ฉันมาอยู่คราโคว โปแลนด์ ได้หลายวันแล้ว การที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ไม่เคยอยู่มาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนก็คือการหลงทาง ฉันก็เป็นคนนึงที่งงทิศทางอ่านแผนที่ไม่เป็นและมักจะหลงทางอยู่เสมอ เทคโนโลยีในโลกนี้ที่ฉันยกให้เป็นสุดยอดเทคโนโลยี และทำให้ชีวิตฉันดีขึ้นมากคือ Application แผนที่ในโทรศัพท์ แม้ว่ามันช่วยได้มาก แต่บางครั้งฉันก็ยังหลงอยู่ดี วันแรกที่ฉันต้องไปธุระในเมืองฉันดูจาก App ในแผนที่ว่าฉันสามารถเดินไปถึงได้ใน 20 นาที แต่ฉันก็ยังเดินหลงไปหลงมาจนใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง จริง ๆ แล้วในคราโควมีรถรางสาธารณะที่ให้บริการมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เราสามารถไปไหนมาไหนได้โดยรถรางด้วยราคาไม่แพง เช่น ถ้าซื้อตั๋ว 20 นาที ราคาตั๋วคิดเป็นเงินไทยประมาณ 32 บาท หรือตั๋ว 90 นาทีราคาประมาณ 54 บาทไทย เป็นต้น และตู้ขายตัวอัตโนมัติตั้งอยู่ทั่วไปตามป้ายจอดรถ แต่ด้วยความที่ฉันยังงงสายรถรางอยู่เลยเลือกที่จะเดินเสียมากกว่า แต่บางครั้งถ้าเราใช้การเดินตลอดก็เสียเวลามาก ฉันเลยคิดว่าต้องหาจักรยานซักคันไว้ใช้ในการไปไหนมาไหนดีกว่า ฉันเลยพยามหาแหล่งขายจักรยานมือสอง ตามที่หาข้อมูลมาเค้าบอกว่าใน Krakow จะมี Flea Market หรือตลาดนัดขายของมือสองที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ ที่ Plac Targowy Unitarg ทุกวันเสาร์ช่วงเช้า วันเสาร์ถัดมาฉันเลยตื่นแต่เช้า เดินจากที่พักไปยังตลาดนัด ที่นั่นมีของวางขายเกลื่อนกลาดประเภทที่ว่ามีของมือสองจากบ้านมาสองสามชิ้นก็เอามาวางขายได้ ฉันเดินไปบริเวณหน้าตลาดเจอจักรยานมือสองจอดกันเรียงรายเต็มไปหมด แต่เห็นจักรยานจอดอยู่ไม่รู้คนขายอยู่ตรงไหน ฉันคิดว่าไหน ๆ ก็มาแล้วเดินดูให้ทั่วตลาดก่อนดีกว่าเผื่อมีของน่าสนใจอย่างอื่นแล้วค่อยกลับมาซื้อจักรยานทีหลัง ในตลาดมีของหลากหลายมากตั้งแต่ผัก ผลไม้ ขนม ไส้กรอกทำเอง ภาพเขียนเก่า ถ้วย ชาม เฟอร์นิเจอร์ ปืน แถบประดับยศทหาร ของที่ระลึกจากสงคราม เรียกว่าละลานตามาก แต่ฉันก็ไม่กล้าซื้อของเก่าซักอย่างไม่ใช่ว่ากลัวสิ่งที่มองไม่เห็นจะตามมากับของหรอกนะ เพราะถึงตามมาก็ไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่อง แต่สาเหตุหลักคือไม่รู้จะต่อราคายังไงมากกว่าเลยไม่กล้าซื้อ เดินไปเดินมาซักพักฉันสังเกตดูคนที่มาเดินตลาดมีอยู่สองประเภทคือคนท้องถิ่นซึ่งจากการสังเกตคนที่มาก็จะเป็นผู้สูงวัยเป็นส่วนมากซึ่งดูจะสนิทชิดเชื้อกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเป็นอย่างดีเพราะฉันเห็นบางรายถึงกับตั้งโต๊ะนั่งกินข้าวเช้าจิบกาแฟคุยกันยาวเลยทีเดียว