นี่เป็นบทความที่ผมเขียนเพื่อรำลึกถึงความทรงจำบางส่วนของตัวเอง เพราะภาคแรกของเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมดูกับแฟนที่เคยคบกัน ความรักครั้งนั้นจบลงไม่สวยงาม เลือนรางไปตามกาลเวลา แต่ความทรงจำบางอย่างยังติดอยู่ในใจเสมอ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือหนังเรื่องนี้Bad boy for life เป็นหนังภาคสามของชุด เล่าเรื่องของสองตำรวจคู่หูที่มีความต่างกันสุดขั้วแต่กลับทำงานเข้ากันได้ดีอย่าง ไมค์ นายตำรวจรูปหล่อ สูงเพียว โสด มีฐานะ กับมาร์คัส ตำรวจที่ชอบคิดจุกจิก พูดมาก มีครอบครัว สองคนประจำการอยู่ที่ไมอามี่ ที่ผ่านมาทั้งสองภาคพวกเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับขบวนการค้ายา คดีปล้นและแก๊งอิทธิพล ในครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะแรงจูงใจของผู้ร้ายคือการล้างแค้น โดยไมค์เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลัก ขณะเดียวกันมาร์คัสที่กลายเป็นคุณตามีหลานตัวน้อย ก็คิดถึงเรื่องการเกษียณตัวเอง ไมค์ที่อยากไขคดีเพื่อหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังต้องการคู่หูที่วางใจได้จึงพยายามรั้งมาร์คัสไว้ ทว่าทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด จนเมื่อความตายของคนสำคัญเกิดขึ้น มันส่งผลให้ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปไม่มีวันเหมือนเดิมอีกตลอดกาลขอขอบคุณภาพประกอบบทความจาก https://www.facebook.com/BadBoysMovie/อย่างที่เกริ่นไว้ ผมดูแบดบอยทุกภาค จึงอยากขอเท้าความความเป็นมาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้สักนิด ตัวหนังทั้งสองภาคก่อนหน้าให้น้ำหนักของตัวละครก่ำกึ่งสมดุลกัน แม้ฝั่งไมค์ที่แสดงโดยวิลล์ สมิธ จะดูมีความเท่มากกว่า แต่ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ก็จะยอมรับว่าหากขาดบทของมาร์คัสซึ่งแสดงโดยมาร์ติน ลอว์เรนซ์ไป แบดบอยก็ไม่มีทางเป็นแบดบอยที่ทุกคนรู้จักแน่นอน ทว่าในภาคนี้การให้น้ำหนักของตัวละครกลับพุ่งเป้าไปที่ตัวละครไมค์อย่างชัดเจน บทมาร์คัสแทบจะกลายเป็นตัวประกอบไปเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากเนื้อหาที่เน้นเกี่ยวกับปมอดีตของไมค์ซึ่งเกี่ยวพันกับตัวคนร้าย ที่บอกเลยว่าภาคนี้คนร้ายเด่นมาก หนังยังให้ความสำคัญกับทีมตำรวจชุดใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในการสืบสวนหาความจริงด้วยหนุ่มสาวหน้าตาดีบุคลิกโดยเด่นหลายคนขอขอบคุณภาพประกอบบทความจาก https://www.facebook.com/BadBoysMovie/ขอขอบคุณภาพประกอบบทความจาก https://www.facebook.com/BadBoysMovie/ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนอีกอย่างของตัวหนังชุดนี้คือการที่ภาคนี้เล่าให้เห็นศักยภาพในการทำงานของสองคู่หูที่แม้จะยังคงเจ๋งอยู่ แต่ความเท่ถดถอยลง คล้ายจะเป็นการบอกว่า เฮ้ย! พวกนายแก่แล้วนะ ไม่ใช่นายตำรวจสุดคูลที่สาว ๆ ในยุคนี้ให้ความสนใจอีกแล้ว ซึ่งถ้าถามว่าดีไหม มันก็เป็นวัฏจักรของชีวิตที่ต้องเป็นไป ผมดูไปก็เข้าใจในจุดนี้ แต่ขณะเดียวกันก็อดเศร้าใจไปด้วยไม่ได้ที่ความรุ่งโรจน์ของทั้งสองผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทว่านั่นไม่ได้หมายความว่าหนังไม่สนุกนะครับ ความวินาศสันตะโรที่ทั้งคู่ทำขึ้นยังไม่เปลี่ยนแปลง มุกตลกก็ยังมีไม่ขาดถึงจะน้อยลงเมื่อเทียบกับภาคก่อน ๆ แต่ตัวหนังเน้นที่ความหมายของชีวิต การให้ความสำคัญในกระทำ เรียกว่ามีความหนักแน่นของดราม่าที่ดีขึ้นซึ่งส่วนนี้สองภาคก่อนทำได้ไม่ดีเท่าหนังภาคนี้ได้สองผู้กำกับ Adil El Arbi และ Bilal Fallah หนังประสบความสำเร็จทำรายได้ไปกว่าสองร้อยล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างเก้าสิบล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจากความสำเร็จนี้ ทำให้มีข่าวว่าทางค่ายกำลังเตรียมการทำภาคสี่ตอนในทันทีสรุปรวมหากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังบู๊สุดระห่ำ ระเบิดวินาศสันตะโรและอยากหาหนังแนวนี้ดูให้สนุกระหว่างที่โรงหนังและห้างยังไม่เปิดให้บริการ แนะนำครับ เรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนขอขอบคุณภาพประกอบบทความทั้งหมดจาก https://www.facebook.com/BadBoysMovie/