ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาเรียนรู้การทำงานของโรงเรียนช่างฝีมือในวัง (ชาย) ซึ่งมีการเรียนการสอนด้านงานศิลป์หลายแขนง แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ "แผนกช่างเขียน" อันเป็นพื้นฐานของงานศิลปะ ซึ่งล้วนเริ่มต้นจากการเขียนเส้น คิดค้นประดิษฐ์ลาย จนกลายเป็นงานช่างไทยแขนงต่างๆ ช่างเขียน คือ ผู้ที่มีความสามารถชำนาญในทางวาดเขียน และลงสีให้เกิดภาพที่มีลวดลายงดงาม ช่างเขียนโบราณแต่ละพื้นถิ่นได้มีคำเรียกต่างกันออกไป อาทิ ช่างแต้ม ช่างเขียนสี ช่างเขียนลายรดน้ำ เป็นต้น ในหมวดช่างสิบหมู่ ช่างเขียนถือว่าเป็นช่างที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นพื้นฐานของงานช่างประเภทอื่นๆ การวาดเขียนและการลงสี เป็นที่ยอมรับนับถือว่าเป็นสื่อที่มีศักยภาพมาก สำหรับถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ ออกมาให้ปรากฏในลักษณะรูปธรรมที่ชัดเจน งานแผนกช่างเขียนที่จัดการเรียนการสอนในโรงเรียนช่างฝีมือในวัง (ชาย) นั้น ให้ความสำคัญกับงานจิตรกรรมแบบไทยประเพณีเป็นหลัก ซึ่งเป็นศิลปะที่มีความประณีต แสดงความเป็นไทย ให้ความรู้สึกของเส้นลายที่อ่อนช้อย ละมุนละไม มีลักษณะพิเศษเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างสรรค์สืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ผลงานของช่างเขียนจิตรกรรมไทยแบบประเพณีส่วนมาก มักปรากฏเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์และวิหารเป็นภาพ แบบอุดมคติกึ่งสมจริง สะท้อนแนวคิดความศรัทธาในพุทธศาสนา และใช้สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับ พระมหากษัตริย์ อีกทั้งยังสอดแทรกกิจกรรมทางสังคมชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนจากจิตรกรรมไทยแบบประเพณี การฝึกงานช่างเขียนขั้นเริ่มต้นต้องฝึกลายพื้นฐานทั้งหมด 4 หมวด คือ “กระหนก นารี กระบี่ คชา” ลำดับแรกคือ “กระหนก” เป็นการฝึกออกแบบลวดลาย ซึ่งใช้เป็นองค์ประกอบสำคัญในงานเขียนจิตรกรรมแบบไทยประเพณี โดยผู้เรียนต้องฝึกออกแบบลวดลายให้มีความสวยงาม สมดุล และตรงตามรูปแบบของงานจิตรกรรมไทย ลำดับที่สอง “นารี” เป็นการเขียนภาพเกี่ยวกับลักษณะของสตรี หรือภาพบุคคลที่มีลายเส้นที่อ่อนช้อย หากเป็นภาพของเทวดา มักจะใช้เขียนในรูปแบบทวารบาล ลำดับที่สาม “กระบี่” เป็นการเขียนภาพเกี่ยวกับลิง และยักษ์ ซึ่งมักใช้พบในงานจิตรกรรมไทยประเพณี โดยเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์ ลำดับที่สี่ “คชา” เป็นหมวด การเขียนภาพเกี่ยวกับคชลักษณะ ทั้งตามแบบพื้นฐาน วรรณคดี หรือหิมพานต์ ซึ่งปรากฏลักษณะที่มีความหลากหลายแตกต่างกันออกไป การฝึกเขียนภาพพื้นฐานจะฝึกเขียนขั้นแรกในกระดาษวาดภาพ โดยใช้ดินสอเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการเขียนให้ภาพออกมาในลักษณะสีเอกรงค์ คล้ายขั้นตอนเริ่มต้นของการทำลายรดน้ำ การสร้างสรรค์งานแผนกช่างเขียนต้องสามารถใช้เป็นต้นแบบ นำไปสร้างสรรค์ และต่อยอดสิ่งต่างๆ ได้ตามความประสงค์ จึงจะถือว่าเป็นต้นแบบที่มีความสำเร็จ และมีคุณค่าเฉพาะในตัวชิ้นงาน นักเรียนในโรงเรียนช่างฝีมือในวัง (ชาย) นอกจากจะฝึกเขียนภาพในระยะเริ่มต้นแล้ว ยังต้องคิดประดิษฐ์ลายเส้นภาพ และเขียนออกมาในรูปแบบจิตรกรรมไทยประเพณี เพื่อนำเสนอและรับคำชี้แนะจากครูผู้สอน ทำให้เกิดผลงานที่มีความหลากหลายอย่างไม่จำกัด การสร้างสรรค์งานช่างเขียนจะปรากฏในพื้นวัสดุหลัก คือ พื้นปูสำหรับจิตรกรรมฝาผนัง กระดาษสำหรับประกอบในคัมภีร์พระธรรมหรือสมุดไทย ผ้าสำหรับภาพพระบฏหรืองานพระราชพิธี และไม้สำหรับงานช่างอื่นๆ จิตรกรรมไทยแบบประเพณีมีลักษณะสำคัญ 3 ประการ หนึ่งคือการระบายสีเรียบ สองคือการตัดเส้นเพื่อแสดงรูปร่างและแสดงรายละเอียดของภาพ งานตัดเส้นถือว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษ นอกจากจะแสดงฝีมือเชิงช่างแล้วยังสะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับระดับของสังคมอีกด้วย สุดท้ายคือต้องมีรูปลักษณ์อย่างอุดมคติกึ่งสมจริง งานจิตรกรรมไทยแบบประเพณีจะใช้สีที่ได้มาจากแร่ธาตุธรรมชาติ เช่น สีดำทำจากเขม่าหรือถ่าน สีแดงมาจากดินสีแดง สีทองก็ใช้ทองคำเปลว สีเหลืองจากยางต้นรงค์ สีขาวขุ่นจากหอยเผา สำหรับกาวที่ใช้ในงานจิตรกรรมจะใช้กาวที่ได้จากเม็ดมะขามเปรี้ยว เคี่ยวเป็นเวลา 8 ชั่วโมง เพื่อให้คายกาว และผสมดินสอพอง ส่วนพู่กันที่ใช้จะทำจากรากต้นลำเจียก หรือเปลือกต้นกระดังงา ถ้าเป็นพู่กันที่มีขนาดเล็กใช้สำหรับตัดเส้นมัก ทำมาจากขนหูวัว นอกจากกรรมวิธีฝึกหัดงานช่างเขียนที่พิเศษแล้ว แผนกช่างเขียนก็นับว่าเป็นขั้นตอนพื้นฐานการเขียนจิตรกรรมแบบไทยประเพณี ทั้งยังเป็นพื้นฐานงานช่างอื่นๆ เป็นงานที่มีความพิถีพิถันในเรื่องวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งคงรูปแบบดั้งเดิมไว้ และต้องใช้ความคิด ความอดทน อาศัยทักษะในการฝึกฝน และสร้างสรรค์งานให้มี เอกลักษณ์ ความสมดุล และตรงตามรูปแบบจิตรกรรมไทยประเพณี กว่าจะเกิดงานช่างศิลป์สักหนึ่งชิ้น ช่างฝีมือเหล่านี้ต้องผ่านการฝึกฝน ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และใส่ใจในชิ้นงานเป็นอย่างมาก เพื่อให้เกิดความงดงาม อันเป็นการสืบสาน รักษาคุณค่าและเอกลักษณ์ของงานช่างไทย เรื่องและภาพโดยผู้เขียน