เครดิตภาพปกจาก Karolina Grabowska / Pexels Passive Income อิสรภาพทางการเงินของนักวางแผน หากพูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็มักจะได้ยินคำว่า Passive Income อยู่บ่อยๆ และยังมีหลายคน ที่เข้าใจผิด คิดว่า Passive Income คือรายได้ ที่ได้มาแบบ สบายๆ ไม่ต้องทำงาน ซึ่งคนที่เข้าใจแบบนี้ ก็เพราะว่า เขายังไม่ได้รับ รายได้แบบ Passive Income ส่วนผู้ที่มีรายได้ประเภทนี้บ้างแล้ว จะเข้าใจอย่างถูกต้องว่า Passive Income หมายถึง รายได้ที่ได้จากการลงทุน หรือลงแรง ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่สามารถ ให้ผลตอบแทนได้ระยะยาว อาจเป็นรายได้รับ แบบสม่ำเสมอ หรือเป็นครั้งคราวในแต่และช่วงเวลา จากการวางแผนไว้ ตั้งแต่เริ่มแรก การมีรายได้ แบบ Passive Income นั้นย่อมเกิดจาก การวางแผนล่วงหน้า ตั้งแต่เริ่มต้น ในหลายๆ ด้าน ที่เรียกรวมๆ กันว่า การวางแผนทางการเงิน เพื่อเป็นการกำหนดทิศทาง ให้บรรลุเป้าหมาย โดยเริ่มจาก เครดิตภาพจาก Joslyn Pickens / Pexels 1. แผนการออม นับเป็นแผนตั้งต้น และสำคัญที่สุด ของการวางแผนทางการเงินเพราะถ้าแผนการออมนี้ ล้มเหลว ก็ยากที่แผนทางการเงินอื่นๆ จะสำเร็จได้ ฉะนั้นแล้ว ความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง และการมีวินัยที่เข้มแข็ง จะเป็นหัวใจสำคัญของแผนการออมนี้ ส่วนการลงมือปฏิบัติ ตามแผนนี้ไม่ยาก เริ่มจากการจดบันทึกรายรับ ร่ายจ่าย หรือเรียกว่าการลงบัญชีรายรับ รายจ่าย เพื่อจะได้ทราบว่า เงินของคุณ จ่ายไปกับสิ่งไหน หมวดหมู่ไหน สิ่งนั้นจำเป็นหรือไม่จำเป็น เป็นการตรวจสอบ สุขภาพทางการเงินเบื้องต้น และสามารถติดตามเงินนั้นกลับมา ในเดือนต่อๆไป ไม่ว่าจะเป็น ค่าล้างรถ ค่าซักรีด ค่าตัดหญ้า ค่าแพคเกจมือถือ หรืออินเตอร์เน็ต ที่สูงเกินความเป็น ก็อาจปรับลดลงมาได้ ค่าปรับ หรือดอกเบี้ยจาก การนำบัตรเครดิต ไปกดเงินสด ซึ่งเป็นการใช้บัตรเครดิต ที่ผิดวัตถุประสงค์ และเกินหน้าที่ของบัตรเครดิต ที่คุณไม่ควรทำ และสิ่งที่ต้องจดจำอีกอย่างหนึ่ง คือต้องรู้ว่า การออมนั้น เป็นฝาแฝด กับการประหยัด และต้องวางแผนควบคู่กันไป เครดิตภาพจาก Anna Nekrashevich / Pexels 2. แผนการลงทุน หรือแผนการสร้างสินทรัพย์ การออมอย่างเดียวนั้น อาจทำให้คุณถึงเป้าหมายได้ช้ามาก ยิ่งถ้าคุณมีรายได้หรือเงินเดือนไม่สูง แผนการออมอย่างเดียวคงไม่พอ ดังนั้นเมื่อสะสมเงินออมได้ จำนวนหนึ่งแล้ว คุณต้องมองหาช่องทางต่างๆ สำหรับการนำเงินออมไปลงทุน เพื่อทำให้เงินออมนั้นงอกเงยขึ้นมา การเลือกลงทุนนั้น ให้ดูที่ผลตอบแทน อย่างน้อยที่สุด ต้องมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ของธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้น ในกองทุนรวมที่ออกโดย บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ จะซื้อหรือรับขายฝาก เพื่อรับดอกเบี้ย ก็ดูที่จำนวนเงินออมที่มี เครดิตภาพจาก Tima Miroshnichenko / Pexels 3. แผนบริหารความเสี่ยง ในทุกๆช่องทางการลงทุน มักจะควบคู่กับความเสี่ยงด้วยเสมอ การลงทุนที่ไม่ถูกวิธี หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ลงทุน ก็มีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเลย กลับมีความเสี่ยงยิ่งกว่า เพราะว่ามูลค่าของเงินออมที่เรามี จะมีมูลค่าลดลงทุกปี ที่เรียกกันว่า ภาวะเงินเฟ้อ นั้น อาจทำให้คุณมีความเสี่ยง ที่จะมีเงินไม่พอใช้หลังเกษียณ ดังนั้น เมื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีจำกัดความเสี่ยง ให้ต่ำหรือน้อยที่สุด ด้วยการบริหารความเสี่ยง โดยการศึกษาหาความรู้ ที่จำเป็น อย่างละเอียด จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในสิ่งที่คุณเลือกลงทุน และติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลงทุน ที่สำคัญต้องกระจายความเสี่ยง และเลือกลงทุน ในสินทรัพย์ที่มีขนาดความเสี่ยง ที่คุณสามารถรับได้ นอกจากบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนแล้ว ยังมีความเสี่ยง ในการดำรงชีพอีก ไม่ว่าจากการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ ซึ่งก็นับว่า เป็นความเสี่ยงทางด้านการเงิน เช่นกัน และควรบริหารความเสี่ยงด้านนี้ ด้วยการทำประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุร่วมด้วย เครดิตภาพจาก Sally Jermain / Pixabay ทุกคนล้วนอยากมี Passive Income เพื่อการมี อิสรภาพทางการเงิน แต่ต้องไม่ลืมว่า ไม่มีสิ่งใดได้มาอย่างง่ายๆ หรือฟรีๆ ทุกความสำเร็จล้วนมาจาก การวางแผน อย่างถูกต้อง ไว้ตั้งแต่แรก และแผนการออม การลงทุน และการบริหารความเสี่ยง นับเป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่ทำให้ แผนการเงินของคุณ สำเร็จได้ตามเป้าหมาย ที่วางไว้ บทความโดย Be A Boss!ขอบคุณภาพประกอบบทความ : ภาพปก : Karolina Grabowska / ภาพที่ 1 : Joslyn Pickens / ภาพที่ 2 : Anna Nekrashevich/ ภาพที่ 3 : Tima Miroshnichenko / ภาพที่ 4 : Sally Jermain เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !