.... ข้าพเจ้าเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใด โดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร ….(บางส่วนของคำประกาศสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในพระราชหัตถเลขา ลงวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477) อาคารพระปกเกล้าฯ (ที่มาภาพ : ผู้เขียน) .... หากใครได้เคยเดินผ่านถนนราชดำเนิน ถนนสายประวัติศาสตร์ของประเทศไทย คงจะเคยได้มีโอกาสเดินผ่าน หรือเคยมองเห็นอาคารรูปทรงตระการตา สีเขียวนวลดูน่าเกรงขามอยู่กลางถนนราชดำเนิน อาคารที่กล่าวนั้นคือ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ของปวงชนชาวไทย พิพิธภัณฑ์ฯ ดังกล่าวเป็นแหล่งข้อมูลชั้นยอด ที่ได้รวบรวมพระราชประวัติ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ รูปถ่าย หลักฐานทางประวัติศาสตร์ สื่อมัลติมีเดีย ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสะท้อนพระจริยาวัตรอันงดงาม ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินีนาถ โดยอาคารดังกล่าวเป็นอาคารในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งสถาบันพระปกเกล้าได้เช่าอาคารดังกล่าว เพื่อจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นับแต่ พ.ศ.2545 จวบจนถึงปัจจุบัน .... โดยปัจจุบัน นอกจากการจัดแสดงพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี แล้ว ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประชาธิปไตยที่น่าสนใจ และจัดแสดงในรูปแบบสื่อผสมได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง นิทรรศการประชาธิปไตย เป็นส่วนจัดแสดงใหม่ (ที่มาภาพ : ผู้เขียน) บรรยากาศการจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน (ที่มาภาพ : ผู้เขียน)ในส่วนหลักๆ ของพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ชั้น โดยนิทรรศการชั้นที่ 1จัดแสดงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีนาถ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พระราชพิธีอภิเษกสมรส สิ่งของเครื่องใช้ที่พระองค์เคยใช้ ฉลองพระองค์อันทรงคุณค่า และยังเป็นที่ตั้งของห้องมั่นคง ซึ่งหาชมได้ยากยิ่ง โดยพิพิธภัณฑ์ฯ ได้แบ่งพื้นที่จัดแสดงได้อย่างหน้าสนใจ และจัดวางรูปแบบการนำเสนออย่างตระการตา เอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ (ที่มาภาพ : ผู้เขียน)นิทรรศการชั้นที่ 2 จัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับพระราชประวัติภายหลังจากสละราชสมบัติ ซึ่งจัดแสดงข้อมูลพระราชประวัติ และแสดงพระราชจริยาวัตรอันงดงาม เรียบง่าย นิทรรศการได้บอกเล่าเรื่องราวที่น่าประทับใจ เช่น ทรงปลูกต้นไม้ด้วยพระองค์เอง ทรงกีฬาร่วมกับพระสหาย อีกทั้งยังแสดงพระราชนิยมส่วนพระองค์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดการถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการสะท้อนและบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชพิธีสำคัญ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยนั้น และยังทรงพระกรุณาให้จัดสร้างโรงภาพยนตร์แห่งแรกในประเทศไทย หรือที่รู้จัดกันในนาม “ศาลาเฉลิมกรุง” นอกจากนี้ในส่วนของชั้นสอง ยังมีการเล่าเรื่องราวอื่นๆ เช่น การสืบราชสันตติวงศ์ และพระราชประวัติก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ นิทรรศการชั้นที่ 3นิทรรศการชั้นที่ 3 พิพิธภัณฑ์ฯ ได้จัดแสดงและบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชกรณียกิจที่สำคัญที่ช่วงรัชสมัย เช่น ทรงเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรเป็นครั้งแรก พระราชกรณียกิจด้านการสื่อสาร การเสด็จประภาสทั้งในและต่างประเทศ การสร้างระบบราชการให้มีความสมบูรณ์และให้ความสำคัญกับการสร้างระบบคุณธรรมของราชการไทย อีกทั้งยังมีการจัดแสดงในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ภายในมีร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ไว้บริการผู้เข้าชม (ที่มาภาพ : ผู้เขียน) สำหรับใครที่มีเวลาว่างลองหาเวลามาเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ อย่างพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งนอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังมีโอกาสที่จะได้ชมวัตถุล้ำค่าต่างๆ ที่หาชมได้ยากยิ่ง โดยพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เปิดให้เข้าชมวันอังคาร – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ไม่เว้นวันนักขัตฤกษ์ยกเว้นวันสงกรานต์และวันปีใหม่ ไม่เสียค่าเข้าชม กรณีเข้าเป็นหมู่คณะติดต่อประสานงานล่วงหน้าจะมีวิทยากรนำชม ขอขอบคุณภาพหน้าปก จาก canvas.com