เที่ยวถนนข้าวสารอย่างไรให้ไม่เมา วันนี้มาบอกเล่าประสบการณ์การเที่ยวถนนข้าวสารให้ไม่เมา เพราะเราแค่อยากสัมผัสแสงสี เริ่มต้นด้วยการเดินทางออกจากบ้านเพื่อนแถวบางรักด้วยการนั่งรถเมล์สาย 15 รอรถนานเกือบประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้นั่งสมใจ นั่งรถเมล์ประมาณ 40 นาทีก็ถึงตรงข้ามปากซอยถนนข้าวสาร นาทีก็ถึงตรงข้ามปากซอยถนนข้าวสารพากัน นาทีก็ถึงตรงข้ามปากซอยถนนข้าวสารพากันวิ่งข้ามถนนไปพร้อมกับฝูงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ก็ถึงถนนข้าวสารแบบที่เห็นในรูป Cover บทความ ถ่ายมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ฮ่า ๆ แม้จะไปถึงประมาณทุ่มกว่าๆแต่คนก็เยอะมาก เริ่มต้นเดินจากปากซอยชมแสงสีไปเรื่อย ๆ เนื่องจากเคยเดินถนนหลักที่คนเยอะมากๆบ่อยแล้ว เลยเข้าไปซอยตรงกลางที่จะทะลุไปซอยรามบุตรี เป็นซอยที่คนไม่ค่อยหนาแน่นเท่าไหร่นัก แถมตลอดทางยังมีของสวย ๆ งาม ๆ ขายอีกมากมาย ส่วนใหญ่เป็นของฝากกระจุกกระจิกสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นของที่มีเอกลักษณ์ไทยดีมากๆ และมีของเก๋ๆอย่างเช่นเสื้อลายต่างๆที่เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นของประเทศไทย ที่ชอบมีอยู่ร้านนึงได้ถ่ายรูปเก็บไว้ เป็นเสื้อกล้ามสีขาวธรรมดา ๆ ตรงคอเหมือนเป็นการตัดให้เว้าแหว่งรวมถึงตรงแขนก็ด้วยเช่นกัน และมีคำเก๋ๆและลายที่ทำให้รู้ว่าได้มาเยือนเมืองไทยแล้ว เช่น มวยไทย คำว่า Khaosan Road Bangkok เป็นต้น และมีกางเกงขาสั้นสีล้วนและลายผ้าไหม เนื้อผ้าเป็นผ้าดิบให้ใส่คู่กับเสื้อ รู้สึกว่านี่เป็นความเก๋ของการแต่งกายยุคใหม่ ของฝากในปัจจุบันถ้าอยากดึงดูดให้นักท่องเที่ยวซื้อไม่จำเป็นต้องโบราณเสมอไป จึงได้เก็บภาพมาฝาก เดินไปเรื่อยๆในที่สุดก็ถึงซอยรามบุตรี ที่นี่แสงสีสวยเนื่องจากเป็นบาร์ที่ตกแต่งสวยงาม ไม่เหมือนโซนถนนหลักที่เน้นเป็นผับมืดๆให้วัยรุ่นเข้าไปเต้น ตรงนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุประมาณหนึ่ง เน้นการนั่งและพูดคุยกันเสียมากกว่า จึงต้องตกแต่งให้มีสไตล์เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมานั่งที่ร้านตนเอง นับว่าเป็นแสงสีที่สวยงามเหมาะแก่การถ่ายรูปหลายร้านมาก ๆ และที่หน้าร้านแต่ละร้านก็ไม่ได้ห้ามให้ร้านรถเข็นมาตั้ง เนื่องจากเป็นเอกลักษณ์ของถนนข้าวสารที่มักจะมีผัดไทยอร่อย มีอาหารข้างทาง เช่น บาร์บีคิวแบบไทยๆ และยังมีเด็กเดินขายดอกไม้ ขายของที่ระลึกพี่ไม่ได้เน้นความเป็นไทย ฮ่า ๆ เน้นว่าขายอะไรก็ได้ให้มีชาวต่างชาติซื้อ นี่แหละเป็นวิถีชีวิตครบรอบถนนข้าวสาร และการมาเที่ยวโดยไม่ต้องเมาอย่างเดียว สนุกไปอีกแบบค่ะ ใครว่างลองไปเดินชิล ๆ บ้างนะคะ