Kinosaki Onsen เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) ในภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ผมมีโอกาสได้มาเยือนเมืองนี้เพราะเนื่องมาจากการไม่มีงบประมาณจะพักที่เมืองออนเซ็นอีกเมืองนึงในจังหวัดเดียวกัน แต่ด้วยความที่ผมเดินทางมาญี่ปุ่นทั้งที ก็อยากจะลองหาที่พักที่เป็นเรียวคังพร้อมกับบ่อน้ำแร่ให้แช่ดูสักครั้ง แต่จากข้อมูลที่หาก็พบว่าที่พักสไตล์เรียวคังพร้อมบ่อน้ำแร่มีราคาค่อนข้างสูง ทำให้เกือบจะตัดใจ จนมาเจอที่ Kinosaki Onsen ที่แม้ว่าจะไกลจากตัวเมือง Osaka แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผมอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ผมกระตือรือร้นอยากจะสัมผัสเมือง ออนเซ็นที่อยู่ใจกลางป่าเขาเข้าไปอีก ผมจึงตัดสินใจที่จะเดินทางมาที่นี่ครับ ผมตื่นแต่เช้าด้วยความตื่นเต้น และด้วยระยะทางที่ต้องนั่งรถไฟเป็นเวลา 160 นาที ผมคงจะรอช้ากว่านี้ไม่ได้ รีบมุ่งหน้าไปที่สถานี JR Osaka พร้อมกับซื้อตั๋วไปสถานี JR Kinosaki Onsen ในเวลา 08.12 นาที โดยนั่งรถไฟขบวน LTD.EXP KONOTORI รถด่วนขบวนสีขาว หน้าตาล้ำยุคแต่จะพาเราไปเมืองโบราณที่มีมานานกว่า 1,300 ปี ซึ่งระหว่างทางไปผมก็ได้ซึมซับบรรยากาศของทิวทัศน์ที่สวยงามของป่าเขาประเทศญี่ปุ่น และรับประทานอาหารเช้าที่ซื้อมาจากสถานีต้นทาง แค่นี้ก็เริ่มทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆแล้วครับ รถไฟนำผมมาถึงจุดหมายที่สถานี JR Kinosaki Onsen ในเวลา 10.58 น. ผมค่อยๆเดินลงจากขบวนอย่างไม่รีบร้อน ก้าวแรกที่ออกมาจากรถไฟ ผมก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์ อุณหภูมิที่ลดต่ำลงจากในเมืองใหญ่ ทำให้รู้สึกหนาวเล็กน้อย ผมค่อยๆเดินสำรวจสถานี ก็ใช้เวลาไม่นาน เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่สถานีรถไฟกลับไม่ใหญ่อย่างที่คิด จำนวนนักท่องเที่ยวก็ดูไม่แออัด ค่อนข้างไปทางบางตาด้วยซ้ำ พอออกมาจากสถานีก็สามารถมองเห็นเมือง Kinosaki ได้เลย ซึ่งถือได้ว่าสถานีเป็นจุดเริ่มต้นของการมาเยือนเมืองนี้ โดยไม่ต้องต่อรถบัสหรือขนส่งอย่างอื่นอีก และสิ่งที่สะดุดตาของสถานีนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นชั้นโชว์รองเท้าประจำเมือง ที่พื้นของรองเท้าเขียนชื่อของเรียวคังทั้งหมดในเมืองนี้ติดเอาไว้ ถือเป็นเรื่องน่ารักๆที่เป็นงานถนัดของชาวญี่ปุ่นเลยครับ และเมื่อเดินออกมาอีกนิดก็จะพบรูปปั้นนกกระเรียนอยู่ที่กลางถนน เป็นอะไรที่รู้สึกถึงความตั้งใจของชาวเมืองมากๆครับ เรียวคังที่ผมพักคือ Kinosaki Onsen Kawaguchiya Honkan ซึ่งทางที่ไปเรียวคังก็เป็นเส้นทางในเมืองที่ผมสามารถเดินชมทิวทัศน์และร้านค้าต่างๆได้ เมือง Kinosaki Onsen เป็นเมืองออนเซ็นเล็กๆบรรยากาศเงียบสงบ จนไม่น่าจะเรียกว่าเป็นเมือง น่าจะเรียกว่าเป็นหมู่บ้านมากกว่า เพราะฉะนั้นจากตรงนี้ ผมขอเรียกว่าหมู่บ้านนะ (น่ารักดี) ผู้คนในหมู่บ้านไม่พลุกพล่าน อาคารบ้านเรือนเป็นแบบโบราญ และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นภูเขา น้ำแร่ที่นี้คงจะอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่บริสุทธิ์น่าดู และเมื่อเดินมาถึงเรียวคังผมก็จัดการเช็คอินและฟังคำอธิบายจากพนักงาน (พนักงานใช้ภาษาอังกฤษดีมาก) โดยผู้ที่พักที่เรียวคังของหมู่บ้านนี้ จะได้บัตรเข้าโรงอาบน้ำได้ทั้ง 7 แห่ง (เข้าได้แค่โรงละครั้ง) ซึ่งเวลาเปิด-ปิดแต่ละโรงอาบน้ำจะไม่ตรงกัน ใครที่วางแผนจะแช่ออนเซ็นให้ครบทั้ง 7 บ่อ ก็ต้องบริหารจัดการเวลาให้ดี แต่สำหรับผมนั้นเป็นจอมเชื่องช้า ขอเดินเที่ยวแบบไม่รีบร้อน เข้าโรงอาบน้ำนิดๆหน่อยๆ แล้วมาซึมซับบรรยากาศของหมู่บ้าน Kinosaki Onsen ดีกว่าครับ Satono-yu / Jizou-yu / Yanagi-yu / Ichino-yu / Goshono-yu / Mandara-yu / Kouno-yu / คือชื่อของโรงอาบน้ำทั้ง 7 ของหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งผมได้เข้าไปแช่บ่อน้ำแร่แค่ 4 บ่อ ซึ่งจริงๆแล้วตามเรียวคังในหมู่บ้านที่เราเลือกพัก เขาก็มีบ่อน้ำแร่ให้แช่นะ บางที่เป็นบ่อส่วนตัวเลยก็มี แต่อย่างที่ผมบอกเอาไว้ ผมชอบเดินชมสิ่งต่างๆอย่างไม่รีบร้อน เลยไม่ได้จริงจังว่า มาเมืองออนเซ็น ต้องลงให้ครบทุกบ่อ นั่นก็ทำให้ผมสัมผัสถึงวิถีชีวิตของคนในเมือง ที่บางคนเป็นคนที่ทำงานในป่าเขา ก่อนกลับบ้านก็แวะอาบน้ำให้ผ่อนคลายก่อน (นึกถึงหนังเรื่อง Wood Job เลยครับ) ร้านอาหารหรือร้านค้าหลายๆร้านจะปิดค่อนข้างเร็ว (ประมาณหกโมงเย็นก็เริ่มปิดแล้วครับ) เหลือเพียงร้านดินเนอร์แค่ไม่กี่ร้านเท่านั้น พอเริ่มค่ำ บรรยากาศจากที่เงียบสงบอยู่แล้ว ยิ่งเงียบสงบเข้าไปใหญ่เลยครับ ต่างจากเมืองใหญ่ที่เคยสัมผัสมา ไม่มีกลุ่มวัยรุ่นโวยวายเสียงดัง หรือสถานบันเทิงยามค่ำคืน ผมเองก็นั่งซึมซับบรรยากาศอยู่บริเวณสะพานข้ามคลองเล็กๆ แล้วก็คิดในใจว่า "ชอบความบ้านนอกของญี่ปุ่นจังเลย" ความรู้สึกของผมที่ได้อยู่ที่หมู่บ้าน Kinosaki เหมือนกับว่าเวลามันเดินช้าลง รู้สึกถึงความอบอุ่นจากบรรยากาศที่หมู่บ้านนี้มอบให้ ทำให้ผมได้คิดทบทวนอะไรหลายๆอย่าง ถือว่าเป็นความรู้สึกที่มีความสุขในใจอย่างแท้จริง เมื่อผมตื่นขึ้นมาในช่วงเช้า ผมไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะนอนต่อ ไม่ใช่ว่าผมรีบเพราะกลัวตกรถไฟ แต่เป็นเพราะผมรู้สึกว่า ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มแล้ว ผมก็คิดว่าจะออกไปแช่ออนเซ็นบ่อที่เหลือสักหน่อย แต่คิดไปคิดมา ที่เรียวคังของเราก็มี ไม่ต้องรีบร้อนเดินออกไปข้างนอกหรอก แช่ที่เรียวคังนี่แหละ หมู่บ้านเล็กๆที่มอบความสุขให้ผมขนาดนี้ ไม่รู้จะรีบออกไปทำไม อยากจะหยุดเวลาแล้วอยู่ที่ตรงนี้ให้นานกว่านี้อีก แต่ก็นั่นแหละครับ สุดท้ายแล้วเสียงของความจริงก็จะปลุกเราขึ้นมา เพื่อไปเผชิญหน้ากับความรับผิดชอบในชีวิต แต่ไม่เป็นไร ถึงจะต้องจากลาจากที่นี่ ผมก็ได้รับพลังงานในการล่อเลี้ยงชีวิตมาแล้ว ถ้าวันใดมันเหมือนจะหมด ผมก็จะกลับมาหา Kinosaki Onsen เมืองที่หยุดเวลาและหัวใจ "ภาพถ่ายโดยผู้เขียน"