คงไม่ต้องพูดกันมาก หรืออธิบายให้ยืดยาวว่า คณะราษฎร เป็นใคร เชื่อว่าหลายคนรู้กันอย่างดีว่า เป็นคณะบุคคลที่เปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 มีสัญลักษณ์หลายอย่างของคณะราษฏร ที่ส่งผ่านเป็นประวัติศาสตร์ ให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษากันมาต่อเนื่องแต่มีอีกหนึ่งสถานที่ ที่แม้แต่ตัวผมเอง ก็เพิ่งมารับรู้จากการพบข้อมูลว่า สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของคณะราษฎรนั่นคือ “ตึกที่ทำการคณะราษฏร”สวนสราญรมย์นั้น นอกจากปัจจุบันจะเป็นสวนสาธารณะ ที่เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะเขตพระนครชั้นใน และมีโบราณสถานหลายชิ้น ในวันที่ไปเก็บภาพสำรวจอาคารที่ครั้งหนึ่งคือที่ทำการของคณะราษฏร จากประตูทางเข้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับกองบัญชาการรักษาดินแดน เพียงหันไปทางด้านขวามือจากน้ำพุตรงกลาง จะเห็นอาคารหลังนี้ สภาพของอาคารในปัจจุบัน ถือว่า ยังแข็งแรง ไม่มีส่วนชำรุด ซึ่งคาดการว่าผ่านการซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง ตัวอาคาร เป็น 2 ชั้น ด้านบนไม่มีหน้าต่าง ไม่แน่ใจว่าในอดีตมีหน้าต่างหรือไม่ แต่ปัจจุบันปิดทึบ และใช้เครื่องปรับอากาศด้านหน้า สัญลักษณ์ พานแว่นฟ้ารองรับรัฐธรรมนูญ ตั้งเด่นสง่า เข้าไปพิจารณาระยะใกล้ โครงสร้างทำจากไม้ ติดกระจกสี ช่วงฐานมีร่องรอยการผุงพัง วิเคราะห์โดยรวมยังไม่เคยผ่านการบูรณะแต่อย่างใด เนื่องจากชิ้นกระจก เป็นของเก่าดั้งเดิม ส่วนไม้ที่ผุ ไม่มีร่องรอยชั้นผิวที่เคลือบสีหรือน้ำยาใด ๆส่วนด้านในอาคาร ในปัจจุบัน ถูกใช้งานเป็นที่ทำการสวนสราญรมย์ สำนักงานสวนสาธารณะ สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ผมจึงตัดสินใจไม่เข้าไปรบกวนเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานกันอยู่ เพียงแต่ชมความสวยงามด้านนอก เมื่อลัดเลาะไปด้านข้างของอาคาร พบช่องระบายลมอยู่ติดพื้น ผมพยายามส่องเข้าไปดู พบว่า จากช่องลมที่เห็น ด้านในเป็นห้องชั้นใต้ดิน ไม่แน่ใจนักว่าในอดีตใช้สำหรับอะไร แต่ที่เห็นในปัจจุบันขณะที่ผมกำลังดูนั้น ใช้เป็นห้องเก็บของของอาคารสำหรับที่ทำการคณะราษฏรนั้น นอกจากจะเป็นที่ทำงานหรือหน่วยงานของคณะราษฏร ที่นี่ ยังเป็นที่ตั้งของ สโมสรคณะราษฏร์สราญรมย์ ซึ่งมีการจัดงานรื่นเริงตามแบบฉบับหรือแบบนิยมของทางฝั่งโลกตะวันตก นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานประกวดเทพีรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญอีกด้วย เมื่อถอยหลังมาถ่ายรูปมุมกว้างของอาคาร ผมพึงพอใจในระดับหนึ่งว่า ตัวเองได้มายืนอยู่เบื้องหน้าอาคารที่เป็นหนึ่งในข้อต่อหรือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย แต่ถ้าเป็นไปได้ ในความคิดผม อยากให้ใช้เพื่อการเรียนรู้ หรือเป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อการเรียนที่สามารถจับต้องได้.เรื่องและภาพ โดย วรกร เข็มทองวงศ์