กับอีกประเภทนึงก็ประเภทอย่างฉันนี่แหละชาวต่างชาติที่เดินไปเดินมาอย่างสะเปะสะปะพร้อมถ่ายรูปเป็นระยะ ฉันเดินวนรอบตลาดโดยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาเลย จนกลับมาที่ร้านจักรยานฉันก็เดินไปจับจักรยานคันที่คิดว่าถูกใจทันใดนั้นเอง ลุงคนขายก็ปรากฏกายมาข้างหน้า โดยไม่รู้ว่าตอนแรกลุงแกไปแอบอยู่ตรงไหน ฉันสวัสดีลุงเป็นภาษาโปแลนด์ Dzień dobry (จิง ดอบเบร่) แล้วถามต่อด้วยภาษาอังกฤษ How much ? ลุงก็ทักฉันกลับแล้วหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าเขียนตัวเลข 200 PLN ฉันก็ชี้ไปที่คันข้าง ๆ ลุงก็เขียนตัวเลขส่งมาให้ดูอีก แล้วลุงก็ทำท่าขี่จักรยานตีความว่าฉันลองขี่ได้นะ ฉันก็หยิบจักรยานคันแรกมาลองขี่ดู ฉันนึกในใจลุงแกใจกล้าเนอะไม่กลัวว่าเราจะขี่หายไปเลยเหรอ ฉันลองจักรยานจนพอใจแล้วขี่จักรยานกลับมาที่ร้าน แล้วใช้นิ้วโป้งทำสัญลักษณ์คว่ำลงตีความบอกลุงว่าลดราคาได้ไหม ลุงหยิบกระดาษมาอีกรอบจากนั้นฉันกับลุงก็ยืนเขียนเลขราคาฟาดฟันกันไปมาพักใหญ่ ตกลงฉันได้จักรยานมาในราคา 170 PLN คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,500 บาท ฉันเดินตลาดอีกพักนึงเพื่อหาซื้อที่ล็อคจักรยาน ไฟหน้า และกระดิ่ง ฉันได้ที่ล๊อคจักรยานซึ่งเป็นของมือหนึ่งมาในราคา ปรมาณ 200 บาทไทย ไหน ส่วนไฟหน้าและกระดิ่งเป็นของมือสอง ได้มาในราคาแสนถูกสองอย่างรวมกันราคาประมาณ 150 บาทไทย โดยใช้เวลาหาของทั้งหมดไม่เกินครึ่งชั่วโมง จากนั้นฉันขี่จักรยานไปแวะกินกาแฟ แล้วเดินทางไปอีกฟากนึงของแม่น้ำ Vistula ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่าใจกลางเมืองนี้คล้าย ๆ กับแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฉันขี่จักรยานผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ โดยสะพานที่ฉันขี่ผ่านเป็นสะพานที่จำเพาะสำหรับคนเดินและจักรยานเท่านั้นชื่อ Father Bernatek's Bridge บนสะพานมีปะติมากรรมแขวนอยู่เป็นนักกายกรรมในท่าทางต่าง ๆ ดูแล้วแปลก และเก๋ดี แต่ที่ขาดไม่ได้สำหรับสะพานแห่งนี้ และหลายสะพานชื่อดังในโลกคือกุญแจคู่รักที่แขวนไว้เต็มสะพาน บางครั้งฉันก็อยากรู้จริง ๆ ว่าใครนะเป็นคิดเรื่องนี้เป็นคนแรกในโลก ตอนนี้เค้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ดีใจ ภูมิใจ ที่ทำให้คนหลายคนในโลกนี้ทำตาม หรือเสียใจที่ทำให้สะพาน หลาย ๆ แห่งในโลกกลายเป็นสะพานที่ดูรุงรังอย่างบอกไม่ถูก หมายเหตุ: ภาพประกอบบทความทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน