สำหรับงานลอยกระทง 2565 ผู้เขียนได้มีโอกาสไปงานลอยกระทงวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้เอง วันที่เขียนบทความนี่แหละ ซึ่งพรุ่งนี้วันที่ 8 พฤศจิกายน จะเป็นวันลอยกระทงจริงๆ ตามกำหนดในปฏิทิน ทางวัดภาษีได้จัดให้ผู้คนได้เข้ามาก่อนวันลอยกระทงจริงกันเลย เป็นการเตรียมตัวไว้ก่อนจะถึงวันงานจริงๆ ผู้เขียนเองก็ยินดีมากที่ได้มางานลอยกระทงที่วัดภาษีอีกครั้ง เนื่องด้วยเดินทางสะดวกด้วย บทความนี้ผู้เขียนจะมาบรรยายความรู้สึกและบรรยากาศภายในงานละกันว่าเข้ามาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน รูปประกอบผู้เขียนถ่ายจากมือถือ เพราะงั้นบางภาพอาจจะถ่ายไม่ชัดก็ขออภัยด้วยเน้อ พยายามถ่ายให้ชัดที่สุดเท่าที่ทำได้ละ ก็ลองมาดูกันเลยเมื่อผู้เขียนเข้ามาภายในงานจะมีร้านของกินมากมายเหมือนปีที่ผู้เขียนเคยมาเลย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปภายในงานก็คือ “กิจกรรมสอยดาว” ที่เป็นจุดสำคัญของงานลอยกระทงที่วัดภาษีเลย ไม่มีการจัดขึ้นมาในปีนี้ ผู้เขียนไม่ทราบว่าที่ไม่จัดขึ้นเพราะอะไร เพราะ งบประมาณการจัดหรือไม่ แต่ว่าปีนี้วัดภาษี อาจจะไม่มีการจัดกิจกรรมสอยดาวแน่นอน แต่ก็มีให้ไปไหว้พระ ทำบุญ สะเดาะเคราะห์ ภายในวัดปกติเลยในงานก็มีของกินเยอะแยะเช่นเคย มีร้านตั้งขายมากมาย ผู้เขียนเองก็เลือกไม่ถูกเลยว่าจะทานอะไรดี มีร้านลูกชิ้นทอด หอยทอด มันฝรั่งทอด บาร์บิคิว หรือแม้แต่ร้านไก่ทอด จนในที่สุดผู้เขียนก็ได้ซื้อขนมหวานราคาถุงละ 25 บาท ร้านขนมหวานก็ส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกลอดช่อง รวมมิตร ซึ่งจะมีแบบใส่น้ำกะทิกับแบบแยกเครื่องแยกน้ำกะทิ ผู้เขียนก็ซื้อที่เป็นรวมมิตรมา ขออภัยที่ผู้เขียนไม่ได้ถ่ายรูปมานะ ขออนุญาตลงภาพนี้ละกัน แฮะๆ แต่ว่าถ้าใครผ่านก็มาลองซื้อไปทานกันได้ตรงนี้ก็จะเป็นในส่วนที่ให้ผู้คนได้เข้ามาทำบุญ สะเดาะเคราะห์กันแล้วแต่ความศรัทธาของผู้เข้ามาเยือน ผู้เขียนเองก็ไม่ได้เข้าไปทำบุญนะ แต่ว่าเป็นจุดที่อยากจะแชร์ให้ผู้อ่านได้ดูเฉยๆ เผื่อมีผู้อ่านคนไหนสนใจทำบุญเน้อตรงนี้เป็นจุดที่ผู้เขียนเองก็เพิ่งเห็นในปีนี้เหมือนกัน ก็คือ การฉายหนังกลางแปลงนี่เอง ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นจุดที่ถือว่าดีเลย ซึ่งทำให้งานดูมีอะไรใหม่ๆ มากขึ้น ผู้เขียนมาทุกปี ไม่เคยพบเห็นหนังกลางแปลง นี่อาจจะเป็นปีแรกที่ทางวัดนำหนังกลางแปลงมาฉายด้วย ซึ่งจริงๆ ก็มีการเล่นวิดีโอคอนเสิร์ตด้วย แต่ว่าเวลารับชมจะไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง จะเป็นเหมือนจุดให้คนเดินผ่านๆ มารับชม ซึ่งหนังกลางแปลงก็อยู่ข้างทางเดินด้วยตรงจุดนี้จะมีกิจกรรมสอยดาวเกิดขึ้นทุกปีแล้วเป็นที่สนใจแต่ผู้คนที่เข้ามางานวันลอยกระทงที่วัดภาษี