ในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมา ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวหรือไม่ก็ไปท่องเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัด ในขณะที่บางคนที่นึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนหรือว่าไม่อยากไปเที่ยวที่ไกล ๆ (ซึ่งผมเป็นหนึ่งในนั้น 555) โดยในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมได้ตัดสินใจที่จะไปท่องเที่ยวที่วัดเพื่อไหว้พระเพื่อเพิ่มความสิริมงคลให้ตัวเองซักหน่อย ซึ่งวัดที่ผมตัดสินใจว่าจะไปในครั้งนั้น ก็คือ "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม" หรือชื่อสั้น ๆ ก็คือ "วัดโพธิ์" นั่นเองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 และยังเป็นวัดที่จัดเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทยด้วย เพราะว่าวัดแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมจารึกที่บันทึกความรู้ไว้หลากหลายแขนง และยังเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วยซึ่งผมได้ไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญภายในวัด จะเป็นที่ไหนบ้าง ไปชมกันเลยยวิหารพระพุทธไสยาสและพระพุทธไสยาสถ้าใครมามาวัดโพธิ์แล้วไม่มาสักการะพระพุทธไสยาส ก็เหมือนมาไม่ถึงวัดโพธิ์ โดยพระพุทธไสยาสนั้นเป็นพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู จัดเป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ (มีความยาว 46 เมตร สูง 15 เมตร) ตัวพระนั้นสร้างแบบก่ออิฐถือปูนและลงรักปิดทองทั่วทั้งองค์ ส่วนตัวพระวิหารที่สร้างครอบองค์พระนั้นมีจิตรกรรมฝาผนังรอบตัวพระวิหารที่มีความวิจิตรสวยงามมาก ใครมาถึงก็เข้ามาสักการะซักหน่อยเพื่อความเป็นสิริมงคลพระมหาเจดีย์สี่รัชกาลภายในวัด เราจะพบพระเจดีย์ตั้งอยู่มากมายซึ่งทำให้วัดโพธิ์ขึ้นชื่อว่าเป็น "วัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย" ซึ่งในบรรดาพระเจดีย์เหล่านั้นจะมีพระเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 4 องค์ซึ่งก็คือพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาลนั่นเอง โดยกลุ่มพระมหาเจดีย์ที่อยู่ภายในกำแพงขาว แต่ละองค์เป็นเจดีย์ย่อไม้สิบสองเพิ่มมุมสูง 42 เมตร ตัวเจดีย์จะประดับกระเบื้องเคลือบและกระเบื้องเครื่องถ้วยลวดลายต่าง ๆ ที่มีความสวยงามอย่างมาก โดยพระมหาเจดีย์แต่ละองค์มีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน โดย- พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 ชื่อว่า "พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ" เป็นเจดีย์กระเบื้องเคลือบสีเขียว- พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2 ชื่อว่า "พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน" เป็นเจดีย์กระเบื้องเคลือบสีขาว- พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 3 ชื่อว่า "พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร" เป็นเจดีย์กระเบื้องเคลือบสีเหลือง- พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4 ชื่อว่า "พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย" เป็นเจดีย์กระเบื้องเคลือบสีขาบหรือสีน้ำเงินเข้มจารึกวัดโพธิ์หากใครได้เยี่ยมชมตัววัดโพธิ์ ก็จะพบจารึกที่ประดับไว้ตามบริเวณต่าง