เมื่อพูดถึง สัตว์เลี้ยง (Pets) หลายคนคงนึกถึงสุนัข แมว กระต่าย หรือปลาสวยงาม และสัตว์อีกหลายชนิดจะเลี้ยงไว้เพื่ออุตสาหกรรมด้านอาหาร จำพวกสุกร โค แกะ แต่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า บางชนเผ่าที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ได้เลี้ยงสัตว์เอาไว้ใช้ล่าสัตว์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ที่พลิกทฤษฎีทางประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว เพราะส่วนใหญ่ความรู้ที่เราเคยได้รับมา มนุษย์ไม่ว่าจะยุคไหนไม่ค่อยจะเลี้ยงสัตว์เพื่อล่าสัตว์ แม้กระทั่งยุคแรกเริ่ม การนำสุนัขมาเลี้ยงไว้ในชุมชน สุนัขที่น่าจะมีทักษะการล่าสัตว์ได้ แต่มนุษย์กลับเลี้ยงไว้เพื่อเฝ้าบ้านด้วยซ้ำไปผิดกับชนเผ่าที่อาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาอัลไตแห่งมองโกเลีย ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะมี นกอินทรี (Eagle) เป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจใช้สำหรับล่าสัตว์ขนาดเล็กเพื่อนำมาเป็นอาหารเลี้ยงชีพ โดยนกอินทรีที่ชนเผ่าในมองโกเลียเลี้ยงไว้คือ อินทรีทอง (Golden Eagle) เมื่อผู้เขียนได้ดูสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในหัวมีคำถามวนไปวนมาว่าพวกเขาเลี้ยงอินทรีทองได้อย่างไร เพราะสมัยเรียนวิทยาศาสตร์ก็จำได้ว่านกอินทรีเป็นสัตว์ที่รักอิสระ ไม่ฟังคำสั่งใคร มีความหยิ่งผยองและไม่เป็นมิตรไม่ว่าจะกับสัตว์ด้วยกันหรือมนุษย์ จริงอยู่ที่ในบ้านเราก็มีคนเลี้ยงนกอินทรี แต่ก็เป็นการเลี้ยงแบบผูกเชือกหรือขังไว้ในกรง แต่สำหรับชาวมองโกเลีย พวกเขาสามารถเลี้ยงอินทรีทองโดยปล่อยให้พวกมันโบยบินได้อย่างอิสระ แถมยังเชื่อฟังคำสั่งจนรู้สึกว่ามันเชื่องกว่าสุนัขที่ผู้เขียนเลี้ยงไว้ที่บ้านเสียด้วยซ้ำเมื่อมีโอกาสได้ศึกษาเพิ่มเติม ก็พบว่าการเลี้ยงนกอินทรีของชนเผ่าในมองโกเลียมีมานานกว่า 4,000 ปีแล้ว เรียกว่าเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษมาหลายชั่วอายุคน ไม่แปลกที่พวกเขาจะยึดวิถีชีวิตแบบนี้ในการล่าสัตว์เพื่อยังชีพ เพราะดินแดนในมองโกเลียเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ มีป่าที่อุมสมบูรณ์เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติและสัตว์ป่านานาชนิด การฝึกนกอินทรีซึ่งในห่วงโซ่อาหารมีตำแหน่งเป็นผู้ล่า ให้รู้จักการล่าเหยื่อมาให้นายพรานจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาฝึกฝนมาอย่างยาวนานว่ากันว่าชนเผ่าในมองโกเลียทั้งชายและหญิงสามารถเลี้ยงนกอินทรีได้ด้วยกันทั้งนั้น พวกเขาต้องเรียนรู้วิธีการจับนกอินทรีตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้ที่ต้องการฝึกนกอินทรีจะต้องจับนกอายุน้อยมามัดติดไว้กับขา ต้องเข้าใจธรรมชาติของนกอินทรีที่มันจะบินหนีจนกว่าจะหมดแรง การผูกนกอินทรีไว้กับขาให้มันสามารถบินได้ในระยะความยาวของเชือก แล้วฝึกตัวเองให้เคยชินกับการถูกจิกถูกข่วน เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้นกอินทรีเชื่องและรู้จักผู้เลี้ยงในฐานะเจ้านาย แต่จากคำบอกเล่าของชาวมองโกเลีย แม้ว่าคนจะเป็นฝ่ายจับนกอินทรีมาได้ แต่นกอินทรีจะเลือกเจ้าของด้วยตัวของมันเอง ประมาณว่าถ้าเคมีไม่เข้ากันพวกมันก็จะไม่ยอมฟังคำสั่ง ไม่ว่าจะฝึกฝนมันเป็นระยะเวลานานเท่าไรก็ตามปัจจุบันวิถีชีวิตในการใช้นกอินทรีล่าสัตว์หาดูได้ยาก เพราะมีผู้ที่รู้จักการฝึกฝนนกอินทรีเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ประกอบกับกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าที่มีความเข้มข้นมากขึ้นในปัจจุบัน กิจกรรมดังกล่าวจึงกลายเป็นของสงวนและจัดขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น โดยจะจัดแสดงการล่าสัตว์โดยใช้นกอินทรีในเทศกาลอินทรีทอง (Golden Eagle Festival) ซึ่งความจริงเป็นงานที่เพิ่งจัดได้ไม่กี่ปี เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มคนฝึกนกไม่ได้คิดจะถ่ายทอดวิชาให้คนรุ่นหลัง ส่วนใหญ่ปลีกวิเวกไปอาศัยอยู่เพียงลำพังในป่าเขา แต่ต้องบอกว่าโซเชียลมีเดียนี่เองที่เป็นตัวกระตุ้นให้ภาครัฐ จัดเทศกาลอินทรีทองขึ้นมาเพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยวเมื่อวิถีชีวิตการใช้นกอินทรีล่าสัตว์กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง ทำให้เด็กชาวมองโกเลียหลายคนต่างอยากลองฝึกฝนนกอินทรีแบบบรรพบุรุษของพวกเขาดูบ้าง นับว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้วิถีชีวิตหาดูยากเช่นนี้ได้รับการสืบทอดโดยคนรุ่นหลัง เพราะเป็นทรดกจากบรรพบุรุษที่มีคุณค่า เป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของชนเผ่า อีกทั้งการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ยังเป็นช่องทางสร้างอาชีพให้กับนักฝึกอินทรีทองได้อีกด้วย ว่ากันว่ามีผู้ติดต่อซื้อนกอินทรีทองในราคาตัวละกว่า 400,000 บาท แต่นักฝึกนกจะไม่ขาย เพราะเมื่อถึงเวลาอันสมควร พวกเขาจะปล่อยนกอินทรีกลับคืนสู่ป่า แม้พวกมันจะบินกลับมาหาเข้าของบ่อย ๆ แต่นั่นเป็นธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาหลายพันปี และเป็นเรื่องราวที่ทำให้เราได้เรียนรู้กันในบทความนี้นั่นเองรูปภาพหน้าปก โดย Lightscape : Unsplashภาพประกอบที่ 1 โดย Lightscape : Unsplashภาพประกอบที่ 2 โดย Lightscape : Unsplashภาพประกอบที่ 3 โดย Mtorrazzina : Pixabayภาพประกอบที่ 4 โดย Lightscape : Unsplash