ในขณะที่โลกของเราประกอบไปด้วยประเทศต่าง ๆ กว่า 190 ประเทศ กระจายไปตามภูมิภาคต่าง ๆ สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือไม่มีประเทศใดเลยที่จะสามารถยืนอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว การอยู่โดดเดี่ยวเป็นภัยอย่างหนึ่งของประเทศ อาจส่งผลให้ประเทศมีอำนาจต่อรองน้อย หรือหากเป็นประเทศกำลังพัฒนาการมีมิตรที่ดีจะช่วยให้เกิดการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นได้ อุปมาอุปไมยเสมือนหนึ่งที่คนเราต้องมีเพื่อนคู่คิดมิตรสหายฉันใด ประเทศแต่ละแห่งก็จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์อันดีและสร้างมิตรประเทศกับประเทศอื่นฉันนั้น การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศนั้นเป็นหน้าที่ของนักวิเทศสัมพันธ์ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ปี 2542 ได้ให้ความหมายของคำว่า วิเทศ แปลว่า ต่างประเทศ ดังนั้น โดยรวมจึงหมายถึง คนที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยนักวิเทศสัมพันธ์ มีหน้าที่ คือ-ติดต่อและประสานงานกับพันธมิตรต่างประเทศ-จัดกิจกรรมด้านต่างประเทศร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ-ประสานงาน จัดเตรียมข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนะด้านความร่วมมือกับต่างประเทศPhoto by Jason Leung on Unsplashจะเห็นว่าข้อความสำคัญหรือคีย์เวริ์ดของงานในตำแหน่งนี้คือสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ดังนั้น จึงต้องมีความรู้และทักษะเน้นหนักไปในทางด้านภาษา โดยพื้นฐานคือต้องมีทักษะในภาษาอังกฤษระดับดีมาก หรือหากมีความรู้ภาษาอื่นหรือภาษาที่สามด้วยจะดีมากเช่นกัน เพราะภาษานั้นถือเป็นความจำเป็นในการเป็นตัวเชื่อมโยงความเข้าใจสำหรับประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาแม่เดียวกัน รวมถึงภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ใช้ในการเจรจาหารือ ต่อรอง หรือใช้ในการแปล การล่าม หรืองานด้านพิธีการอื่น ๆ"Federica Mogherini in Asia-Pacific" by European External Action Service - EEAS is licensed under CC BY-NC 2.0 นอกเหนือจากทักษะด้านภาษาต่างประเทศแล้ว นักวิเทศสัมพันธ์ยังต้องมีกระบวนคิดเพื่อให้เกิดการสร้างเครือข่าย (Networking) การริเริ่มและดําเนินการเชิงรุก (Taking Initiative) รวมถึงความคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Reasoning) เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่สร้างสรรและเป็นประโยชน์เพื่อให้ง่ายต่อความเข้า ขอยกตัวอย่าง คือประเทศไทยในฐานะประเทศกำลังพัฒนา ยังขาดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อยู่มากเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่น นักวิเทศสัมพันธ์จะต้องทำการศึกษาข้อมูลว่าหน่วยงานใดของประเทศญี่ปุ่นที่มีความก้าวหน้า เข้มแข็งและต้องการถ่ายทอดองค์ความรู้หรือให้ความช่วยเหลือในด้านดังกล่าว เมื่อได้ข้อมูลแล้วจะต้องทำการติดต่อเพื่อขอให้ข้อมูล หรือเพื่อเจรจาว่าจะเกิดความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ ใดได้บ้างส่วนการวัดผลสัมฤทธิ์ของการสร้างความร่วมมือคือเมื่อเกิดกิจกรรม อาทิเช่น การจัดส่งผู้เชี่ยวชาญมายังไทย การส่งบุคลากรไทยไปเรียนรู้ยังประเทศญี่ปุ่น หรือหาโอกาสในการร่วมทดสอบ ทดลองเพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้เพิ่มเติม การตีพิมพ์ผลงานวิจัย เป็นต้น"Federica Mogherini in Asia-Pacific" by European External Action Service - EEAS is licensed under CC BY-NC 2.0 สิ่งที่เน้นย้ำสำหรับคนที่จะทำงานเป็นนักวิเทศสัมพันธ์คือต้องมุ่งมั่นให้เกิดการสร้างความสัมพันธ์อันดี ไม่ได้ชวนทะเลาะเบาะแว้ง ดังนั้น การเจรจาต่อรองของนักวิเทศสัมพันธ์นั้นจะพูดคุยบนพื้นฐานความสนใจร่วมกัน (mutual interest) เพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกันแบบ win-win หรือได้ผลประโยชน์ร่วมกัน บนพื้นฐานความเข้าใจอันดีร่วมกัน ภาพปก Photo by Vladislav Klapin on Unsplash