CR .https://bit.ly/3bpaT7Iถ้าคุณอยากอยู่ที่ไหนแล้วก็มีแต่ความสุขคุณจำเป็นต้องเป็นคนคิดบวก คำว่าคิดบวกไม่ได้หมายความว่าคุณต้องมองโลกสวยเสมอไป แต่คุณจะต้องมองสิ่งที่คุณมีอยู่ สิ่งที่คุณกำลังจะทำหรือสิ่งที่คุณต้องการเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ตลอดเวลาอย่างเช่นคุณบอกว่า คุณจะตั้งใจวิ่งทุกวันวันละ 5 กิโลเมตร ถ้าคุณคิดว่าทำได้ ก็จะทำได้ แบบนี้เรียกว่าคนคิดบวกอย่างถูกวิธีถ้าถามว่าทำไมคุณต้องคิดบวกในเรื่องต่าง ๆ ให้มาก เพราะนี้คือการพัฒนาตัวเองที่ดีที่สุด ไม่ต้องให้ผู้อื่นมาช่วยสอนกับเรา เป็นการสร้างตนเองให้เข็มแข็งและมีความสามารถต่อตนเองเพิ่มขึ้นทุกทาง 5 วิธีฝึกให้คุณเป็นคนคิดบวก1. การมองหาสิ่งที่เราควรทำ เลิกมองตัวเองเป็นเหยื่อหลายครั้งที่เราติดกับดักความคิดตัวเอง และไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ ด้วยการบอกตัวเองว่า “ ฉันทำไม่ได้ ” “ มันเป็นไปไม่ได้ ” “ มันอยู่เหนือการควบคุมของฉัน ” แล้วก็ปล่อยให้ตัวคุณเองยืนอยู่กับที่ เป็นฝ่ายถูกกระทำ แล้วให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไหลผ่านคุณไปเพราะคุณไม่ลงมือทำอะไรเลยการยอมรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ และความผิดพลาดของตัวเองเป็นเรื่องที่ดี แต่จงมองความผิดพลาดนั้นๆ ในเชิงบทเรียน ที่เราจะนำไปปรับใช้ให้ชีวิตของเราก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็งขึ้น คนที่มีสุขภาพจิตที่แข็งแรง จะแยกแยะระหว่างปัญหาที่เขาควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้ จะไม่จมอยู่กับปัญหา และโทษตัวเองจนเกินไปว่าความผิดทั้งหมดเกิดจากตนเอง แต่จะใช้สติปัญญาในการพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เรียนรู้ และจัดการกับความผิดพลาดที่ตัวเองสามารถจัดการได้CR . https://bit.ly/2WOy3QP 2. การชื่นชมสิ่งดี ๆ ในชีวิตแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยผมจะบอกก็คือชีวิตนี้หาความสมบูรณ์พร้อมได้ยาก มักจะมีบางอย่างขาดหายไปเสมอ เมื่อดิ้นรนจนได้สิ่งใหม่มา สิ่งเก่าก็พลันสูญหายไป จะเรียกว่าชีวิตนี้มีความพร่องเป็นนิจก็ได้ ใครที่ต้องการความสมบูรณ์พร้อมจากชีวิตก็เตรียมใจพบกับความผิดหวังได้เลยแทนที่จะมัวไขว่คว้าหาสิ่งที่ยังไม่มี ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรามีอยู่กับตัว อย่าลืมว่าสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้ สักวันหนึ่งก็จะสูญหายไปหรือกลายเป็นของหายากขึ้นมา ถ้าปล่อยปละละเลยสิ่งนั้น วันหน้าก็จะเสียใจเมื่อสิ่งนั้นพลัดพรากไปจากเราฉะนั้นในทุกๆวันควรชื่นชมสิ่งที่ตัวเองมีอย่างน้อยก็ขอบคุณชีวิตที่ตื่นมาแล้วยังหายใจได้อยู่ หรือชื่นชมท้องฟ้า ดอกไม้ ชื่มชนตัวเองว่าผมของฉันสวย หรือชื่นชมเพื่อนของเราว่าโชคดีที่มีเพื่อนดีๆแบบพวกเธอแบบนีก็ได้ อย่างน้อยก็ทำให้คุณมีความสุขดีกว่า ด่า ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาในชีวิตของตนเองCR . https://bit.ly/33OY2co 3. การมองหาความเป็นไปได้เราไม่ได้สนับสนุนให้มองโลกสวย เพราะในความเป็นจริงทุกสิ่งย่อมมีทั้งแง่บวกและแง่ลบ เพียงแต่คุณก็อย่าเอาแต่กังวลและมองแต่ความเลวร้ายอย่างเดียว เปิดใจมองและยอมรับความสวยงามของโลกนี้บ้าง เชื่อเถอะว่าความเจ็บปวดอาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป ตัวอย่างเช่นผู้ประสบความสำเร็จในโลกนี้ มีใครบ้างที่ไม่เคยผ่านความเจ็บปวด มีใครบ้างที่เดินผ่านความเจ็บปวดด้วยการล้มเลิกและหลีกหนี มีใครบ้างที่เอาแต่โทษโชคชะตาว่าทำไมช่างโหดร้ายกับเรานักดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำหากอยากเป็นคนคิดบวก จึงไม่ใช่การมองทุกอย่างให้สวยงามว่าชีวิตดี๊ดี