แต่เนื่องด้วยเหตุผลบางอย่างที่ผู้เขียนได้บอกไว้ในช่วงต้น ก็เลยทำให้กิจกรรมสอยดาวไม่เกิดขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะ เนื่องด้วยสถานการณ์ของโควิดที่ยังไม่หายไป การที่ไม่มีกิจกรรมสอยดาวในปีนี้ ถือว่าช่วยลดหรือไม่มีคนแออัดได้ดีเลย การสอยดาวจะเป็นจุดที่มักมีคนอัดแน่นเข้าไปเนื่องด้วยเป็นจุดสำคัญที่ทำให้มีผู้คนมางานลอยกระทงที่วัดภาษีกันนี่เองตรงนี้ก็จะมีบริการลอยกระทง ซึ่งผู้เขียนขออภัยที่จำชื่อไม่ได้ว่าคืออะไร แต่ว่าเป็นจุดที่ให้ผู้คนที่เข้ามาเยือนสามารถมาลอยกระทงได้ ก็จะมีให้ใส่เงินก็แล้วแต่ความสะดวกว่าจะใส่เท่าไหร่ ราคาถ้าผู้เขียนจำไม่ผิดไม่ถึง 100 บาท ด้วย ประมาณ 20-50 บาท ผู้เขียนจำไม่ได้เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าภายในงานก่อนวันลอยกระทงจริงๆ ก็จะมีให้ลอยกระทงแบบนี้ด้วยบรรยากาศภายในงานเป็นอย่างไรบ้าง ในงานก็มีคนมาถือว่าไม่ได้อัดแน่น เดินสบาย แต่ก็ต้องระวังรถกันหน่อย เนื่องด้วยเป็นถนนที่รถขับไปได้ ใครไปงานลอยกระทงที่วัดภาษีก็ระวังรถกันด้วยเน้อ ผู้เขียนเองก็ถือว่าประทับใจนะ ผู้เขียนมาก่อนงานจริงก็ยังไม่ได้ซื้ออะไรมากนอกจากของหวานที่ผู้เขียนบอกไว้ เป็นการมาก่อนงานจริงที่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าภายในมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหลังจากที่ผู้เขียนเองก็ไม่ได้มางานวันลอยกระทงที่วัดภาษีแห่งนี้มาก็ตั้งแต่โควิดระบาด มีร้านของกิน ร้านเสื้อผ้า ร้านของเล่น ร้านเครื่องประทับให้เลือกใช้จ่ายได้มากมาย มีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ในงานด้วย แล้วก็มีตู้ 7-11 ด้วยนะ แล้วก็คนก็ไม่เยอะเนื่องด้วยยังไม่ใช่วันจริงๆ แต่วันจริงคนเยอะกว่าวันที่ผู้เขียนไปก่อนวันจริงแน่นอน ภายในงานก็มีการรักษาความปลอดภัย ยังไงก็น่าจะหายห่วงได้ เวลาเกิดอันตรายใดๆนี่ก็จะเป็นทั้งหมดที่ผู้เขียนได้นำเสนอในบทความนี้ ซึ่งวันที่ผู้เขียนได้ไปยังไม่ถึงวันลอยกระทงจริงๆ ถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องก่อนไปจริง ซ้อมไว้ก่อนเผื่องานจริงคนมาเยอะ ซึ่งก็คงจะเป็นอย่างงั้นอยู่แล้วละ ยังไงก็ขอฝากบทความนี้ด้วย และกดแชร์ให้ผู้อื่นได้อ่านต่อจะเป็นกำลังใจแก่ผู้เขียนเป็นอย่างมากเลย ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้เน้อ ใครที่ยังหาสถานที่สำหรับไปงานลอยกระทงไม่ได้ ลองมาที่วัดภาษีแห่งนี้กันได้เน้อ ขอบคุณจ้าพิกัดสถานที่สามารถกดคลิกได้เลย วัดภาษีรูปภาพทั้งหมดผู้เขียนถ่ายด้วยตัวเองจ้า🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”