช่วงวัยนั้นจะเป็นช่วงวัยที่ดิฉันชอบเล่นสนุกกับเพื่อนๆ กลุ่มพวกเราจะมีกันอยู่ประมาณ 6 คน หลังจากทานมื้อเย็นกันพวกเราก็จะนัดรวมตัวกันในซอยบ้านของดิฉัน ตามซอยเล็กๆในกรุงเทพฯสมัยนั้นรถราน้อยมาก ตอนเย็นๆจึงเป็นสวรรค์ของพวกเด็กๆ พวกเรามักจะยึดพื้นที่บนถนนเป็นสนามเด็กเล่นกันเสมอๆ
กิจกรรมที่พวกเราจะเล่นอยู่ประจำได้แก่ กระโดดยาง วิ่งไล่จับ มอญซ่อนผ้า ซ่อนแอบและอื่นๆ แต่คืนนั้นเสียงส่วนใหญ่เสนอเล่นซ่อนแอบกัน ซึ่งเวลาที่เราเริ่มเล่นกันก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว มีแสงไฟสลัวๆจากเสาไฟส่องสว่างเป็นระยะๆ ซอยที่พวกเราอยู่จะเป็นซอยหลัก ฝั่งขวามือจะเป็นซอยย่อย ซึ่งในซอยนี้จะมีผู้คนอยู่อาศัยหนาแน่น แต่จะเป็นซอยตันและมีกำแพงสูงๆขวางอยู่เหมาะแก่การเล่นซ่อนแอบเป็นอย่างยิ่ง
Advertisement
Advertisement
ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay
ดิฉันเริ่มเกมส์ด้วยการเป็นคนตามหาเพื่อนๆก่อน ดิฉันยืนหลับตานับ 1-50 พอลืมตามาเพื่อนๆก็ไปแอบกันหมดแล้ว ดิฉันเดินหาไปเรื่อยๆจนเดินเข้าไปในซอย เดินหาตามซอกตามมุม ตามใต้รถ หรือที่คิดว่าเพื่อนๆจะใช้เป็นที่หลบได้ แต่ยังไม่พบใครๆเลย
เดินตามหาไปเรื่อยๆตามซอกตามมุมต่างๆ และเดินลึกเข้าไปในซอยย่อยเรื่อยๆ ซึ่งปลายซอยจะตันและมีกำแพงสูงขวางหน้าอยู่ ดิฉันเดินมองหาเพื่อนๆไปเรื่อยๆ จนเกือบจะสุดซอย เมื่อมองตรงไปข้างหน้าก็เห็นคนคนหนึ่งเดินเร็วๆอยู่ข้างหน้า ความที่แสงไฟไม่ค่อยสว่างจึงทำให้ดิฉันมองเห็นไม่ชัดเจนนัก ดิฉันจึงพยายามวิ่งตามไป เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังจะหาที่ซ่อนตัวอยู่
ภาพโดย Steve Howard จาก Pixabay
ดิฉันจึงรีบวิ่งตามไปจนเกือบทัน เมื่อดิฉันวิ่งคนที่เดินอยู่ข้างหน้าเหมือนเขาจะรู้ว่าดิฉันวิ่งตามเขา เขาหยุดเดินทันทีแต่ไม่ได้หันมามองดิฉัน ดิฉันก็หยุดวิ่งทันทีเหมือนกัน ระยะที่เรายืนห่างกันก็ประมาณ 100 เมตร มันใกล้จนดิฉันสามารถมองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเป็นผู้ใหญ่เพศชาย ดิฉันจึงรู้ตัวว่าวิ่งตามผิดคน
Advertisement
Advertisement
ข้างหน้าที่ดิฉันและผู้ชายคนนั้นยืนอยู่คือกำแพงสูงปลายซอย ผู้ชายคนนั้นหยุดยืน หน้าเขาหันเข้าหากำแพง แล้วจู่ๆก็เดินทะลุกำแพงเข้าไปต่อหน้าต่อตาดิฉัน
ความรู้สึกตอนนั้นคือตกใจสุดขีดที่เห็นคนเดินทะลุกำแพงไปต่อหน้าต่อตา ยืนขยี้ตาเพราะคิดว่าตัวเองตาฝาด พอตั้งสติได้ก็วิ่งออกจากตรงนั้นแบบไม่คิดชีวิต สมัยนั้นถนนในซอยจะเป็นลูกรัง พื้นจึงขลุขละเป็นหลุมเป็นบ่อ ดิฉันสะดุดและล้มลงหัวเข่าแตกเลือดอาบกลับบ้านไป
เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นดิฉันไม่กล้าบอกให้แม่ทราบ เนื่องเพราะกลัวว่าถ้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟังแล้วดิฉันคงไม่มีโอกาสได้ออกมาเล่นสนุกกับเพื่อนๆอีกแน่ และก็คิดว่าถ้าเล่าไปแล้วท่านจะเชื่อหรือเปล่า คงคิดว่าดิฉันจินตนาการตามประสาเด็กๆก็ได้ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ตัวดิฉันเองก็ยังไม่ทราบว่าสิ่งที่ดิฉันได้พบกับตัวเองมันคืออะไร ดิฉันอาจจะตาฝาดหรือจินตนาการไปเองอย่างที่ผู้ใหญ่ท่านว่าก็ได้
Advertisement
Advertisement
ภาพโดย Stefan Keller จาก Pixabay
ตั้งแต่บัดนั้นดิฉันเลิกเล่นซ่อนแอบโดยสิ้นเชิง ผีหรือวิญญาณเป็นอย่างไรดิฉันก็ไม่อาจยืนยันได้ แต่ก็ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าสิ่งที่ดิฉันเห็นตอนนั้นมันเหนือธรรมชาติจริงๆ และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นตัวทำให้ดิฉันเปิดมุมมองใหม่ ว่าจริงแล้วไม่ได้มีโลกของเราแค่เพียงโลกเดียว แต่เรายังมีโลกคู่ขนานอยู่อีกฟากฝั่งนึงเช่นกัน
ความคิดเห็น