ๆ จารึกดังกล่าวนั้นก็คือ "จารึกวัดโพธิ์" นั่นเอง โดยตัวจารึกนั้นจะบันทึกความรู้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตำราการแพทย์ พระพุทธศาสนา รวมไปถึงบันทึกเรื่องลักษณะเชื้อชาติที่เข้ามาติดต่อกับประเทศไทยในสมัยก่อน จารึกเหล่านี้ รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้ประชาชนมาศึกษาค้นคว้า ด้วยเหตุนี้ทำให้วัดโพธิ์ถูกยกย่องให้เป็น "มหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย" และจารึกดังกล่าวก็ยังได้รับการขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโกให้เป็น "มรดกความทรงจำโลก" เมื่อปี พ.ศ. 2554 ด้วยเขามอและฤาษีดัดตนในบริเวณวัดโพธิ์นั้น จะมีรูปปั้นฤาษีประดับบนหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่อยู่ รูปปั้นนั้นก็คือรูปปั้น "ฤาษีดัดตน" ซึ่งเป็นรูปปั้นฤาษีในท่าทางต่าง ๆ อันเป็นท่าตามหลักโยคะของอินเดีย การทำโยคะนั้นเป็นการออกกำลังกายโดยใช้ศิลปะของอินเดียนั่นเอง ซึ่งกลุ่มรูปปั้นเหล่านี้ รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้ราษฎรได้เล่าเรียนและรักษาโรคนั่นเอง ใครมาเยี่ยมชมก็สามารถลองไปทำตามได้นะครับพระอุโบสถและพระพุทธเทวปฏิมากร หากทุกคนได้เข้าไปเยี่ยมชมในพระอุโบสถประจำวัดโพธิ์นั้น จะพบพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิประดิษฐานไว้อยู่ พระพุทธรูปดังกล่าวมีชื่อว่า "พระพุทธเทวปฏิมากร" ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ รัชกาลที่ 1 ทรงอัญเชิญมาจากวัดคูหาสวรรค์หรือวัดศาลาสี่หน้าเพื่อมาประดิษฐานไว้ ใครเข้ามาในตัวอุโบสถก็สามารถเข้ามาสักการะได้ นอกจากนี้ ในพระอุโบสถก็มีจิตรกรรมฝาผนังซึ่งมีความสวยงามประดับไว้รอบผนังอีกด้วย (น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ T_T)ยักษ์วัดโพธิ์หากใครเดินผ่านซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑป ก็จะพบยักษ์ 2 ตนยืนเฝ้าน่าประตูอยู่ ยักษ์ 2 ตนที่ว่านั่นก็คือ "ยักษ์วัดโพธิ์" โดยยักษ์ 2 ตนมีความเกี่ยวข้องกับตำนานท่าเตียน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งต่อสู้กันโดยที่ไม่รู้ผลแพ้ชนะ ซึ่งการต่อสู้ครั้งนั้นทำให้บริเวณที่มีการปะทะโล่งเตียน จนเป็นที่มาของชื่อสถานที่ "ท่าเตียน" นั่นเอง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้นะครับว่ายักษ์วัดไหนเก่งกว่ากัน 555 (น่าเสียดายเช่นกันที่ผมไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ T_T) และนี่เป็นสถานที่สำคัญภายในวัดที่ผมได้ไปเยี่ยมชม ซึ่งขอบอกไว้ก่อนว่าแต่ละแห่งนั้นมีความเป็นมาที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีลักษณะทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมที่มีความงดงาม อีกทั้งยังได้ความรู้จากจารึกภายในวัดโพธิ์อีกด้วย ผมหวังว่าการมารีวิวในครั้งนี้ จะทำให้ทุกท่านที่มาเที่ยวกรุงเทพ จะเพิ่มวัดโพธิ์เป็นหนึ่งในหมุดหมายที่จะมาท่องเที่ยวกันนะครับ ^_^การเดินทาง : ผมเดินทางไปลงที่ MRT สนามไชย ออกจากสถานีตรงทางออกที่ 1 บริเวณด้านหน้ามิวเซียมสยาม จากนั้นเดินเท้าไปอีก 220 เมตร ก็จะถึงทางเข้าวัดที่มารูปภาพภาพประกอบบทความ : KyojuroRengoku (ภาพที่ผมถ่ายเอง)ภาพปก : KyojuroRengoku (ภาพที่ผมถ่ายเอง) อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !