เชื่อกันว่าไหว้ศาลหลักเมืองฯ ทุกต้นปี แล้วชีวิตจะตั้งหลักได้ คนไทยจึงนิยมมาไหว้ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครเพราะความเชื่อข้างต้น แล้วสายทำบุญอย่างฉันจะพลาดได้อย่างไร เริ่มต้นปี พ.ศ. 2563 ฉันจึงรีบชวนเพื่อนมาไหว้ศาลหลักเมืองฯ เป็นที่แรกของปีเลย แต่สำหรับคนที่พลาดไม่ได้มาต้นปีก็ไม่เป็นไร รู้หรือไม่ว่ามีอีก 1 ช่วงเวลาที่เหมาะกับการไหว้ศาลหลักเมืองฯ อีกหนึ่งวัน นั่นก็คือหลังวันที่ 21 เมษายนของทุกปี เพราะถือเป็นวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ มีการทำพิธีวางเสาหลักเมืองของ กทม. ในสมัยรัชกาลที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เป็นต้นมา ทำให้สามารถนับเป็นรัตนโกสินทร์ศกหรือ ร.ศ. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2325 ได้เป็น ร.ศ. 1 เพราะจะไม่มีการนับเริ่ม ร.ศ. 0 ส่วนถ้าอยากจะรู้ว่า กทม. ครบรอบปีที่เท่าไรแล้วนั้น ก็นับถัดจาก พ.ศ. 2325 มาจรดวันที่ทำพิธีวางเสาหลักเมืองได้เลย ซึ่งในปี พ.ศ. 2563 นี้ก็จะครบ 238 ปีพอดี ซึ่งในวันที่ 21 เมษายนของทุกปี ก็จะมีการทำพิธีโดยสมเด็จพระสังฆราช และพระองค์ได้มอบพระคติธรรมในวาระครบรอบทุกปี ฉันจึงขอมาแบ่งปันการไหว้ศาลหลักเมืองฯ เพื่อเป็นการต้อนรับปีที่ 238 ของกรุงรัตนโกสินทร์ และเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตของทุกคน ซึ่งวิธีไหว้ยังคงเหมือนเดิมไม่ว่าท่านจะไปต้นปีใหม่มาแล้ว หรือจะไปหลังจากวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ก็ตาม ก่อนอื่น ทางศาลหลักเมืองฯ จะมีชุดไหว้จัดเตรียมไว้ให้ ราคาชุดละ 60 บาท ประกอบด้วยธูป เทียน น้ำมันตะเกียง มาลัยดอกดาวเรือง ดอกบัว ผ้าสามสี แผ่นปิดทอง สามารถไปที่จุดแรกได้เลย คือพระประธานในโบสถ์ด้านหลัง เพื่อถวายดอกบัวแก่พระประธานเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ลงมาจุดธูปเทียนสวดคำกล่าวบูชาสักการะองค์พระหลักเมือง อธิษฐานขอพรให้ครบถ้วนตามที่ต้องการ แล้วนำธูปเทียนไปปักไว้ในที่ที่จัดให้ ถวายมาลัยดอกดาวเรือง จากนั้นก็ต่อด้วยการปิดทองพระพุทธรูปบริเวณนั้น ต่อไปเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ คือ การนำผ้าสามสีไปผูกที่เสาหลักเมืองจำลอง มีให้ประชาชนได้ผูกผ้าถึง 3 เสา เลือกเสาใดก็ได้ สังเกตว่าคนจะมากเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่าองค์พระหลักเมืองจากต้นไม้ใหญ่ ซึ่งมักมีรุกขเทวดาอยู่ ให้โชคแก่ชาวบ้านที่เคารพ ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านมักนำผ้าสีไปผูกเพื่อเป็นการกราบไหว้บูชาให้ท่านช่วยเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตนั่นเอง จากนั้นก็จะไปเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ซึ่งจะมีป้ายให้คำแนะนำว่า ไม่ใช่แค่เติมพระประจำวันเกิดของตนเองจนหมดขวด แต่ให้แบ่งเติมอย่างละครึ่งที่พระเกตุ ซึ่งเป็นพระที่ดูแลคนทุกวันเกิดด้วย เติมเสร็จก็อย่าลืมทิ้งขยะให้ถูกที่ด้วย จากนั้นไปกราบสักการะเทพทั้ง 5 ทิศที่จำลองมาจากสรวงสวรรค์ ถึงตรงนี้ชุดไหว้ศาลหลักเมืองฯ จะหมดเรียบร้อยแล้ว ใครอยากถวายมาลัยหรือดอกไม้ สามารถซื้อได้บริเวณรอบ ๆ ศาลหลักเมืองฯ หรือจะไหว้เฉย ๆ ก็ได้ ไม่ได้บังคับ ในทุก ๆ จุดจะมีตู้รับบริจาคอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้ท่านทำบุญได้ทุกที่ เมื่อไหว้เหล่าเทพเรียบร้อยแล้ว จุดสุดท้ายเราก็จะไปไหว้ศาลหลักเมืองที่อยู่ภายในตัวอาคารกัน จะอยู่ตรงกลาง และเป็นที่นั่งเป็นชั้น ๆ สูงขึ้นมาให้ประชาชนได้มองเห็นเสาหลักเมืองและไหว้โดยที่ไม่บังกัน ซึ่งทุกที่ที่อยู่ในอาคารไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียนเพื่อเป็นการป้องกันเหตุเพลิงไหม้นั่นเอง ขณะที่ไหว้รู้สึกลมเย็นกว่าที่อื่น มีความเงียบสงบแม้อยู่ท่ามกลางคนเยอะ สวดบทบูชาและอธิษฐานขอพรอีกครั้ง เป็นอันจบการไหว้ศาลหลักเมืองฯ เรียบร้อย สามารถติดตามข่าวสารได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ สำนักงานกิจการศาลหลักเมือง กทม.ปี2325 สักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ต้อนรับ 238 ปีกรุงรัตนโกสินทร์