เมื่อไวรัส COVID-19 เริ่มระบาดอย่างรุนแรงและแพร่หลายทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการภายใต้การ Lockdown ประเทศ พร้อมกับข้อจำกัดต่างๆมากมาย ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของประชาชนต้องเปลี่ยนแปลงไป จนหลายคนมองว่าอาจจะเป็นการเริ่มต้นของการเกิด New Normal หรือวิถีการดำเนินชีวิตแบบใหม่ ที่แตกต่างจากเดิมออกไปอย่างสิ้นเชิง แล้วมีเรื่องอะไรบ้างที่เขาคาดการณ์ว่า จะกลายเป็น New Normal และโอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ในความคิดของเรา 1.การทำงานจากที่บ้าน Work From Home (WFH) นี่คือ New Normal ที่เกิดผลกระทบจาก COVID-19 ที่แท้จริง จากมาตรการ Lockdown ของภาครัฐทำให้บริษัทหลาย ๆ แห่งเลือกที่จะให้พนักงานทำงานอยู่กับบ้านแทนที่จะต้องเดินทางมายังที่ทำงาน เพื่อลดภาวะความเสี่ยงในการพบเจอผู้คนในระยะนี้ ประกอบกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เข้ามามีส่วนช่วยให้เกิดความสะดวกง่าย ๆ ในการทำงานร่วมกัน เช่น ZOOM ที่กลายมาเป็นโปรแกรมฮอตฮิตสำหรับการประชุมออนไลน์ในช่วงนี้ WFH กลายเป็นเรื่องดีไปด้วยซ้ำสำหรับบริษัทขนาดเล็กที่มีพนักงานไม่มาก เพราะมองว่าช่วยลดงบประมาณค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่าสำนักงาน แต่กระนั้นแล้วใช่ว่า ทุกคนอยากจะทำงานจากที่บ้าน เพราะสำหรับบางคนบ้านก็คือบ้าน ไม่สะดวกจะใช้เป็นที่ทำงาน บางคนก็มีปัญหาเรื่องความไม่พร้อมของเครือข่ายอินเทอร้เน็ต เน็ตบ้านช้าทำงานไม่คล่องตัวเหมือนอยู่ออฟฟิศ นอกจากนี้บริษัทส่วนใหญ่ก็ยังต้องการให้พนักงานมาทำงานแบบเจอตัวกันมากกว่าเพราะงาน 1 ชิ้นอาจจะต้องมีการปฎิสัมพันธ์กับฝ่ายอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นหากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น การกลับไปทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิมน่าจะเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกว่า สรุปแล้วโอกาสจะเป็น New Normal ในเรื่องนี้เราให้แค่ไม่ถึง 40% 2.Online Shopping และ Food Delivery เอาเข้าจริง ๆ ทั้งออนไลน์ช็อปปิ้งและฟู้ดเดลิเวอรี่ นั้นต่างก็ได้รับความนิยมมาพักใหญ่แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ อาจจะเรียกว่าเป็น New Normal ก่อนที่จะมีโควิด-19 ไปแล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่ในช่วงนี้พอผู้คนถูกบังคับให้ต้องอยู่บ้านเป็นหลัก เลยยิ่งเป็นแรงขับดันให้ธุรกิจทั้งสองประเภทนี้มีอัตราการเติบโตสวนกระแสธุรกิจอื่น ๆ ไปเลย ทุกวันนี้มองไปไหนตามท้องถนนรถส่วนตัวอาจจะน้อยลง แต่รถส่งของ รถพนักงาน Biker ส่งอาหารกลับขี่กันให้เกลื่อนเมือง นี่ก็เป็นการสะท้อนภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเติบโตของเรื่องนี้ได้ดี อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ได้มาทดแทนรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมอย่างเบ็ดเสร็จ เพราะเชื่อว่าคนก็ยังอยากออกไปเดินห้าง ไปหาซื้อของแบบที่ลองได้จับต้องได้ หรือในแง่ของการกิน เราก็ยังอยากไปกินข้างนอกบ้านบ้างเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ฉะนั้นสรุปแล้วในเรื่องนี้ โอกาสเกิด 80% 3.จริงจังกับสุขอนามัย ไวรัส COVID-19 เป็นโรคใหม่ของสังคมโลกและสังคมไทยที่ยังหาวัคซีนป้องกันไมได้ ฉะนั้นในช่วงแรกทันทีที่หมอออกมาบอกให้คนตระหนักถึงการป้องกันตัว คนจึงแห่แหนกันไปหาหน้ากากมาสวมใส่จนเกิดภาวะ "หน้ากากขาดตลาด" เพราะทุกคนตื่นกลัวการติดเชื้อ นอกจากนี้เรื่องของสุขอนามัยอื่น ๆ ก็เริ่มตื่นตัวกันมากขึ้น เช่น กินร้อน ช้อนตัวเอง ล้างมือบ่อย ๆ รวมถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม Social Distancing ก็เป็นคำใหม่เรื่องใหม่ที่คนยุคนี้ต้องเรียนรู้และปฏิบัติตัวตาม อย่างไรก็ดี หลังจากผ่านช่วงตื่นกลัวและเริ่มคุ้นชิน ประกอบกับตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มมีแนวโน้มที่ลดลง ก็เริ่มเห็นทิศทางของคนที่จะลดการปฎิบัติตัวเองอย่างเข้มข้นด้านสุขอนามัยลง เพราะคิดว่าโรคระบาดน้อยลงแล้ว ตามสไตล์คนไทยที่มักจะทำอะไรตามสบาย ๆ ไว้ก่อน เอาแค่เรื่องฝุ่นควัน PM 2.5 ในช่วงที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้สนใจที่หาหน้ากากมาใส่ป้องกันเท่าที่ควร ดังนั้นโอกาสจะเกิด New Normal แบบที่จะเห็นคนไทยเป็นมนุษย์หน้ากากตลอดเวลาหลังจากนี้นั้นคงเป็นไปได้ยาก โอกาสในเรื่องนี้คงมี 40% 4.ชีวิตยามราตรีที่หายไป แม้ว่ารัฐบาลยังคลายมาตรการ Lockdown ลงไปในหลาย ๆ เรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่ยังคงไว้อยู่ก็คือ การคงประกาศเคอร์ฟิว ให้ประชาชนงดออกจากบ้านในช่วง 4 ทุ่มถึงตี 4 นี่คือเรื่องใหญ่ของสายปาร์ตี้และคนที่ชอบใช้ชีวิตแบบผีเสื้อราตรี เรื่องนี้จะยืดยาวไปอีกนานแค่ไหน คงยังตอบไม่ได้ เชื่อว่าอยู่ที่การประเมินสถานการณ์ของฝ่ายสาธารณสุขในบ้านเราว่า จะเข้มงวดต่อไปหรือผ่อนคลายในระยะยาว ที่ผ่านมาประกาศเคอร์ฟิวมักจะใช้ในช่วงที่มีเหตุการณ์ไม่สงบในบ้านเมือง ซึ่งมักจะกินเวลาสั้น ๆ ไม่นานก็จบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราไม่รู้ว่า เคอร์ฟิวนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ดังนั้นเหล่าผีเสื้อราตรีและมนุษย์ค้างคาวทั้งหลาย รวมถึงคนที่มีอาชีพที่ต้องทำงานช่วงกลางคืน คงต้องปรับตัวกันไปอีกพักใหญ่ กลายเป็น New Normal ที่ต้องยอมรับแม้จะไม่ค่อยเต็มใจนักก็ตาม โอกาส 50-50 ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นการคาดการณ์ส่วนตัวในหัวข้อ New Normal หลัก ๆ ที่คนส่วนใหญ่พูดถึงกันมากในช่วงนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วโลกหลังยุคโควิด-19 จะนำพาเราไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตครั้งใหม่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเราที่จะปรับตัวไปได้อย่างราบรื่นแค่ไหนพร้อม ๆ ไปกับระยะเวลาที่ผ่านนานวันไปเรื่อย ๆ ของโรคระบาดแห่งยุคตัวนี้ รูปภาพประกอบบทความ รูปปก ขอบคุณ Freepik รูปที่ 1 ขอบคุณ Freepik1 รูปที่ 2 ขอบคุณ Freepik2 รูปที่ 3 ขอบคุณ Freepik3 รูปที่ 4 ขอบคุณ Freepik4