หรือมองว่าทุกสิ่งจะมีปัญหาให้คอยระวังระแวงอย่างเดียว แต่เป็นมองความเป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง เมื่อได้ข้อมูลที่มากพอ คุณก็จะมองเห็นความหวังในชีวิตมากขึ้นอีกนิด และมองเห็นสิ่งที่คุณควรเตรียมการเพื่อป้องกันปัญหาและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีพลัง และมีแรงใจที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้ามากขึ้น CR . https://bit.ly/2UG4NZL4. การตั้งคำถามอย่างทุกคนทราบกันดีว่า โลกใบนี้ไม่มีคำว่า สมบูรณ์แบบ แต่น่าแปลกที่มีคนส่วนมากแสวงสิ่งที่เรียกว่าสมบูรณ์ ดังนั้น ความผิดพลาด หรือความล้มเหลว ที่นำมาสู่ความผิดหวังจึงเป็นเรื่องปกติที่เรามักพบในชีวิตประจำวัน แต่สิ่งที่คนคิดบวก กับ คนคิดลบตอบสนองต่อความผิดใด ๆ ก็ตามที่ต่างกันนั้นก็คือ วิธีการตั้งคำถามคนคิดบวก เมื่อเจอปัญหาที่เกิดขึ้น จะเกิดคำถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร ?คนคิดลบ เมื่อเจอปัญหาที่เกิดขึ้น จะเกิดคำถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นใครเป็นคนทำ ?เมื่อคุณถามว่า “ ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร ” คุณจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นและการแก้ปัญหาที่จะทำต่อไปในอนาคต ดังนั้น เมื่อคุณรู้ว่าอะไรคือสาเหตุของปัญหา คุณก็พร้อมที่จะวิธีการเดินต่อไปข้างหน้าแล้วแต่ถ้าตั้งคำถามปัญหาที่เกิดขึ้นใครเป็นคนทำ คุณจะให้ความสำคัญกับการกล่าวโทษและย่ำอยู่กับอดีต ยังไม่ต้องพูดถึงผลลัพธ์แย่ๆ อีกมากมายเป็นกระพรวนที่จะติดตามมา แค่เฉพาะการหาคำตอบของคำถามนี้อย่างเดียว ก็ทำให้คุณเสียเวลาโดยไม่เห็นปัญหาจริงที่เกิดขึ้น และไม่ได้ผลลัพธ์อะไรที่ดีขึ้นแล้ว CR . https://bit.ly/3bv84ly 5. การยอมรับและปล่อยวางหนึ่งบทเรียนที่ยากที่สุดในชีวิตนั่นก็คือการยอมรับและปล่อยวาง และไม่ว่ามันคือความรู้สึกผิดความโกรธ ความรักหรือความสูญเสีย การเปลี่ยนแปลงมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับใครเลย บางครั้งคุณยืนหยัดที่จะยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และพออีกช่วงเวลาหนึ่งคุณกลับต่อสู้กับทุกอย่างเพื่อที่จะยอมรับและปล่อยวางมันการทำอะไรแบบนี้ หรือฝึกให้ยอมรับและปล่อยวางมันเป็นสิ่งไม่ได้เรียกว่าง่ายเลย เรามักได้ยินคนบอกให้เราปล่อยวาง อย่ายึดติด ทำใจ หรืออีกมากมายที่คนจะพูดกัน แต่หากมันทำได้ง่ายๆ คุณก็คงทำไปแล้ว ดังนั้น เราจึงขอแนะนำให้คุณฝึกค่ะ ในครั้งแรกๆ มันคงไม่สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ถ้าฝึกไปเรื่อยๆ คุณก็จะทำมันได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอนแต่มีคำถามที่ดี ที่จะช่วยให้คุณยอมรับและปล่อยวางมันได้ คือ คุณต้องทบทวนตัวเอง คุณต้องลองหลับตาจินตนาการดูว่าถ้าได้สิ่งนั้นมาและสิ่งนั้นหายไปคุณจะรู้สึกอย่างไร เมื่อคุณคิดถึงมันได้แล้วให้คุณพยายามควบคุมความรู้สึกนั้นไว้ ครั้งแรกคงทำไม่ได้ ต้องฝึกหลาย ๆ ครั้งจะทำให้คุณยอมรับและปล่อยวางมันได้จริง ๆCR . https://bit.ly/2xrBkLp ทั้ง5ข้อที่กล่าวไปทั้งหมด บอกได้เลยว่าไม่สามารถทำได้แค่วันเดียวแล้วจะได้เลย มันเกิดจากการฝึกฝนของคุณในทุกๆวันว่าคุณฝึกมันมากแค่ไหนเพราะสิ่งที่สำคัญของการคิดบวกคือ การฝึกคิดบวก นั้นเอง ให้ลองทำไปทีละข้อก่อนไม่ต้องทำทั้งหมดทีเดียว การคิดบวกจะทำให้คุณเปลี่ยนเป็นคนใหม่แต่คุณต้องเริ่มจาก เปิดใจที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นก่อนและผมรับรองได้เลยว่าคุณจะมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นแน่นอน หลังจากนี้ก็ขอให้ทุกท่านมีเต็มไปด้วยพลังงานบวกและคิดบวก#หอการค้าIntrend #UTCCเด็กหัวการค้า