หลายต่อหลายครั้งเราพูดกันอยู่เสมอว่า อาหารแต่ละจานเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีของชาติได้อย่างดีที่สุด ทำไมอาหารอิตาเลียนต้องมีชีส อาหารอินเดียต้องปรุงด้วยเครื่องเทศจำนวนมาก ทำไมเกาหลีต้องมีกิมจิ นั่นเป็นเพราะอาหารไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่เรายัดลงท้องเพียงเท่านั้น เมื่อพูดถึง อาหารไทย สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวของใครหลายคนคือ 'รสชาติเผ็ดร้อน' ซึ่งไม่ได้เผ็ดจากเครื่องเทศแบบอาหารทางอาหรับ แต่เผ็ดเพราะการปรุงรสด้วยพริก รู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้ยังมีข้อถกเถียงว่าพริกเป็นพืชของไทยหรือพริกมาจากไหน จะพริกชนิดใดก็แล้วแต่ ผู้เขียนจะใช้ความรู้และหลักฐานที่พอจะหาได้มาไขข้อข้องใจกันในบทความนี้โบราณนานมา พริก (Chili) ไม่ได้ปรากฎอยู่ในตำราอาหารของอารยธรรมมนุษย์ที่ใดเลย อียิปต์ที่รุ่งเรือง กรีกและโรมันที่ทันสมัยไม่มีใครรู้จักพริก เพราะฉะนั้นจึงสันนิษฐานว่า พริกน่าจะเพิ่งถูกค้นพบเมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ออกเดินเรือและได้ค้นพบกับทวีปอเมริกาแล้ว จากหลักฐานของตะวันตกที่บันทึกไว้ โคลัมบัสพบกับพริกที่ขึ้นอยู่แถบทะเลแคริบเบียน เหนือแผ่นดินทวีปอเมริกา เมื่อลองชิมแล้วสัมผัสได้ว่ามีรสเผ็ด จึงทดลองนำไปปลูกที่โปรตุเกสก่อน จากนั้นน่าจะมีการเพาะพันธุ์ที่สเปนต่อมา อย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้ว ทั้งโปรตุเกสกับสเปนต่างก็เป็นชาติมหาอำนาจในการเดินเรือและล่าอาณานิคม สันนิษฐานว่าพริกก็น่าจะแพร่กระจายเข้าสู่ทวีปอื่น ๆ ทั่วโลกจากการเดินเรือติดต่อค้าขายนั่นเองจากหลักฐานของโลกตะวันตก ก็น่าจะตอบคำถามได้ว่าพริกไม่ใช่พืชที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในละแวกบ้านเราอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่พริกกลายเป็นวัตถุดิบหลักในอาหารของคนไทยได้อย่างไร เรื่องนี้มีคำตอบเช่นกัน เพราะตามที่กล่าวไปแล้วว่า ช่วงเวลาที่โคลัมบัสได้พริกมาจากทวีปอเมริกาแล้วนำไปปลูกที่ฝรั่งเศส มันดันตรงกับช่วงเวลาที่กรุงศรีอยุธยาทำสัญญาการค้ากับโปรตุเกสพอดิบพอดี พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมว่า เมื่อสองชาติทำการค้ากัน สินค้าจากไทยแพร่ไปยังตะวันตก สินค้าจากตะวันตกก็แพร่มายังไทย พริกก็เป็นสินค้าอีกหนึ่งชนิดที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาในช่วงที่กำลังค้าขายกับโปรตุเกสนั่นเองแต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า กรุงศรีอยุธยามีพริกอยู่แล้ว เป็นพริกที่ได้มาจากการค้ากับพ่อค้าอาหรับ อินเดียหรือแขกมัวร์อะไรเทือกนั้น สาเหตุที่เรียกว่า พริก ก็เพราะเพี้ยนมาจากคำว่า ปิบปาลี (Pippali) ที่คนอินเดียเรียกกัน คราวนี้พอได้พริกชนิดใหม่มาจากโลกตะวันตก คนสยามจึงต้องหาวิธีแยกแยะให้ได้ว่าพริกแต่ละชนิดเป็นอย่างไร ดังนั้นพริกที่คนกรุงศรีฯ มีอยู่ดั้งเดิมจึงถูกเรียกว่า พริกไทย (Pepper) ส่วนพริกที่เข้ามาใหม่ก็เรียกว่า พริก (Chili) ตามปกติ แต่ก็นำมาใช้ประโยชน์ในการปรุงอาหารเหมือนกัน ต่างกันที่พริกดอกแดงดอกเขียวจะนำมาทำพริกแกง ส่วนพริกไทยจะใช้ดับกลิ่นคาวในอาหาร โดยเฉพาะจำพวกเครื่องในสัตว์ที่คนกรุงศรีฯ ชอบรับประทานกันนั่นเองจากพริกเป็นดอกที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาโดยการติดต่อค้าขาย ภายหลังจึงมีการนำเมล็ดมาขยายพันธุ์ เชื่อกันว่าการปลูกพริกเกิดขึ้นโดยบังเอิญจาการโยนพริกดอกที่เน่าเสียลงบนพื้นดิน ด้วยสภาพอากาศร้อนชื้นทำให้ต้นพริกเจริญเติบโตได้ง่าย ล่วงมาจนถึงปัจจุบัน การขยายพันธุ์และดัดแปลงพันธุกรรมทำให้บ้านเรามีพริกหลายชนิด มีระดับความเผ็ดมากน้อยต่างกันออกไป เป็นทางเลือกในการประกอบอาหารได้หลายประเภท แต่ถึงอย่างไรอาหารไทยแทบทุกชนิดก็มีรสเผ็ดเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เราเห็นว่าความเผ็ดที่นิยมกันนั้นไม่ได้มาจากวัตถุดิบละแวกนี้ แต่เป็นเพราะการนำวัตถุดิบจากต่างแดนมาดัดแปลงให้ถูกจริตการรับประทาน เรียกว่าเป็นการผสมผสานอย่างลงตัว จนในที่สุดความเผ็ดร้อนได้กลายเป็นลายเซ็นของอาหารไทยนั่นเองเครดิตรูปภาพ- รูปภาพหน้าปก โดย JillWellington : Pixabay- ภาพประกอบที่ 1 โดย Cegoh : Pixabay- ภาพประกอบที่ 2 โดย Free-Photos : Pixabay- ภาพประกอบที่ 3 โดย Congerdesign : Pixabay- ภาพประกอบที่ 4 โดย Free-Photos : Pixabay