Howl’s moving castle – ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ ภาพยนตร์การ์ตูนจากค่ายสตูดิโอ จิบลิ เขียนบทและกำกับโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ ซึ่งได้ดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อเดียวกันเขียนโดย ไดอาน่า ไวนน์ โจนส์ เรื่องราวเวทมนต์เหนือจินตนาการสุดล้ำ ภาพประกอบฉากที่สวยงามตระกาลตาในสไตล์ของสตูดิโอจิบลิ แถมเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จด้านการสร้างรายได้มากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ เรื่องราวของหญิงสาวชื่อ โซฟี เธอเป็นช่างทำหมวกในร้านแห่งหนึ่ง ระหว่างทางกลับบ้านในตรอกเล็กๆนั้น โซฟี ได้บังเอิญไปพบกับ พ่อมดฮาวล์ ซึ่งฮาวล์ในตอนนั้นกำลังหลบหนีลูกสมุนของแม่มดแห่งทุ่งร้างอยู่ ฮาวล์จึงได้ใช้เวทมนต์บินหนีอุ้มโซฟีไปส่งโซฟีที่บ้าน โซฟีจึงเริ่มเกิดความประทับใจในตัวของพ่อพ่อมดฮาวล์เล็กน้อย ทำให้แม่มดแห่งทุ่งร้างที่ชอบ ฮาวล์ และกำลังตามจับตัวเขาอยู่ไม่พอใจ แม่มดแห่งทุ้งร้างจึงเข้าไปหาโซฟีแล้วสาปให้เธอกลายเป็นหญิงชรา โซฟีตกใจกับคำสาปนั้นเธอจึงตัดสินใจออกเมืองเพื่อหนีจากสิ่งวุ่นวายต่างๆ แต่เหมือนโชคชะตาก็ได้พาให้เธอเข้าไปอยู่ในปราสาทเวทมนต์ที่เดินได้ของ ฮาวล์ พ่อมดหนุ่มที่เคยช่วยเธอไว้อีกครั้ง เธอได้พบเรื่องราวในบ้านสุดแสนมหัศจรรย์แถมยังได้พบเพื่อนใหม่ๆไม่ว่าจะเป็น ปีศาจไฟแคลซิเฟอร์ ซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนปราสาท มาร์เคิลเด็กฝึกงานของฮาวล์ หุ่นไล่กาที่เธอตั้งชื่อให้ว่าหัวผักกาด รวมทั้งประตูวิเศษที่สามารถเปิดไปยังที่ต่างๆได้ แต่ในช่วงสถานการณ์ตอนนั้นกำลังเกิดสงครามขึ้นระหว่างเมือง พระราชาได้พยายามเรียกตัว ฮาวล์ เข้าไปพบเพื่อให้ไปช่วยสู้รบทำสงคราม แต่ฮาวล์พยายามเบี่ยงเบนที่จะเข้าพบ ซึ่งทำให้โซฟีเกิดความสงสัยจนเธอโดนขอร้องให้ปลอมตัวเป็นแม่ของ ฮาวล์ เข้าไปพบพระราชาแทน หลังจากนั้นเรื่องราวต่างๆก็ได้เริ่มต้นขึ้น เนื้อเรื่องโดยทั่วไปของ Howl’s moving castle จะออกแนว แฟนตาซี เวทมนต์ ชวนให้ตื่นตาตื่นใจตลอดทุกฉาก แถมผู้ชมยังได้รับมุมมองด้านบวกของตัวละครที่แสนจะสดใสร่างเริงอย่าง "โซฟี" ที่ถึงแม้ว่าจะโดนสาปให้กลายเป็นหญิงชรา แต่จิตใจของเธอไม่ได้แห้งเฉาไปตามร่างกายแม้แต่น้อย แม้ในบางฉากจะมีกลิ่นอายความขุ่นมั่วในด้านมืดของตัวพ่อมดหนุ่ม ฮาวล์ ที่เป็นปมเบื้องหลังปริศนาให้สัมผัสได้บ้าง แต่โครงเรื่องก็ยังคงเรื่องราวมหัศจรรย์ไปกับ เวทมนต์ ความสดใสและมิตรภาพของตัวละครต่างๆได้ไม่รู้จบ การเดินเรื่องมีความร่วมสมัยถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเริ่มฉายครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2550 (10กว่าปีที่แล้ว) แต่ก็เป็นหนังที่ดูไม่ล้าสมัยเลย มีความละเอียดในบทภาพยนตร์ใส่ใจในทุกตัวละคร จนทำให้หนังดูสนุกชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง ส่วนตัวผู้เขียนเพิ่งเคยดูการ์ตูนของสตูดิโอจิบลิเป็นเรื่องแรก รู้สึกประทับมากกับภาพที่มีสีสันสดใสสวยงามตระการตาในทุกๆฉาก ได้เสพทั้งเนื้อเรื่องสุดประทับใจและภาพสวยๆแบบนี้ไปพร้อมกัน ใครที่ชอบภาพยนต์การ์ตูนแนวนี้ไม่ควรพลาดเรื่องนี้เป็นอันขาด หรือคนที่ไม่เคยลองดูการ์ตูนของสตูดิโอจิบลิผมแนะนำเป็นอย่างยิ่ง แล้วคุณจะต้องหาเรื่องต่อไปของค่ายนี้มาดูอย่างแน่นอน ผู้อ่านสามารถติดตามภาพยนต์ของสตูดิโอจิบลิเรื่องอื่นๆได้ทาง Netflix แล้ววันนี้ ขอบคุณภาพจาก studioghibli.it